13 ต.ค. 2019 เวลา 12:43 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Survival Bias กับดักทางสถิติของผู้อยู่รอด
ฝ่ายสัมพันธมิตรสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ได้เก็บข้อมูลตำแหน่งที่ถูกยิงของเครื่องบินทิ้งระเบิดที่รอดจากการรบ พวกเขาได้พบว่า ปีก และ หางเสือมีจำนวนรูจากการถูกยิงมากที่สุด ในขณะที่ห้องเครื่อง และ ห้องนักบินแทบจะไม่มีร่องรอยการโดนยิง
ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างฉับไว และ การสั่งการที่เฉียบขาด นายพลผู้มีอำนาจจึงได้สั่งให้ติดตั้งเกราะที่บริเวณปีก ซึ่งเป็นจุดที่โดนยิงมากที่สุด เพื่อเพิ่มอัตรารอดจากการรบ
แต่อัตราการรอดกลับไม่สูงขึ้น ทั้งที่ติดตั้งเกราะได้ถูกจุดแล้วแท้ๆ…
มีคนที่เชื่อจนสาบานให้แม่บึ้มเลยว่า การกินฉี่สามารถรักษาโรคได้ เชื่อขนาดที่เอาไปแอบใส่ให้ชาวบ้านกิน และมักจะเสริมความน่าเชื่อถือของการดื่มปัสสาวะด้วยสถติ(ที่เก็บเอาเอง) ของผู้ที่หายป่วย(ตีความเอาเอง) จากการกินฉี่(ที่เบ่งออกมาเอง) ไม่เชื่อในศาสตร์โบราณงั้นรึ ดูคนแก่สมัยก่อนสิ อายุเป็นร้อย คนเมืองไม่ทันไรก็ป่วยตายแล้ว….
ซึ่งนับเป็นวิธีคิดที่อาจจะนำมาซึ่งความวิบัติบรรลัยทางสาธารณะสุข
คุณอยากมีธุระกิจเป็นของตัวเอง แต่ไม่มีเงินทุนไหมครับ?
เคยคับข้องใจกับการทำงานในออฟฟิศที่ไร้อิสระไหมครับ?
เคยคิดจะมีรายได้แบบ แพสสิฟอินคัมไหมครับ?
ลองดูจากผู้ประสบความสำเร็จระดับมงกภฏพาลาเดียมดิวราลูมินสโนว์เฟลคออบซิเดียนเหล่านี้ ที่ผลักดันตัวเองจากผู้ที่ประสบปัญหาด้านการเงิน จนกลายเป็นยอดแห่งปิรามิดการขายแบบลำดับขั้นดูสิครับ!!
การตั้งใจเรียนในระบบมหาวิทยาลัยไม่ใช่ทางออกทางการเงินอีกต่อไป ดูอย่างศาสดาพยากรณ์สตีเว่น พอล แห่งตระกูล จอบส์ หรือ บิลเลี่ยนแนร์ไม่ค่อยจะเพลย์บอยฟินแลนโธรปิสต์ อย่าง วิลเลี่ยม เฮนรี่ ที่สาม แห่งตระกูลเกตส์ ที่ลาออกจะมหาวิทยาลัยกลางคัน เพื่อตามหาฝันจนประสบผลสำเร็จในที่สุด ฝันของ คุณต้องไขว่คว้า!!!!
เอ้า ปรบมือรัวๆ
 
จริงๆแล้วยังมีอีกหลายตัวอย่างครับ
 
เช่น
ในแวดวงคนฟังเพลงเก่า มักจะเปรยอยู่บ่อยๆว่า “เพลงเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อน ฟังสิ เพลงเก่ามีแต่ดีๆเพราะๆ เพลงรุ่นใหม่มันมีแต่เพลงตลาดๆ”
 
ในแวดวงอุตสาหกรรมมักเปรยว่า “เดี๋ยวนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆไม่ทนเหมือนสมัยก่อน ดูเครื่องมือจากยุคสงครามโลกชิ้นนี้สิ ยังใช้ได้ดีอยู่เลยเห็นไหม”
ตัวอย่างที่ยกมา มีอคติร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง
 
สมองมนุษย์ไม่ได้ถูกวิวัฒนาการมาให้ใช้หลักการทางสถิติที่ถูกต้องโดยธรรมชาติ....
 
