Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฟุตบอลสีน้ำพู - Football Romcom
•
ติดตาม
15 ต.ค. 2019 เวลา 01:34 • กีฬา
จากใจบังดุล…เอาจริงนะ ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้ลีกคัพเป็นรางวัลสุดท้ายในชีวิต
ภาพนั้นเหมือนความฝัน ใครเอยจะคิดว่า พีที ประจวบ จะหาญกล้า ชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์โตโยต้า ลีกคัพปีนี้มาครองได้สำเร็จ
ส่วนภาพของกัปตันทีม เจ้าของรอยยิ้มมหาเสน่ห์ตอนชูถ้วยนั่น…ช่างดูคุ้นตา
“ดู เฮนโด้ (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน) มาครับ ตอนยูฟา แชมเปียนส์ลีก เค้าซอยเท้า แล้วชูถ้วย ณ ตอนนั้นสำหรับผมมันก็เป็นโมเมนท์นะ” อดุลย์ หมื่นสมาน กัปตันทีม “ต่อพิฆาต” เปิดใจถึงช็อตสำคัญแห่งชีวิต
ในฐานะ “เดอะ ค็อป ตัวยง” การนำทัพคว้าแชมป์โตโยต้า ลีกคัพได้ อารมณ์มันช่างยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากยอดนักเตะในทีมโปรด ลิเวอร์พูล นักหรอกน่ะ ถ้าจะก็อปปี้ลีลาการฉลองแชมป์มาใช้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
“นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้เป็นคนชูถ้วยเป็นคนแรกของทีมนะ แล้วเราไม่ได้เป็นทีมใหญ่อะไรด้วย ความสุขมันก็มาแบบเต็มเปี่ยมเองโดยอัตโนมัติ และที่สำคัญ…วันนั้นแฟนบอลเรามาเยอะ พอเราทำได้ ทุกคนก็แฮปปี้ มีความสุขตามเราไปด้วย” กัปตันทีมต่อพิฆาตเผยความรู้สึก
“ลึก ๆ พวกเราตั้งใจมาก พอเข้ามาถึงรอบชิงแล้ว ทุกคนก็ตั้งใจกับนัดนี้มาก เราก็อยากจะหักปากกาเซียนนะครับ พอมันทำได้ก็เหมือนปลดปล่อยเลย”
ผม-ผู้เขียน นัด อดุลย์ หมื่นสมาน กัปตันทีมประวัติศาสตร์แห่ง พีที ประจวบ มาพูดคุยกันที่ร้านคาเฟ่ อเมซอน สวนหลวงสแควร์ จุฬาฯซอย 12 ของเหล่านักฟุตบอลรุ่นน้องในรั้วจามจุรีของ บังดุล เพื่อพูดคุย สอบถามสารทุกข์สุขดิบ รวมทั้งเปิดใจกันถึงเรื่องราวแชมป์ในครั้งนี้ รวมไปถึงเรื่องในอนาคต
และได้พบว่า ในวัย 38 ปี อดุลย์ ยังเปี่ยมไปด้วยความฝัน และความมุ่งมั่นในเรื่องฟุตบอลอย่างไม่เสื่อมคลาย…
เช็คอินว่ามาถึงร้านกาแฟแห่งนี้แล้วสักหน่อย
พีที ประจวบ ก้าวขึ้นมาสู่ T1 หรือ โตโยต้า ไทยลีก ได้เป็นครั้งแรกเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ซึ่งลูกทีมของ ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ก็สร้างผลงานได้อย่างเซอร์ไพร้ส์ แกร่งในบ้าน เก็บผลที่ต้องการได้อย่างสม่ำเสมอ จนเกาะหัวตารางในช่วงต้น ๆ ฤดูกาล แต่ด้วยความเป็นน้องใหม่ ก็เลยอาจจะต้านแรงเสียดทานของทีมเก่า ๆ ไม่ไหว สุดท้ายอันดับก็เลยรูดลง แต่ถามว่าแฟน ๆ พอใจผลงานในฤดูกาลแรกไหม?
ต้องบอกเลยว่า “มาก!”
