18 ต.ค. 2019 เวลา 10:11 • ธุรกิจ
มารู้จัก "วัฏจักรเศรษฐกิจ" และ "มองหาสินทรัพย์น่าลงทุน" ในช่วงนี้กัน
Credit by => https://www.fidelity.com/bin-public/060_www_fidelity_com/images/Viewpoints/MEI/bcu_sep_2019_chart_1.jpg
เกริ่น
ก่อนเริ่มผมของแจ้งก่อนครับ ว่าบทความนี้เริ่มต้นจากได้อ่านบทความจาก https://www.finnomena.com/crisisman/recession-what-to-invest/ แล้วรู้สึกว่าบทความน่าสนใจครับ เลยอยากสรุปให้อ่านเข้าใจง่ายๆ และนำเสนอในรูปแบบตัวเองครับ
มาเริ่มกันเลย
คำว่า "วัฏจักรเศรษฐกิจ" ผมขอให้คำนิยามแบบง่ายๆ แบบนี้ครับ
ต้องเริ่มจากคำว่า "เศรษฐกิจ" ส่วนใหญ่แล้ว เราจะได้ยินคำนี้ทั่วไปจากแม่ค้าแม่ขาย และจะได้ยินเขาพูดในลักษณะที่ว่า
"ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีเลย ขายของไม่ค่อยได้เท่าไร" หรือถ้าบอกว่าช่วงนี้เศรษฐกิจดี แม่ค้าแม่ขายก็จะขายของได้มากหน่อย เงินหมุนเวียนในกระเป๋าสตางค์ก็จะเยอะหน่อย อันนี้คือว่า เศรษฐกิจในความหมายของแม่ค้าแม่ขายทั่วไป
แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นความหมายที่ใหญ่ขึ้น เช่นในระดับประเทศ ความหมายมันก็เหมือนกันครับ เป็นเรื่องของคำว่า เศรษฐกิจดี หรือไม่ดีเหมือนกัน แต่เราจะใช้ค่า GDP เป็นตัวแทนที่บอกว่า ดีหรือไม่ดี
"วัฏจักร" คือ รอบของการเกิด จบ และเริ่มวนกลับมาเริ่มใหม่
ทีนี้พอเอา 2 คำมารวมกันก็จะกลายเป็น รอบของการเกิดเศรษฐกิจที่ดีและไม่ดี เป็นรอบๆ ของมันไป
แล้วทำไมเราจะต้องรู้จัก "วัฏจักรเศรษฐกิจ" ละ?
ถ้าผมบอกว่า แต่ละวัฏจักร มันจะมีธีมการลงทุนของมันเอง ที่จะบอกเราว่า ควรลงทุนอะไรที่จะให้ผลตอบแทนดีละ แบบนี้เราจะชอบกันไหมครับ
2
เช่น ในช่วงนี้ ลักษณะเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆ ทั่วโลก ณ ปัจจุบัน ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก โดยอ้างอิงจากงานวิจัยของ Fidelity ดังภาพ
1
เครดิตภาพ https://www.fidelity.com/bin-public/060_www_fidelity_com/images/Viewpoints/II/biz_cycle_investing_2019_chart_2.jpg
ถ้าดูจากภาพจะเห็นว่า ตอนนี้ประเทศสำคัญๆ ของโลก(ผมขอเหมารวมว่าไทยด้วย) อยู่ในช่วงของการเติบโตช้า หรืออยู่ช่วงท้ายวัฏจักร(Late) และกำลังเข้าสู่การถดถอย (Recession) ครับ
แล้วถามว่าจะมีอะไรน่าสนใจในการลงทุนละ เอาล่ะ เรามาดูภาพถัดไปเลย
Credit ภาพ https://cms.trustnet.com/Media/Default/Images/Graphs/20180704_high_yield_1.png
อ้างอิงข้อมูลจาก Schroders
ให้ดูกราฟแท่งชุด Slowdown และ Recession ด้านขวานะครับ มันเป็นตัวแทนภาพของการเปลี่ยนวัฏจักร จาก Slowdown ไป Recession
จากภาพข้อมูลจะบอกว่า ธีมการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงนี้คือ ตราสารหนี้ ทั้งพันธบัตรรัฐบาล(แท่งสีเขียว) หุ้นกู้เอกชนทั้งเกรดลงทุน(แท่งสีเหลือง) และเกรดเก็งกำไร(แท่งสีม่วง) ครับ
(สีดำคือหุ้น)
แต่ความหมายของตราสารหนี้ แต่ละประเภท ผมขอขยายความให้เพิ่มแบบนี้ครับ
> พันธบัตรรัฐบาล คือ ตราสารที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำ
> หุ้นกู้เอกชนเกรด คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนที่มี Credit Rating ตั้งแต่ BBB- ขึ้นไป (มีความน่าเชื่อถือ สามารถลงทุนได้)
> หุ้นกู้เอกชนเกรดเก็งกำไร คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนที่มี Credit rating ต่ำกว่า BBB- (มีคำเรียกแบบหรูหราว่า "High Yield Bond" แต่ก็มีอีกคำเรียกในเชิงลบอีกคำ คือ Junk Bond โดยหมายถึง เป็นตราสารจากบริษัทที่มีโอกาสผิดชำระ หรือผู้ลงทุนอาจจะไม่ได้เงินต้นคืน)
อ้างอิงข้อมูลเปรียบเทียบเครดิตเรติ้ง
เครดิตภาพ http://cfm.hril1ipodz25.maxcdn-edge.com/assets/Credit-Rating-Table.png
ดังนั้น ถ้าเราจะไปลงทุนในพวกตราสาร อยากให้ดูข้อมูลด้านล่างเพิ่มครับ
ข้อมูลกราฟเปรียบเทียบเกรด ตราสารประเภท "เอกชนเกรด" vs "เก็งกำไรเกรด (Junk Bond)"
เครดิตภาพ https://www.fidelity.com/bin-public/060_www_fidelity_com/images/Viewpoints/II/biz_cycle_investing_2019_chart_6.jpg
จากภาพด้านบน ให้ดู
1. กราฟแท่งสีเทา ที่แทนว่าวัฏจักรอยู่ในช่วง Late (เติบโตช้า หรือไม่เติบโต) และกำลังเข้าสู่ช่วง Recession (ถดทอย) ซึ่งแทนเป็นสีดำ
2. กราฟข้อมูลชุดซ้ายที่แทนค่า "ตราสารเกรดเก็งกำไร" (High-Yield bonds/Junk Bond) และกราฟชุดขวามือ ที่แทน "ตราสารเกรดลงทุน" (Investment grade)
:: จะตีความได้ว่า ::
ในช่วง Late และ Recession ตราสารประเภท High Yield bonds จะได้ผลตอบแทนน้อยเมื่อเทียบกับ Investment grade มากๆ
ดังนั้น ถ้าไปเลือกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ อยากให้เลี่ยงการลงทุนในตราสารประเภท High Yield bonds ครับ
บทความก็จบแต่เพียงเท่านี้ ส่วนใครสนในการลงทุนในตราสารหนี้ ผมได้เขียนบทความ "ค้นหา กองทุนตราสารหนี้ในดวงใจ" ไว้เป็นแนวทางในการศึกษาให้แล้วครับ
สามารถอ่านได้ที่ Link => https://www.blockdit.com/series/5d993e6aca57440d943f39be
#หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับ
#ขอลอง ขอเล่า (style มนุษย์เงินเดือน)
โฆษณา