ถ้าพุ่มไม้สั่นไหว ลิงไร้ขนที่เป็นนักวิทยาศาตร์จะสังเกตุการณ์เพื่อให้รู้ถึงต้นเหตุ อาจมีการจำลองการสั่นไหวในห้องทดลองเพื่อกำหนดตัวแปร หรือ สังเกตุในกลุ่มตัวอย่างที่มากพอ เพื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุแท้จริง...
แต่ในทุ่งสะวันนา นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นจะโดนซิมบ้าจากผาทรนงจับกิน...แต่ลิงไร้ขนที่รอดคือลิงที่สามารถเชื่อมโยงการสั่นไหวของพุ่มไม้เข้ากับการล่าของสัตว์ป่าอย่างรวดเร็ว และเลือกที่จะปักใจว่ามีอันตรายไปก่อนที่จะมีหลักฐานชัดเจน หนีให้ไว...ลิงไร้ขนขี้มโนเหล่านี้ จึงมีเวลาพอจะไปหาคู่และสืบพันธุ์....
สรุปคือ อคติมันเป็นดีฟอลต์โหมดของคน และ มันก็มีประโยชน์...ถ้าคุณเป็นนักหาของป่า-ล่าสัตว์ ที่ต้องการเพียงแค่เอาตัวรอดจากสิ่งแวดล้อมให้นานพอ...ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรผิด ถ้านั่นเป็นวิถีชีวิตของคุณ
แต่เหล่าข้าทาสแห่งความศิวิไล ที่ถูกพันธนาการด้วยระบบสังคม วิทยาการ และ คุณภาพชีวิต อาจจะได้ประโยชน์จากการวางอคตินั้นไว้ แล้วพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้เห็นรูปแบบที่แท้จริง ก่อนที่จะด่วนสรุป ไม่มาก ก็นาก….เอ้ย! น้อย
เรามารู้จักกับนายอับราฮัม ซึ่งไม่ได้มีบุตร7คน เพราะเขาไม่ได้เป็นตัวละครในคัมภีร์ทางศาสนา แต่เป็นกระทาชายนักคณิตศาสตร์ชาวฮังกาเรียน มีนามสกุลว่า วอล์ด(Wald) ช่วงสงครามโลก เขาหลบหนีมาเข้ากับฝ่ายสัมพันธมิตร(ดูจากชื่อก็จะทราบเหตุผล) และใช้ความสามารถทางสถิติ ในการช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรมีชัยเหนือนาซี
หลังจากที่เขาเห็นข้อมูลตำแหน่งของเครื่องบินที่ถูกยิง เขาก็พบกับกับดักทางสถิติอย่างหนึ่ง เครื่องบินที่รอดตายจากสมรภูมิกลางเวหานั้น ถูกยิงจนพรุนในบริเวณปีกก็จริง แต่นั่นมันหมายถึง เครื่องบินที่ไม่รอดถูกยิงที่ห้องนักบินรึเครื่องยนต์นั่นเอง การมองแต่ผู้ที่รอด ทำให้แม้ว่าเราจะมีข้อมูล ก็สามารถตีความผิดพลาดได้ หลังจากนั้นจึงมีการเสริมเกราะบริเวณห้องนักบินและเครื่องยนต์ อัตรารอดของเครื่องบินทิ้งระเบิดจากสนามรบก็เพิ่มขึ้น…
การที่มองแต่ผู้อยู่รอดจากสมรภูมิ ผู้ที่หายป่วยจากการกินฉี่ ผู้ที่ประสบความสำเร็จทางการขายแบบลำดับขั้น และ เศรษฐีที่ไม่มีวุฒการศึกษา คืออคติผู้อยู่รอด (survivor bias) ซึ่งก็คือการคิดที่มองแต่ผู้อยู่รอดและเพิกเฉยผู้ที่ล่มเหลว จนทำให้ภาพรวมบิดเบี้ยวไป
ยกตัวอย่างในแบบเด็ก’ถาปัด
อาคารโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมา และหลงเหลือจนถึงทุกวันนี้ เมื่อคนทั่วไปได้มาชื่นชม มักจะเปรยว่า อาคารสมัยก่อนนั้นสร้างมาได้อย่างทนทาน แม้เวลาล่วงมานับร้อยปี วัสดุที่ไม่ได้มีความซับซ้อนทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ก็คงทน
แต่เดี๋ยวก่อน หากลองพิจารณาดูดีๆ จะเห็นว่าอาคารที่หลงเหลืออยู่นี้ เป็นเพียง หนึ่งในร้อยหนึ่งในพันของอาคารในยุคนั้น ซึ่งบางหลังก็พังลงไปในเวลาอั้นสั้น อาคารที่เหลือรอดจึงไม่ใช่ตัวแทนที่ดีของอาคารในยุคโบราณ กลับกัน มันคือข้อยกเว้น ที่อาจจะเกิดจากความทุ่มเทในการสร้างที่สูงกว่าอาคารหลังอื่น วัสดุชั้นดีเกิดกว่าค่าเฉลี่ย รึ...บังเอิญ…
ผู้อยู่รอดมักมีเรื่องราวที่ตื่นเต้น เร้าใจ มีเสน่ห์ดึงดูด น่าอิจฉาและยินดีไปด้วย ที่ถูกนำมาเล่าต่อได้อย่างมีอรรถรส ในขณะที่ผู้ล้มเหลวก็เป็นเพียงตัวเลขหนึ่งที่อาจจะถูกมองข้าม รึ ละเลยที่จะถูกจดบันทึกด้วยซ้ำ อคติของผู้อยู่รอดเลยเป็นสิ่งที่ทุกคนมี รึ เคยมีทั้งนั้น
แล้วเมื่อเห็นว่ามีอคติแบบผู้อยู่รอดแล้ว เราจะทำอะไรกับมันได้บ้าง??
 
ไม่ยากครับ แต่ก็ไม่ง่าย
ขั้นแรกคือการตั้งข้อสงสัยกับเหตุการณ์รึคำบอกเล่า ที่อาจดูมีเหตุผลในแว่บแรก
เปิดกว้างที่จะยอมรับว่า ความคิด และเข้าใจที่เราเชื่อว่ามันมีเหตุผล อาจมีข้อมูลที่ซุกซ่อน รึแง่มุมที่เรามองพลาดไป
แล้วเราต้องไม่ลืมที่จะมองผู้ที่ผิดพลาด ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น และที่สำคัญเรียนรู้จากความล้มเหลวของตนเองและผู้อื่น
เช่น อย่ามองแต่เฉพาะผู้ที่อ้างว่าหายจากโรคด้วยการกินฉี่ ลองหาข้อมูลของผู้ที่อาการไม่ดีขึ้น รึ ข้อเสียรวมถึงความเสี่ยงจากการกินของเสียที่ร่างกายขับถ่ายออกมา
นอกจากจะเรียนรู้ขั้นตอนที่จะทำให้สำเร็จได้มงกุฏลาพิสลาซูรี่บิสมัธอะเมธิสต์ทัวมารีนแล้ว เราต้องไม่ลืมมองผู้ที่เข้าร่วมธุระกิจแต่ขาดทุน ล้มเหลว รึเลิกกลางคัน ลองศึกษาอัตราส่วนผู้ที่ได้กำไร ต่อ ผู้สมัครทั้งหมด
นอกจากจะมองเกตส์ และ จอบส์ เป็นไอดอล ลองมองไปถึงสถิติรายได้ของผู้ไม่มีวุฒิการศึกษา เมื่อเปรียบเทียบกับผู้จบการศึกษา มองไปที่สถิติผู้ตกงานว่ามักจะมีวุฒิการศึกษาใด แล้วก็เลิกเถียงพ่อแม่ที่ส่งเสียคุณไปเรียนด้วยการอ้าง ศาสดาจอบส์ และ นักบุญเกตส์เสียที
โฆษณา