เข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 คือปีนี้ แน่นอน…พวกเขาไม่ได้วาดหวังอะไรสูงส่งมากนัก
“ก่อนเปิดฤดูกาล เราไม่ได้คาดหวังแชมป์อะไรนะครับ คิดแค่ว่าบอลถ้วยจะพยายามเข้าให้ลึกที่สุดแค่นั้นเอง” อดุลย์ เผยความคิดเมื่อราว 7 เดือนก่อน
แต่ “ความหวังในบอลถ้วย” กลับสูญหายไปอย่างรวดเร็ว แค่รอบแรกที่ลงแข่งเอฟเอคัพ เมื่อโชคร้าย จับสลากพบทีมแกร่งอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และไม่อาจจะต้านทานได้
ส่วนถ้วยลีกคัพนั้น ทีมผ่านไปได้เรื่อย ๆ สวนทางกับเส้นทางในไทยลีกที่ตกไปจากฤดูกาลก่อนเยอะเลย จนอยู่ใกล้โซนตกชั้น!!!
“ช่วงที่ทีมผลงานตกลงมา มันก็มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างครับ อย่างแท็กติกที่เคยใช้ ๆ มา มันเริ่มตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควร เช่น พอเราทำไม่ได้ แต่กลับมาโดนจนแพ้ อะไรแบบนี้ มันเป็นเรื่องของโมเมนตัมด้วย พอแพ้ สภาพจิตใจเราก็แย่ เหมือนเครียดสะสม ๆ ไป” กัปตันทีม พีที ประจวบ วิเคราะห์ถึงผลงานทีม
“หลาย ๆ แม็ทช์ ผมมองว่าพวกเราทำงานได้ดีนะครับ น้อง ๆ ทำงานได้ดี เหลือแค่ผลที่ต้องการเท่านั้น…ซึ่งเราทำไม่ได้ หลายแม็ทช์เราน่าชนะ ก็มาโดนตีเสมอท้ายเกมอะไรแบบนี้ หรือบางแม็ทช์ เรามีโอกาสทำเค้าได้เยอะมาก แต่ทำไม่ได้ แล้วมาโดน”
นั่นคือช่วงวิกฤตของทีม ที่ อดุลย์ หมื่นสมาน ในฐานะกัปตันทีมต้องก้าวเข้ามามีบทบาทในการกู้นาวาที่โอนเอนลำนี้ด้วย
“มันมีจุดที่ทำให้พวกเราหันหน้ามาคุยกันมากขึ้น ทั้งนักฟุตบอล, ทีมงาน, ผู้บริหาร โดยผมในฐานะพี่ใหญ่ก็จะเหมือนเป็นตัวเชื่อมซะมากกว่า เราก็คุยกันว่าขาดเหลืออะไรไป, จะปรับจูนกันยังไง เราช่วยกันคนละไม้ละมือ แล้วการหันหน้าคุยกันมันได้ผลครับ ทีมเราเริ่มปรับตัวเองได้และสภาพจิตใจก็ดีขึ้น จากนั้นผลการแข่งขันก็ตามมา”
ทำหน้าที่กัปตันทีมอย่างเข้มแข็ง ทั้งในและนอกสนาม ภาพจากเพจ PT Prachuab FC
จุดเปลี่ยนสำคัญของ พีที ประจวบ ในฤดูกาลนี้ก็คือ เกมรอบรองชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด นั่นเอง
แม้จะเพิ่งร่วงตกรอบควอเตอร์ ไฟนอล เอฟเอคัพ ชวดลุ้นทริปเปิลแชมป์ไปหมาด ๆ แต่ก็ไม่มีใครคิดหรอกว่า “กว่างโซ้ง” จะชวดแชมป์ติด ๆ กันภายในรอบสัปดาห์เดียว
ซึ่ง “ต่อพิฆาต” ทำได้!!! เขี่ยยอดทีมจากแดนล้านนาร่วงด้วยการดวลจุดโทษ หลังเสมอใน 120 นาทีแบบสุดมันส์ เกมพลิกไปมา
“พอเราชนะ ผ่านเข้าชิงได้สำเร็จ มันเหมือนความกดดัน, ความคาดหวังที่เราแบกมาลึก ๆ ในใจตลอดถูกปลดปล่อยออกไป” อดุลย์ แสดงความเห็น
ผลงานในลีกดีขึ้น จนดูน่าจะปลอดภัยจากโซนแดงแล้ว แค่นี้ก็ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ “ก็โอนะ” ของ พีที ประจวบ แล้วแหละ แต่จะทำให้มันเป็นฤดูกาลที่หอมหวานขึ้น นั่น…ต้องคว้าโบนัส สอยถ้วยแชมป์ลีกคัพมาให้ได้สิ!!!
“พอเราผ่าน สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มาได้ เข้ามาถึงรอบชิง…ผมมองว่ามันคือส่วนของกำไรแล้วนะ แล้วการมาถึงขนาดนี้ มันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว” บังดุล เผยความรู้สึก “ความจริงเราก็ให้เกียรติ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นะ แต่ในทีมเราก็มีน้อง ๆ ที่มีความสามารถเยอะมาก ก็ทำให้แอบหวังลึก ๆ แหละว่ามีโอกาส เพราะบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ แล้วการเจอพวกเขามา 2 ครั้งในปีนี้ ในลีก มันก็ทำให้เราหวังลึก ๆ ได้”
นัดแรกคือเกมที่ ช้าง อารีนา ซึ่ง “ปราสาทสายฟ้า” เกือบเอาตัวไม่รอด มายิงประตูชนะได้แบบหืดขึ้นคอ ส่วนเกมที่ สามอ่าว นั้น เสมอกันไป
“เรารู้สึกว่าปีนี้เราสู้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ พวกเค้าก็แข็งแกร่งแหละ แต่ก็มีปัญหาในเรื่องของทีมอยู่”
เมื่อครั้งนำทัพ บุกไปแพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หวุดหวิด เมื่อต้นฤดูกาล
ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เฮดโค้ช พีที ประจวบ ให้ความสำคัญกับเกมนี้มาก แม้ตามสถิติ ทีมจะยังไม่เคยมีชัยเหนือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เลย ตลอด 2 ปีที่ขึ้นมาโลดแล่นใน โตโยต้าไทยลีกก็ตาม
“เราอาจไม่เคยชนะพวกเขา แต่อย่างน้อยเราก็จะเป็นคู่แข่งที่สูสีสำหรับเขา สถิติมีไว้ทำลาย ครั้งนี้ผมอาจชนะพวกเขาก็ได้ครับ”
โค้ชวัง ประกาศในการแถลงข่าวก่อนเกมไว้แบบนั้น
หลังบุกไปเสมอ ตราด 0:0 ในไทยลีก โค้ชวัง ก็นำทัพเข้าสู่เมืองหลวงทันที โดยเก็บตัวฝึกซ้อมกันที่ ม.กรุงเทพธนบุรี เพื่อให้ทีมพร้อมที่สุดสำหรับไฟนอลเกมที่ เอสซีจี สเตเดียม ในอีก 6 วันต่อมา
“พี่วัง อยากให้เรามีสมาธิ ตั้งใจทำให้มันเต็มที่ ซึ่งแม็ทช์ชิง ตามหน้าเสื่อทุกสำนักมองว่าเราเป็นรอง มันยากมาก แกเลยบอกว่า เราไม่มีอะไรต้องเสีย มาถึงขนาดนี้แล้ว เหลืออีกก้าวเดียว ทำให้มันเต็มที่ ถ้าทำเต็มที่เราก็มีโอกาส แล้วเราก็มีความสามารถพอที่จะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ แกพยายามบิวท์ให้พวกเราทุกคนมีสมาธิ ให้ทุกคนลงไปแล้วไม่ต้องกลัวอะไร ไม่ต้องเครียดกับผล คือสุดท้าย…ถ้าเราจะแพ้ แต่ถ้าเราเต็มที่แล้ว ทุกอย่างมันก็โอเคแหละ” กัปตันทีมต่อพิฆาตย้อนคำปลุกใจของโค้ชคนเก่งให้ฟัง
ส่วนเรื่องของการวางเกมนั้น อดุลย์ หมื่นสมาน บอกว่า
“โดยแท็กติกก็พยายามรับให้แน่นแหละครับ แต่ พี่วัง ก็ไม่ได้ให้ รับจ๋า คือ…เราพร้อมจะรุกเมื่อมีโอกาส แล้ววันนั้นพวกน้อง ๆ ทำงานกันได้ดี ถ้าใครดูเกมวันนั้น จะเห็นว่าเราไม่ได้รับตลอดเวลา เราสามารถที่จะโต้ตอบเค้าได้พอสมควร”
หมากเกมนี้ของ โค้ชวัง และลูกทีมได้ผลอย่างจัง เมื่อ พีที ประจวบ ทำเซอร์ไพร้ส์ ขึ้นนำได้ก่อน 1:0!!!
“ตอนนำ 1:0 ก็ยังไม่ถึงกับมั่นใจนะ เพราะฟุตบอลมันเกิดอะไรขึ้นได้ทุกวินาที” บังดุล ย้อนความรู้สึก ณ โมเมนท์นั้น “แต่ผมมั่นใจในสปิริตและความตั้งใจของน้อง ๆ ทุกคน ที่พยายามและทำงานในเรื่องแท็กติกและเรื่องของเกมรับได้ดี ต้องยกเครดิตให้น้อง ๆ หลายคน ทั้งคิว (ณัฐพงษ์ ขจรมาลี – ผู้รักษาประตู) แล้วก็คนอื่น ๆ ที่ช่วยกันซ้อน พอคนนึงพลาด อีกคนก็มาช่วย”
บังดุล ก็ร่วมด้วยช่วยกันกับน้อง ๆ ในทีม ตรึงเกมรับอย่างหนัก ภาพจากเพจ PT Prachuab FC
แต่น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน หัวใจต่ออ่อน ๆ ก็เช่นกัน ยิ่งเมื่อต้องเปลี่ยนแท็กติกของเกมเนื่องจากการบาดเจ็บของแนวรุกด้วย
“ช่วงหลัง ๆ มันเลยกลายเป็นรับมากกว่าในช่วงแรกที่รับแล้วโต้ มันเหมือนบังคับรับไป แล้วเรามีตัวใช้งานน้อยด้วยเพราะในทีมมีตัวที่ยืมมาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซะ 4 ตัว เลยไม่สามารถใช้งานได้ โอกาสรุกขึ้นไปของเราเลยน้อยลง…เหมือนรอโดน” อดุลย์ บรรยายเกม
และในที่สุดทำนบของ พีที ประจวบ ก็พังลงจนได้ เมื่อโดน “ปราสาทสายฟ้า” ตามตีเสมอ
“โดนตีเสมอ…ตัวผมเองยังไม่เกร็งนะ แต่ในทีมต้องยอมรับว่า พอโดนตีเสมอก็มีช่วงที่เราเสียสมาธิไป คือ…มันเหมือนทุกคนตั้งใจกัน แต่พอตั้งใจแล้วมาโดน มันเลยเหมือนสมาธิหลุดไปช่วงนึงเลย จนเหมือนช็อต ที่เกือบโดนแบบจวนเจียนอีก แต่พอผ่านไปสักระยะ เราก็บิวท์กันจนกลับมาสู่เกมได้” กัปตันทีม พีที ประจวบ รำลึกความหลังถึงเกมสำคัญ
“เราก็หวังเอาในเวลาเลยนะ แต่ด้วยตัวรุกที่เจ็บไป ก็เลยทำให้แท็กติกในการโต้กลับของเราดร็อปลงมาบ้าง จนเหมือนรับเยอะไป ซึ่งด้วยศักยภาพของตัวผู้เล่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ดีกว่าเราอยู่แล้ว เกมมันเลยเป็นไปโดยอัตโนมัติที่เราต้องรับ แต่เราก็หวังนะ…ว่าถ้ามีโอกาสสวนก็อยากทำให้ได้ แต่พอทำไม่ได้ก็ต้องยื้อไปถึงดวลจุดโทษครับ เพราะพอมาถึงช่วงต่อเวลาแล้ว ก็คงไม่มีใครอยากแพ้ในช่วงต่อเวลาหรอก”
ที่น่าสนใจคือ แม้จะยืดยื้อถึงต่อเวลา แต่คนที่อายุอีก 2 ปีถึงหลักสี่ ยังยิ้มสู้ ร่วมเป็นปราการแกร่งกับน้อง ๆ ในทีมได้อย่างน่าชมเชย
“โดยส่วนตัวผมก็มีการดูแลร่างกายเสมอนะ พยายามทำตามโปรแกรม แล้วก็มีเสริมด้วยตัวเองในส่วนที่เรายังขาดไป และจะพูดไป การอยู่อาศัยที่ประจวบฯ สิ่งเร้ามันน้อยนะ ผมคิดว่าตอนนี้ร่างกายผมดูเฟรชกว่าตอนเล่นในกรุงเทพฯด้วยซ้ำ” กัปตันทีมวัย 38 เผยเคล็ดลับ
“อีกส่วนนึงคือผมอาจจะโชคดีที่มีน้อง ๆ ในทีมช่วยซัพพอร์ตเยอะมาก เค้าอาจจะเหนื่อยมากกว่าผมด้วยซ้ำเพราะต้องมาช่วยผม ในส่วนนี้ก็ต้องยกเครดิตให้น้อง ๆ ครับ”
พีที ประจวบ ยิงพลาดตั้งแต่ลูกแรก ความกดดันทั้งมวลจึงตกมาอยู่บนสองบ่าของคนยิงคนที่ 2 และไม่ใช่ใครที่ไหน…อดุลย์ หมื่นสมาน คนนี้นี่เอง
“ผมไม่ได้ยิงจุดโทษมาหลายปีแล้ว…ประมาณ 3-4 ปีแล้วนะ 555” บังดุล เกริ่นนำด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตัวเอง “ตอนนั้นก็ยิงบอลถ้วยเหมือนกัน เพราะในเวลา หน้าที่การยิงจุดโทษต้องเป็นคนอื่นยิงอยู่แล้วครับ”
“คนแรกเพิ่งพลาดมาด้วย ถามว่าตื่นเต้นไหม? คงไม่หรอกครับ แต่กดดันแน่ ๆ เพราะคนแรกยิงไม่เข้า แล้วเราเป็นฝ่ายยิงทีหลังด้วย ทำให้ตอนนั้นเค้านำไปแล้ว 2 ลูก ถ้าผมยิงไม่เข้าขึ้นมา โอกาสกลับมายากมากเลยนะ ที่สำคัญคือ แชมป์ (ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน) เป็นคนที่เซฟจุดโทษได้ดีคนนึง มันเลยเหมือนต้องวัดใจ”
ตูม!!!
แต่กัปตันทีม พีที ประจวบ ก็ซัดเข้าไปได้
“ก็โอเคแหละเราทำได้ มันก็เลยเหมือนโมเมนตัมทีมยังไม่เสียไป เรายังสามารถที่จะกลับมาได้ แล้วก็ยอมรับว่ายิงเข้าปุ๊บ…มันก็โล่งเลย”
ลีลาการยิงจุดโทษของ อดุลย์ หมื่นสมาน ภาพจากเพจ PT Prachuab FC
เมื่อโมเมนตัมยังไม่สูญเสียไป หลังจากนั้นก็ดังเรื่องราวที่เราได้รับรู้กันนั่นแหละ
ประวัติศาสตร์ต้องจารึก…พีที ประจวบ คว้าแชมป์ โตโยต้า ลีกคัพ 2019!!!
หลังจากเสร็จพิธีการมอบเหรียญ มอบป้ายรางวัล ท่านประธานสโมสร พีที ประจวบ ขึ้นรับถ้วยเป็นเกียรติ เป็นศรีแล้ว ก็ถึงคราวที่นักเตะทุกคนจะได้เฉลิมฉลอง
อดุลย์ หมื่นสมาน ในแอคชันแบบ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซอยเท้ายึก ๆ แล้วก็ชูถ้วยชนะเลิศขึ้นเหนือศีรษะ ด้วยสีหน้าที่ปลาบปลื้ม อิ่มเอมไปด้วยความปีติยินดี ประกาศให้ทั่วเมืองไทยได้รู้ว่า ต่อพิฆาตฝูงนี้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับทีมได้แล้วนะ
“ในบทบาทของกัปตันทีม พอทีมต้องมาดวลจุดโทษ หน้าที่ของผมก็ทั้งปลอบใจคนยิงพลาด มีจัดสรรคนที่จะยิงด้วยนะ” อดุลย์ เล่าพลางหัวเราะขำเล็ก ๆ “คือโค้ชให้เครดิตพวกเราคุยกันเองเลยครับ ใครมั่นใจก็จัดการกันเลย เราก็คุยกับน้อง ๆ ว่าใครพร้อม ใครไม่พร้อม ซึ่งน้อง ๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองเมื่อได้รับมอบหมายได้ดี แต่ผมรู้แหละว่าทุกคนกดดัน โดยเฉพาะตอนยิงต่อแบบซัดเดนเดธ ซึ่งเรายิงหลังด้วย ถ้าเค้ายิงเข้า เรายิงไม่เข้าก็แพ้เลย ทุกคนจะกดดันมาก ต้องให้เครดิตน้อง ๆ ที่สุดท้ายทุกคนยิงดีด้วยครับ”
อดุลย์ หมื่นสมาน สวมปลอกแขนกัปตันทีมในลีกอาชีพเมืองไทยครั้งแรกสมัยอยู่ จุฬา ยูไนเต็ด เมื่อปี 2009 หลังจากที่กัปตันทีมตัวจริงอย่าง วรชัย สุรินทร์ศิริรัฐ (ปัจจุบันเป็นเฮดโค้ช ไทยฮอนด้า) บาดเจ็บ จะว่าไป…นี่ก็ 10 ปีพอดีแล้วสินะ
ผม-ผู้เขียน จำได้ว่า สมัยนั้น “บังดุล” ก็ไม่ได้ถึงขนาดอยากเป็นกัปตันทีมนักหรอก 555 มีการ “ถือเคล็ด” แบ่งให้ อภิวัฒน์ งั่วลำหิน (ปัจจุบันอยู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ใส่ปลอกแขนในบางแม็ทช์ด้วย
“ตอนนั้นผมมองว่าตัวเองก็ยังเด็กอยู่ ยังอาจจะมีคนที่เหมาะสมกว่า แต่ถ้าเค้ามอบหมายให้เรา…ก็เต็มที่ครับ แล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติด้วย ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่หัวหน้าทีมทุกครั้ง และจะว่าไป ด้วยปลอกแขนกัปตันทีมนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย เพราะเราต้องควบคุมตัวเอง ควบคุมคนอื่นให้ได้ ไม่งั้นเราก็ไม่สามารถคุมน้อง ๆ ในทีมได้” อดุลย์ หมื่นสมาน เปิดใจ
อดุลย์ “เฮนโด้” หมื่นสมาน กับถ้วยแชมป์!!! ภาพจากเพจ PT Prachuab FC
ผม-ผู้เขียน นั่งคุยกับ อดุลย์ หมื่นสมาน พลางจิบกาแฟอย่างออกรสออกชาติมาเกือบครึ่งชั่วโมง ใบหน้าของอดีตกัปตัน จุฬา ยูไนเต็ด คนนี้ ยังฉายให้เห็นถึงความปลาบปลื้มนั้นอยู่ แม้จะผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้ว
แต่สีหน้าแห่งความอิ่มเอิบนั้น ผม-ผู้เขียน รู้ว่ามันจะเริ่มค่อย ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่งดงามของยอดแบ็คซ้ายชาวสตูลแล้วแหละ
สำหรับคนที่มุ่งมั่นบนถนนสายลูกหนัง คนที่เริ่มต้นจาก 0 เขาพร้อมมองไปข้างหน้าเสมอ
“ความจริง ผมก็ยังมีความสุขกับตรงนี้อยู่นะครับ ถ้ามันยังลงตัวหรือร่างกายยังไปได้ ก็ยังอยากทำงานในฐานะนักฟุตบอลอีกสักปีนึง แต่ก็จะเริ่มเรียนรู้งานเบื้องหลังไปในตัวด้วย” อดุลย์ ตอบเมื่อ ผม-ผู้เขียน ถามเรื่องอนาคต…ไม่ไกลหลังจากนี้
“ส่วนฐานะในทีม…ผมมองว่าแล้วแต่จังหวะและโอกาสมากกว่าครับ ถ้าเค้าใช้ เราก็พร้อม, ถ้าเค้าไม่ใช้ เราก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเสมอ เพราะในทีมเราก็มีบุคลากร มีน้อง ๆ ที่สามารถเล่นตรงนี้ได้ ทุกอย่างแล้วแต่แท็กติกของโค้ชครับ ซึ่งผมก็จะทำตัวให้พร้อมตลอดเวลาครับ”
ผม-ผู้เขียน ฟังแล้วแอบใจหายนิด ๆ ยังจดจำวันที่พบเจอ พูดคุยกับเขาครั้งแรกที่ แพท สเตเดียม วันที่ จุฬา ยูไนเต็ด บุกแพ้ การท่าเรือ ได้อยู่เลย
ผม-ผู้เขียน ไม่รู้หรอกว่าสุดท้าย อนาคตของชายวัย 38 ตรงหน้าจะไปทางไหนต่อ? บางทีเขาอาจจะยังแข็งแกร่ง เป็นกำลังหลักให้ “ต่อพิฆาต” ดังตั้งใจได้อีกสักปี สองปี หรืออาจจะเป็นแค่กำลังสำรองของทีม
หรือไม่แน่ ถ้ายังรู้สึกสนุก แต่ร่างกายเริ่มถดถอย อาจจะถอยหลังนิดนึงลงมายังลีกล่างก็ยังได้…ไม่มีใครรู้จริง ๆ
แต่อย่างน้อย ถ้วยชนะเลิศโตโยต้า ลีกคัพ ที่ อดุลย์ หมื่นสมาน ชูขึ้นด้วยลีลา “เฮนโด้” ก็จะเป็นความทรงจำที่ดี เป็นรางวัลชีวิตชิ้นสุดท้ายก่อนวันจากลาได้เป็นอย่างดี…
“เอาจริง ๆ เลยนะ…ถ้าปีหน้าเป็นปีสุดท้าย ผมยังหวังลึก ๆ ว่าอยากเป็นแชมป์อีกสักครั้ง” อดุลย์ พูดขึ้นมาจนจังหวะเพลงซึ้ง ๆ แบบเอ็มวีที่เหมือนจะคลออยู่ในใจหยุดชงักลง “แล้วผมหวังสูงด้วย…คือมันคงยากแหละ แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ฝันนะ ผมมองว่ามันมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างในการเป็นแชมป์ลีกได้”
“คือ…ถ้าเราใช้บทเรียนในลีกสูงสุดที่ผ่านมา 2 ปีนำมาต่อยอด รวมทั้งแก้ไขบทเรียนที่ไม่ดีได้ ผมว่าเราก็พอมีโอกาสนะ แน่นอนทีมใหญ่มันมีโอกาสมากกว่าอยู่แล้ว แต่ฟุตบอลเมืองไทยตอนนี้ ผมมองว่าด้วยศักยภาพแต่ละทีมมันไม่ต่างกันมาก ตัวผู้เล่นไทยก็ไม่ถึงกับต่างกัน บางทีมันอาจจะไปตัดกันที่ผู้เล่นต่างชาติว่า ใครจะดีกว่า…นั่นส่วนนึง อีกส่วนหนึ่งอยู่ที่การวางแผน แล้วก็การทำงานหนักในแต่ละแม็ทช์ที่เจอกัน ผมว่านี่สำคัญเลยนะ”
“ผมว่าถ้าในแม็ทช์นั้น ๆ เราทำงานได้ดี ผมว่าโอกาสที่จะทำผลงานได้ดี มันก็มีด้วย มันก็เป็นความฝันของนักฟุตบอลคนนึงนะ โดยเฉพาะคนที่มาถึงปลายเส้นทางค้าแข้งอย่างผมด้วย แต่ว่าเราจะทำได้หรือไม่ได้มันก็อีกเรื่อง ผมแค่มีความฝันไว้ก่อน และลึก ๆ ในทีม น้อง ๆ ทุกคนก็อยากได้เหมือนกัน แต่โอกาสที่เราจะได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่ทุกคนนั่นแหละต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน”
“มันก็เหมือนบอลถ้วย ใครจะนึกว่าเรามีโอกาส แต่เราก็มายืนตรงนี้ได้ ใครจะคิดว่าเราจะมาล้มแชมป์หลายสมัยได้ ใช่…บอลลีกมันเส้นทางยาว เราก็ต้องมีมาตรฐาน มีความคงเส้นคงวาด้วย เลสเตอร์ ซิตี้ ยังทำได้เลย ถ้าเรามีเป้าหมาย ถึงมันอาจจะสูง แต่ถ้าเรารวมใจ ตั้งใจ เราก็อาจจะไปถึงจุดนั้นได้ครับ”
แม้อายุอาจจะ 38 แล้ว แต่พอฟังความในใจของ อดุลย์ หมื่นสมาน จบปุ๊บ ผม-ผู้เขียน กลับเห็นหัวใจที่อ่อนเยาว์ ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันของเขาอยู่
นี่แหละพลังใจที่ช่วยขับเคลื่อนให้เขายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในสนามหญ้าสีเขียวขจีนั่น ไม่ว่าจะ 90 นาที หรือ 120 นาทีก็ตาม
บันทึก
3
1
1
3
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย