17 ต.ค. 2019 เวลา 13:13
ริเน็น...สร้างธุรกิจ 100 ปี ด้วยหลักคิดแบบญี่ปุ่น
หลังจากเพิ่งปลดระวางตัวเองจากพนักงานออฟฟิศมืออาชีพ และอยู่ในช่วงค้นหาทางเดินชีวิตตัวเองอยู่ ช่วงนี้ฉันสนใจอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับ การทำธุรกิจ (ส่วนตัว) เป็นพิเศษ และหนังสือเล็กๆเล่มนี้ก็สะดุดตาทันทีที่แรกเห็น ชักเริ่มอยากรู้แล้วว่าปรัชญาการดำเนินธุรกิจแบบญี่ปุ่นที่ทำให้บริษัทดำรงอยู่ได้ยาวนานเป็นยังไง
ในหนังสือได้แบ่งธุรกิจหรือบริษัทออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ บริษัท “ต้นไผ่” และ บริษัท “ต้นสน” ทั้งสองกลุ่มต่างมีเป้าหมายของบริษัท และ การให้ความสำคัญกับผู้เกี่ยวข้องทางธุรกิจ (ได้แก่ พนักงาน คู่ค้าทางธุรกิจ ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคม) ที่แตกต่างกัน
บริษัท ‘ต้นไผ่’ - เป็นบริษัทที่เติบโตเร็ว แต่อาจคงอยู่ได้ไม่นาน บริษัทที่อยู่ในกลุ่มนี้จะยึดเป้าหมายที่ผลประกอบการต้องเติบโต จำนวนลูกค้าเยอะๆ
นอกจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นผู้ลงทุนสนับสนุนบริษัท รองลงมา คือ ลูกค้าและสังคม แล้วจึงคามด้วย พนักงานกับคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งผู้บริหารจะมองว่าสองลำดับสุดท้ายถือเป็นต้นทุนของบริษัท เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทอาจเลิกจ้างพนักงานเพื่อลดต้นทุน รวมทั้งพยายามต่อรองกดดันคู่ค้าทางธุรกิจ หรือ เปลี่ยนซัพพลายเออร์ เพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำที่สุด โดยไม่เน้นความสัมพันธ์ที่ยืนยาว
บริษัท ‘ต้นสน’ - นี่แหละ ลักษณะของบริษัทญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จ แรกเริ่มแม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็สามารถอยู่ได้ยั่งยืน เป้าหมายของบริษัทกลุ่มนี้ คือ ทำให้ลูกค้ามีชีวิตที่ดีและมีส่วนช่วยพัฒนาสังคม บางบริษัทอาจถึงขั้นไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายหรือกำไร แต่ตัวเลขผลประกอบการกลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี ยืนหยัดฝ่ามรสุมได้ยาวนาน ซึ่งเป็นผลพลอยได้ของ “ความตั้งใจทำสิ่งดีๆที่บริษัทสมควรทำ”นั่นเอง
เคล็ดลับการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทญี่ปุ่นแบบต้นสน อันดับแรก คือ การสร้างและยึดถือ “ริเน็น” ซึ่งหมายถึง แนวคิด ปรัชญาทางธุรกิจ หรือแนวทางประพฤติปฏิบัติ ที่ผู้บริหารเชื่อมั่น ยึดถือ และถ่ายทอดให้คนในองค์กรจากรุ่นสู่รุ่น
“ริเน็น”มักกล่าวถึงประโยชน์ที่บริษัทต้องการส่งมอบให้ลูกค้าและสังคม ตัวอย่างเช่น ริเน็นของ บริษัทริวเก็ตสึ ร้านขนมชื่อดังจากฮอกไกโด คือ “มุ่งมั่นทำขนมเป็นสื่อที่สานสัมพันธ์รักคนในครอบครัวและเชื่อมโยงหัวใจคนเข้าด้วยกัน” ซึ่งมาจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้งกิจการ คุณทะมุระ ที่เชื่อว่า ขนมมีพลังที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและมีความสุข เขาคิดถึงภาพที่คุณพ่อคนนึงถือกล่องเค้กเข้าบ้าน เด็กๆน่าจะดีใจกระโดดโลดเต้น และทุกคนในครอบครัวก็จะนั่งพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหารแล้วกินเค้กแสนอร่อยด้วยกัน ดังนั้น คุณทะมุระจึงพยายามทำเค้กรสชาติดี คุณภาพดี ในราคาย่อมเยา ให้คนทั่วไปสามารถกินได้บ่อยๆ เช่น เค้ก 3 ชิ้น (สำหรับพ่อ แม่ ลูก) ราคา 500 เยน หรือ เค้กขอนไม้ซันโปโระคุที่ได้รับรางวัลเหรียญทองสุดยอดขนมระดับโลก ก็มีราคาเพียง 630 เยนเท่านั้น นอกจากขนมที่อร่อยราคาสุดคุ้มแล้ว ริวเก็ตสึยังให้ความสำคัญกับการให้บริการที่ดีเพื่อให้ลูกค้าที่แวะมารู้สึกอบอุ่น มีความสุข ทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมกิจการร้านริวเก็ตสึถึงมียอดขายสูงขึ้นต่อเนื่องมากว่า 40 ปี และยังกวาดรางวัลทั้งระดับประเทศและระดับโลกมานับไม่ถ้วน
เค้กขอนไม้ซัมโปโระคุที่แสนโด่งดังของร้านริวเก็ตสึ จาก matcha-jp.com
และนอกเหนือจาก “ริเน็น” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของความเชื่อและแนวทางการดำเนินธุรกิจ ผู้บริหารของบริษัทต้นสนจะเฝ้าดูแลผู้เกี่ยวข้องทางธุรกิจเป็นอย่างดีด้วยโดยให้ความสำคัญกับ พนักงานของบริษัท เป็นลำดับแรก เพราะเชื่อว่าพนักงานที่มีความสุขจะสร้างคุณค่าดีๆให้ลูกค้าได้ ลำดับถัดมา คือ คู่ค้าทางธุรกิจ ลูกค้า สังคม และผู้ถือหุ้นอยู่ในลำดับสุดท้าย จะเห็นได้ว่า แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ก็ยังคงประคับประคองธุรกิจด้วยความซื่อตรง ไม่เอาเปรียบ ไม่มีการไล่พนักงานออก และแทบไม่ต่อรองหรือกดราคาซัพพลายเออร์เลย
มีตัวอย่างบริษัทที่ชั้นรู้สึกประทับใจและสัมผัสได้ถึง “แพสชั่น” ในการทำธุรกิจอีกแห่ง ร้านโอซาสะ ในเมืองโตเกียว ซึ่งที่มีพื้นที่ร้านเพียง 3 ตารางเมตรและขายสินค้าเพียง 2 อย่าง คือ วุ้นถั่วแดงและขนมโมนากะ แต่มียอดขายถึง 300 ล้านเยนต่อปี (ยอดขายต่อตารางเมตรสูงกว่าแอปเปิ้ลสโตร์ซะอีก) คุณอิกามิ เทรุโอะ ผู้ก่อตั้งร้านเคยกล่าวกับลูกสาวไว้ว่า “อย่าคอยดูแต่ตัวเลขสมุดเงินฝากธนาคาร แต่จงสะสม ความเชื่อใจ หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นจนเราเหลือเพียงแค่ป้ายไม้แผ่นเดียวกับวัตถุดิบทำขนม ถ้าลูกค้าเห็นป้ายของเราแล้วตัดสินใจซื้อทันที นั่นคือพลังของความเชื่อใจ” มันบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่จะทำขนมให้ดีที่สุดโดยไม่ผ่อนปรนกับคุณภาพอย่างเด็ดขาด
และนอกจากลูกค้าแล้ว โอซาสะยังดูแลพนักงานเหมือนคนในครอบครัว คอยไต่ถามสารทุกข์สุขดิบและให้อิสระแก่พนักงานในการคิดริเริ่มสิ่งใหม่ รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับร้านค้าส่งวัตถุดิบ โดยสั่งซื้อถั่วแดงจากเจ้าเดียวมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 50 ปี ร้านจะส่งถั่วแดงที่ดีที่สุดให้และโอซาสะก็จะชำระเงินให้ทันทีโดยไม่กดราคา
หน้าร้านโอซาสะ ตั้งอยู่สถานีคิชิโจจิ จาก all about-japan.com
หลังจากที่อ่านจนจบ ฉันรู้สึกได้แรงบันดาลใจที่จะสร้าง “ธุรกิจที่มีคุณค่ากับผู้คน” อย่างจริงจัง มันช่วยปลดล็อคความกดดันของฉันที่พยายามหาคำตอบให้ตัวเองมาตลอดว่า จะทำธุรกิจอะไรดีที่ขายได้กำไรเยอะๆ แต่ตอนนี้ฉันกลับมาตั้งต้นคิดใหม่แล้วว่า จะสร้างประโยชน์อะไรให้กับลูกค้าได้ เป็นธุรกิจที่ทำแล้วตัวเองมีความสุข ลูกค้ามีความสุข และคนรอบข้างก็มีความสุข ...
A glass half full
17/10/19
โฆษณา