19 ต.ค. 2019 เวลา 14:41 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องเล่าจากสาวนักดื่ม
โอ้...ฉันเคยผ่าน 300 มาแล้ว ไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง...
ไม่ต้องตกใจค่ะ มันคือปริมาณแอลกอฮอล์ที่มีผลต่อร่างกาย
30 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์-ร่าเริงกว่าปกติ
50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์-เริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้
100 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์-ทรงตัวไม่อยู่
200 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์-สับสน พูดจาไม่รู้เรื่อง
300 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์-ง่วง อาเจียน
400 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์-สลบ และเสียชีวิตได้
จากข่าวพริตตี้ที่เสียชีวิตเพราะดื่มเหล้าเกินขนาดจนแอลกอฮอล์เป็นพิษ น้องมีปริมาณแอลกอฮอล์ถึง 418 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ หลายๆ คนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพจต่างๆ จึงทำข้อมูลให้ความรู้ว่าระดับของแอลกอฮอล์มีผลต่อร่างกายอย่างไร
ฉันดูแล้วใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เสียวสันหลังวาบๆ ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นพริตตี้หรอกนะ แต่หวนนึกถึงความหลังครั้งยังเป็นสาวนักดื่มขาเลาะไม่เมาไม่กลับบ้าน
พอเห็นข่าวก็ได้แต่รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่รอดมาได้จนทุกวันนี้และไม่คิดจะกลับไปดื่มอีกเลย ไอ้เบียร์ เหล้า เครื่องดื่มมึนเมาทั้งหลายเนี่ย
ฉันเริ่มดื่มมาตั้งแต่มัธยมปลาย ช่วงนั้นพวก spy ไวน์คูลเลอร์กำลังฮิต ตามประสาวัยรุ่นก็เลยอยากลองมั่ง คิดว่ามันเจ๋งดีนะ ที่ดื่มได้และเป็นตัวยืนหนึ่ง
.
ที่สำคัญมันดูเท่ห์และเซ็กซี่นิดๆ นะผู้หญิงที่ดื่มเหล้าเก่งๆ เนี่ย ....อันนี้ฉันคิดเอาเองตามประสา
.
ดูเหมือนตอนนั้นฉันจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่เฮี้ยวๆ หน่อย จำได้ว่าก่อนจบมัธยมปลาย กลุ่มเราตั้งใจไปรวมตัวกันเพื่อปาร์ตี้ร่ำลาก่อนแยกย้ายกันไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
.
พวกเราหิ้วทั้งเบียร์ ทั้ง spy ไปสุมหัวชนแก้วกันที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ดื่มปนเปกันให้มั่วไปหมด กินวนไปตั้งแต่บ่ายยันค่ำ
1
ขึ้นชื่อว่าเหล้า...แน่นอน พวกเราเมาเละ!
บ้างก็เดินไปห้องน้ำได้เอง บ้างเพื่อนก็หิ้วปีกไป ...ไม่ได้เข้าไปถ่ายหนักเบาอะไรหรอก ทุกคนล้วนเอาของที่กินเข้าปากไป เอามันออกมาทางเดิมนี่ล่ะ
นั่นเป็นครั้งแรก แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
จนเรียนมหาวิทยาลัย ฉันก็ยังสิงอยู่ตามร้านกินดื่มในละแวกนั้น ทีนี้บ้านอยู่ไกลเลยต้องอาศัยนอนที่คณะ ถึงแม้จะไม่ใช่ที่อโคจรแต่ก็อย่าได้วางใจ เพื่อนบางคนที่ปกติดูสุภาพ แต่พอเหล้าเข้าปากก็เปลี่ยนไป วันนั้นระหว่างที่ฉันนอนๆ อยู่ เพื่อนคนที่ว่าก็เดินเข้ามาโวยวายพูดจาไม่รู้เรื่อง ทำทีเหมือนจะมาหาเรื่อง ขณะที่เพื่อนคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์คิดว่ามันจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายนี่แหละ
.
ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย พวกมันจึงช่วยกันลากคู่กรณีออกไป โชคดีที่วันนั้นมีเพื่อนคนอื่นอยู่ด้วย ไม่งั้นเรื่องนี้คงจบไม่สวยเป็นแน่
นี่สินะ เขาถึงเรียกสุราว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย กินเมื่อไหร่เป็นขาดสติ แต่ถามว่าเลิกกินมั้ย? ...ก็ยัง
ฉันยังใช้ชีวิตแบบนั้นจนทำงาน ได้มาเจอเพื่อนที่ทำงานคอเดียวกัน ตกเย็นกลับบ้านไม่ได้ เราต้องไปหาร้านนั่งโดยเฉพาะเย็นวันศุกร์ บางครั้งก็มีเจ้ามือเป็นเจ้านายหรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือบ้างก็มี กินกันตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิดจนพนักงานดับไฟไล่
.
บ่อยครั้งที่ฉันต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านคนเดียวด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ แต่ก็ถือว่าทำบุญมาดีที่ถึงบ้านอย่างปลอดภัยทุกครั้ง แม้เช้ามาจะนึกแทบไม่ออกว่าเราอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนได้อย่างไร จำไม่ได้เลย!!
.
ยิ่งได้เห็นอีกข่าวที่แท็กซี่ข่มขืนผู้โดยสารสาวที่เมาหนักมากจนไม่มีแรงต่อสู้ ยิ่งรู้สึกได้ว่าภัยเคยอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก
มาคิดได้จริงๆ แล้วเลิกดื่ม ก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง แม้จะนานๆ กินทีแต่ก็ยังกินหนักมาก ดีตรงที่มีคนไปส่งถึงที่ ฟังดูเหมือนน่าจะปลอดภัยดี แต่ที่ไหนได้...
.
คนที่ฉันรู้จักและไว้ใจกลับขอขึ้นคอนโดนี่สิ! ฉันถึงกับช็อค! ปากก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพก่อนจะรีบขึ้นห้องไปนั่งตกใจต่อ
1
...หายเมาเลยกู...
ดีที่ครองตัวตั้งสติไว้ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นฉันคงถูกอุ้มขึ้นคอนโดไปแล้วเหมือนกัน
นอกจากเรื่องดาร์กๆ ที่เจอทำให้คิดได้ ก็เรื่องสุขภาพนี่ล่ะ หลังๆ ดื่มทีไรกลับถึงห้องเมื่อไหร่เป็นได้ขย้อนของที่กินไปออกมาจนหมด (300 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์นี่เอง) ที่ร้ายที่สุด คือ คืนหนึ่งหลังจากดื่มหนักมาอย่างเคย ฉันนอนแทบไม่ได้ หัวใจมันเต้นแรงเหมือนจะออกมาเต้นนอกอก ฉันพยายามหายใจลึกๆ และข่มตาให้หลับ ก็ได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่อย่างนั้น จนต้องด่าตัวเองว่าจะกินให้ทรมานแบบนี้ไปเพื่อ!!?
.
หลังจากนั้นแม้ไม่ได้ดื่มแล้วก็ยังมีอาการแสบคอ เหมือนมีก้อนจุกอยู่ข้างใน ทั้งไอ และระคายคอตลอดเวลา หลงรักษาภูมิแพ้อยู่เป็นปี ในที่สุดก็พบว่าเป็นกรดไหลย้อนนี่เอง หมอเจอสาเหตุจนได้
.
ถึงแม้สาเหตุอาจประกอบกันหลายๆ อย่าง แต่พอหยุดเครื่องดื่มมึนเมาแล้วสุขภาพก็ดีขึ้นทันตาเห็น แถมได้เอาตัวเองออกมาจากความเสี่ยงทั้งหลายอีกด้วย
ดังโกวเล้งว่าไว้ "ข้ามิได้พึงใจในรสชาติสุรา แต่ข้าพึงใจในบรรยากาศของการร่ำสุรา"
.
เช่นเดียวกัน เพราะฉันชอบการสนทนาและบรรยากาศสนุกสนานในวงเหล้า
.
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องกินเหล้าด้วยนี่หว่า
.
ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ฉันก็ดริ้งน้ำเปล่าโลด มันก็เมาดิบไปได้เนียนๆ สนุกได้โดยไม่ต้องอาศัยแอลกอฮอล์สักหยด
.
จะว่าไป มันไม่สวยหรือดูดีเลย สำหรับผู้หญิงที่เมาหนักจนทรงตัวไม่อยู่ พูดจายานคางไม่รู้เรื่อง ร้ายกว่านั้นไม่ว่าคุณจะสวยแค่ไหน...ผู้หญิงจะหยุดสวยทันทีที่ไปนั่งลงกอดคอคุยกับโถส้วม อ้วกพุ่งจนไม่ห่วงเสียลุค
.
เหนือสิ่งอื่นใด...การที่ไม่มีสติยังเปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาประทุษร้ายต่อร่างกาย ทำลายทั้งชีวิต และทรัพย์สินของเราอีกด้วย
ร่ายมาตั้งยาว สาวๆ จ๋า...พวกเราไปแฮงค์เอ้าท์สนุกได้ ดูเท่ห์และดูดีได้โดยไม่ต้องดื่มเหล้า ที่สำคัญการมีสติอยู่ไม่ว่าที่ไหนๆ ย่อมไม่เปิดโอกาสให้ภัยมาถึงตัวได้ นั่นล่ะดีเป็นที่สุด.
โฆษณา