23 ต.ค. 2019 เวลา 22:30 • ปรัชญา
เรื่องสั้น คั่นเวลา ลำดับที่ 3
“End of the walk way,...ระวัง! สิ้นสุดทางเลื่อน"
Cr: http://www.jfuji.com.my/products/moving-walkway/
“ร่างโครงเรื่องเสร็จแล้ว... พรุ่งนี้ค่อยมาใส่รายละเอียดก็แล้วกัน”
ผมบอกกับตัวเองจบ ก็ยื่นมือไปหยิบเบียร์เย็นๆ มาซดทั้งขวดอย่างกระหาย
“อืมม.. ชื่นใจจริงๆ”
หลังซดเบียร์จนหมดขวด ก็วางขวดเปล่าที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีเคยมีน้ำสีทองฟองละมุนบรรจุอยู่ ลงบนโต๊ะ แล้วเอื้อมมือไปหยิบซองบุหรี่ที่เหลือบุหรี่เพียงมวนสุดท้ายขึ้นมาจุด...
“สดชื่นจัง...” ผมรำพึงออกมาหลังจากซึมซับควันผสมนิโคตินเข้าปอดก่อนที่จะพ่นออกทางจมูก
"กริ๊งๆ...กริ๊งๆ"
เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา ผมชะเง้อไปดูที่หน้าจอโทรศัพท์ว่าใครโทรมา แล้วก็ทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจ
ปล่อยจนปลายทางวางสายไป
"พี่พล มีคนโทรมา ทำไมไม่รับสายล่ะ"
เสียงเจื้อยแจ้วปนรำคาญของยัยพลอยเมียจอมขี้บ่น ตะโกนถามผม
"ไม่มีอะไรหรอก คนโทรมาทวงต้นฉบับน่ะ"
ผมตะโกนตอบไปแบบเซ็งๆ
สิ้นเสียงผม เสียงเอี๊ยดอ๊าดของบันไดไม้พร้อมเสียงตึงตังของการลงฝ่าเท้าที่สะท้อนอารมณ์ของเจ้าของฝ่าเท้ากระแทกบนลูกนอนบันไดก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จากทางด้านหลังของผม
"พี่พล พลอยจำได้ว่าทางสำนักพิมพ์เขาทวงต้นฉบับจากพี่ตั้งแต่ต้นเดือนแล้วนะ พี่ยังไม่ได้เขียนเหรอ"
เสียงบ่นของยัยพลอยดังมาจากหน้าประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ของห้องทำงานผม
เอาแล้วไง กลิ่นไอของสงครามประสาทเริ่มปะทุขึ้นแล้ว
"ก..ก็เขียนอยู่ แต่ยังไม่เสร็จน่ะ"
ผมตอบกลับพร้อมอัดบุหรี่เข้าปอดอีกรอบก่อนบี้ก้นบุหรี่ทิ้งในจานรองแก้วที่วางข้างคีย์บอร์ด
"พลอยเบื่อที่ต้องมาถามพี่เรื่อยๆ เบื่อที่เห็นพี่มัวแต่นั่งอัดบุหรี่ตั้งแต่เช้า กินแต่เบียร์ ไม่เห็นทำอะไรเลย"
"ไหนจะค่าเช่าบ้าน ไม่ได้จ่ายมาสองเดือนแล้ว ไฟก็จะโดนตัด ถ้าเดือนนี้ไม่มีเงินไปจ่าย ไหนจะค่าบัตรเครดิต ค่าผ่อนรถ ค่า......"
"รู้แล้วน่า พลอย พี่ก็กำลังเขียนอยู่นี่ไง ตอนนี้สมองมันไม่โล่ง ก็ต้องพักบ้างอะไรบ้างสิ" ผมเถียงเสียงแข็งเจือด้วยอารมณ์โกรธนิดๆ
"พลอยไม่ไหวแล้วนะพี่ พลอยกลายเป็นคนขี้บ่นก็เพราะเห็นพี่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่นั่นแหล่ะ ทั้งงาน ทั้งหนี้ ทั้งรายจ่าย มันสะสมเป็นดินพอกหางหมูไปแล้ว"
"พลอยเบื่อที่เห็นพี่เป็นแบบนี้ และเหนื่อยหน่ายที่จะมาบ่นพี่อยู่แบบนี้ด้วย
วันนี้พลอยจะไปค้างบ้านพ่อแม่นะ ถ้าพี่ยังเขียนงานไม่เสร็จ พลอยก็จะยังไม่กลับมาที่นี่"
พอจบประโยค ยัยพลอยก็เดินไปที่ห้องนอน อีกสิบกว่านาที ก็โผล่หน้ามาที่หน้าประตูห้องทำงานผม
"พลอยไปแล้วนะ จำไว้นะพี่ ถ้าพี่ทำงานไม่เสร็จ พลอยไม่กลับ"
แล้วยัยพลอยก็ถือกระเป๋าเป้เดินลงไปด้านล่าง แล้วโทรเรียกแท็กซี่มารับ
ผ่านไปไม่กี่นาที ผมก็ได้ยินเสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน เลยชะเง้อไปมองลอดไปทางหน้าต่างด้านหลังจอคอมพิวเตอร์ ก็เห็นรถแท็กซี่มาจอด แล้วยัยพลอยก็เดินออกไปขึ้นรถ สักพักรถแท็กซี่ก็เริ่มวิ่งออกไป
"เฮ้ออ.. สบายหูกูเลย"
ผมพูดแบบไม่ค่อยยินดีซักเท่าไหร่ นี่ผมเครียดเลยนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำไง ก็ร่างโครงเรื่องเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ปั่นแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว จะอะไรกันนักหนาเนี่ย
เมื่อความเครียดเข้าครอบงำความคิด มือก็คว้าหาซองบุหรี่โดยอัตโนมัติ แต่สิ่งที่ได้มาคือซองบุหรี่ที่มีแต่ความว่างเปล่า
"อ้าย chip หาย บุหรี่หมด"
ผมก็คว้าเสื้อเชิ้ตมาคลุมเสื้อกล้ามที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อคืน กับกางเกงเล พร้อมกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือ เดินลงไปชั้นล่าง แล้วสวมรองเท้าแตะเดินออกจากบ้านไปที่ร้านสะดวกซื้อที่หน้าปากซอย
ขากลับ เห็นบาร์เหล้าร้านประจำเปิดอยู่ ก็เลยแวะ กะหาอะไรมากระตุ้นความคิดสักหน่อย
1
"ไอ้นิด พี่ขอแอ๊บแซ๊งธ์ แก้วนึงดิ แบบ 90 ดีกรีนะ" ผมตะโกนสั่งไอ้นิด เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นบาร์เทนเดอร์ที่นี่ กำลังยืนเช็ดแก้วอยู่หลังบาร์
"โห้ ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะ พี่พล วันนี้มาฉลองอะไรหรือ สั่งของแรงเลยนะ"
"ฉลองที่เมียไม่อยู่โว้ย 555" ผมตอบมันไปแบบเซ็งๆ
"จริงดิพี่ นี่สั่งของแรงแบบนี้ มันไม่เหมือนฉลองเลยนะ
แบบเดิม เพียวๆ ใช่ไหมพี่"
"เออๆ แบบเดิมแหล่ะ ที่จริงกูกะมาหาอะไรกระตุ้นต่อมความคิดสักหน่อยนะ กะว่าจะปั่นงานคืนนี้ให้เสร็จ" พูดจบ ไอ้นิดก็เอาแอ๊บแซ๊งธ์มาเสริฟ์ไว้ตรงหน้าผม สีเขียวมรกตที่เย้ายวนพร้อมกลิ่นชะเอมอันหอมหวน ผมมองสักพัก ก็ยกมากระดกเข้าปากทีเดียวหมดแก้ว
พลังของ 90 ดีกรีนี่มันสุดยอดจริงๆ ความคิดในหัวผมเริ่มไหลออกมาไม่ขาดสาย...
"ไอ้นิด ขออีกแก้ว".....
ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมซัดไอ้น้ำสีเขียวมรกตนั่นไปกี่แก้วแล้ว แต่รู้สึกว่า ดีกรีที่แรงของมัน ทำให้ความคิดผมมันไหลพรั่งพรูออกมา จนทำให้ผมอยากจะกลับเขียนงานให้เสร็จคืนนี้เลย
"กริ้งๆ.... กริ๊งๆ..." เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นมา
"กริ้งๆ.... กริ้งๆ..." ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหน้าผมขึ้นมามองที่หน้าจอ แล้วก็วางมันลงกลับที่เดิม
ไอ้นิดชะเง้อมามองดู
"พี่พล แฟนพี่โทรมา ไม่รับสายเหรอ"
"ช่ า งงง เ ห อ ะ กู ขี้ เกียจ คุย เดี๋ยววว..พ รุ่ ง นี้ ค่ อ ย โทร กลาบบบ..." แล้วผมก็ลุกออกจากเก้าอี้ที่บาร์ เพื่อที่จะกลับบ้าน
"อ้ายยย.ย นิด เดี๋ยววว พ รุ่ ง นี้ ...มา..จ่ า ย น ะ
กู อาววว เ งิ น..ม า...ม่ า ยยย พ อ"
"ไม่เป็นไร พี่พล พรุ่งนี้มาจ่ายก็ได้ พี่เดินกลับบ้านไหวไหม จะให้ผมเดินไปส่งไหมพี่"
"เฮ้ยย... กรู ม่ า ย ม า ว ..... เ ดิ น ก ล า บ บ้านนน หวายย นาา"
"โอเค พี่ เดินกลับดีๆ ล่ะ"
"อืมมมม ก ล า บ.. ล่ะ น๊าาาา"
ผมก็เดินเซไปเซมา จนถึงบ้าน แล้วตรงไปยังห้องทำงาน เพื่อจะรีบทำงานให้เสร็จ แต่....
“ง่วงจังเลยวุ้ย งีบแป๊บนึงแล้วกัน เดี๋ยวตื่นมาค่อยเขียนต่อแล้วกัน”
ผมคิดในใจ แล้วผมก็ฟุบหลับคาคีย์บอร์ดไป
ผมผวาตื่นขี้นมากลางดึก เพราะรู้สึกเจ็บซี่โครงตรงหน้าอกด้านซ้าย
“เป็นอะไรวะเนี่ย.. โอ๊ยย.. ”
“หายใจไม่ค่อยออกเลย...”
“อึบบบ...ช่วยด้.......”
หลังจากผมวูบไปสักพัก ผมก็เห็นร่างตัวเองนอนตาค้างอยู่บนพื้นข้างๆ โต๊ะทำงาน
"กูตายไปแล้วหรือเนี่ย"
แล้วภาพก็เปลี่ยนไปจากห้องทำงานผมไปเป็นสถานที่คล้ายกับสนามบิน
และผมก็กำลังยืนอยู่บนทางเลื่อน พร้อมกับได้ยินเสียงประกาศเตือน
“End of the walk way......ระวัง! สิ้นสุดทางเลื่อน”
วนไปมาหลายรอบ กับทางเลื่อนที่ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน
ผมเริ่มเวียนหัว และเกิดอาการหลอน กับคำว่า
“End of the walk way......ระวัง! สิ้นสุดทางเลื่อน”
มันหลอนจนผมทนไม่ไหว อาการเหมือนจะเป็นลม แล้วผมก็หมดสติ...
ผมผวาตกใจตื่น จากเสียงอ๊อดหน้าบ้าน
ผมนอนเหงื่อแตกเต็มตัวอยู่บนพื้นข้างเก้าอี้หลังโต๊ะในห้องทำงาน ผมพยายามลุกขึ้น โดยการพยุงร่างตัวเองที่ยังเมาค้าง ด้วยเก้าอี้ และชะเง้อไปดูที่หน้าต่างหลังจอคอมฯ
"อ้าว ไอ้นิดนี่หว่า มันมาทำไมแต่เช้าวะ หรือจะมาทวงค่าเหล้าเมื่อคืน"
ผมคิดในใจ พร้อมค่อยๆ พยุงร่างอันอิดโรยของตัวเองลงไปหาไอ้นิด
"มีอะไรวะ ไอ้นิด มาทวงค่าเหล้าเหรอ"
"เปล่า พี่ เมื่อคืนพี่ลืมกระเป๋าตังค์ กับ มือถือไว้ที่ร้านน่ะ เอออ... และแฟนพี่โทรมาตั้งหลายครั้ง ผมเลยถือวิสาสะรับสาย"
"อืม แล้วยัยพลอยบอกมึงหรือเปล่าว่าโทรมาทำไม"
"ไม่ใช่พี่พลอยหรอก แต่เป็นแม่พี่พลอยโทรมา..."
"แม่ยายกู โทรมา มีอะไรเหรอ"
"เขาจะโทรมาบอกว่า พี่พลอยลื่นในห้องน้ำ ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"
ใจผมเริ่มสั่นไม่เป็นจังหวะ และดวงตาทั้งสองข้างกำลังนองไปด้วยน้ำตา
"ไอ้นิด ขับรถพากูไปโรงพยาบาลทีนะ"
ระหว่างไอ้นิดกำลังขับรถพาผมไปที่โรงพยาบาล
“End of the walk way......ระวัง! สิ้นสุดทางเลื่อน”
ก็ผุดขึ้นมาในความคิดผม ผมพยายามตั้งสติและลองคิดทบทวนประโยคนี้หลายรอบ ประกอบกับความรู้สึกที่เกิดจากความฝัน...ที่มันโครตเหมือนจริง
สุดท้าย...ผมก็เข้าใจ
Cr: https://www.sanook.com/horoscope/85741/
"อย่าประมาทเวลาของชีวิต เพียงแค่คิดว่า จะมีวันพรุ่งนี้ ด้วยการผลัดวันประกันพรุ่ง"
1
กดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม ได้ตามอัธยาศัย
ขอบคุณครับ🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา