26 ต.ค. 2019 เวลา 03:38 • การศึกษา
ตอนที่ 1 ชัดนะจุ๊บๆ
ชัดนะจุ๊บๆ ฟังชื่อตอนแล้วคุณผู้อ่านหลายท่านคงงงๆ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับการถ่ายภาพ
ผมว่ามันเกี่ยวครับ แต่เกี่ยวเฉพาะคำว่า”ชัด”เพราะในตอนแรกนี้ผมจะสอนเทคนิคที่จะทำให้ผู้อ่านถ่ายภาพออกมาชัด
แต่ที่ตั้งชื่อตอนว่า “ชัดนะจุ๊บๆ” ก็เพราะว่ามันดูน่ารักดี
มันเหมือน “ รักนะจุ๊บๆ” อีกอย่างผมก็ยังวัยรุ่นอยู่ด้วย.
เลยขอใช้คำแบบวัยรุ่นหน่อยแล้วกันนะครับ
พูดถึงเทคนิคที่จะทำให้ภาพชัด เราเรียกอีกอย่างว่า การหาระยะโฟกัส
ผมเคยพูดไว้ในรายการ Photo Story ในเคสที่ไปถ่ายทำรายการกันที่ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
ตอนนั้นแขกรับเชิญพิเศษของเราก็คือ สาวสวยอย่าง คุณโบวี่ อัฐมาชีวนิจพันธ์
ในเทปนั้นเราบุกป่าฝ่าดงกันขึ้นไปถึง ยอดดอยฟ้าห่มปก อันเป็นที่ตั้งของ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ตามพระราชดำริ
ที่ใช้คำว่าบุกป่าฝ่าดงก็เพราะว่างานนั้นเราต้องขับรถขึ้นไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยความคดเคี้ยว เลี้ยวลด หลายโค้ง หลายครั้ง หลายคราด้วยรถกระบะโฟร์วิลล์
ช่วงแรกๆทีมงานทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นกับสองข้างทางที่เป็นทัศนียภาพของเทือกเขาผีปันน้ำ ซึ่งมีความงดงามทำให้พวกเราประทับใจเป็นที่สุด เพราะเทือกเขาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสูงเพราะสูงถึง 2,285 เมตร นับว่าเป็นเทือกเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองของประเทศและเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกหรือดอยผ้าห่มปก และความสูงขนาดนี้กว่าเราจะเดินทางไปถึงก็แหงนคอมองแล้ว แหงนคอมองอีกว่า เมื่อไหร่จะถึงจุดหมาย
หลังๆพอผ่านไปโค้งหนึ่ง พวกเราก็จะถามเจ้าหน้าที่ทีหนึ่งว่า ถึงแล้วใช่ไหมครับ ? ถึงแล้วใช่ไหมคะ ? เจ้าหน้าที่ก็ได้แต่ปลอบใจว่า ใกล้แล้วครับ ใกล้แล้วครับ พร้อมกับชี้ไปที่เขาลูกใหญ่ที่ตั้งตง่านอยู่เบื้องหน้า แล้วเจ้าหน้าที่ก็บอกกับพวกเราว่าเห็นภูเขาลูกนู่นไหมครับ นั่นแหละครับ เดี๋ยวก็ถึง
ช่างเป็นคำปลอบใจที่ฟังแล้ว ทรมานใจเหลือเกิน
งานนั้นเรียกว่ากว่าจะถึงจุดหมายก็หัวแดงไปตามๆกัน เพราะเจอฝุ่นตลบอบอวลจากสองข้างทาง แต่พอถึงจุดหมายแล้วความงามของที่นี่ก็เข้ามาในหัวใจเราอย่างเต็มๆ เรียกว่าลืมเสียสิ้นความเหน็ดเหนื่อยทุกอณู
พ.ศ. 2544 โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้น เนื่องด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ พิจารณาหาพื้นที่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดตั้งโครงการตามแนวทางบ้านเล็กในป่าใหญ่ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย คณะทำงานจึงได้คัดเลือกพื้นที่ดอยฟ้าห่มปกตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ดำเนินงาน และเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯทอดพระเนตรพื้นที่เป็นครั้งแรก ก็ทรงมีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งโครงการดังกล่าว ทั้งยังเป็นโครงการที่ส่งเสริมการสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชาวบ้านสามารถยืนหยัดในชุมชนได้ด้วยตนเอง
นอกจากความงามของธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีความอร่อยของกาแฟชั้นดีที่มีชื่อว่า "อราบิก้า"ให้เราได้ชิมกันอีกด้วย ซึ่งกาแฟพันธุ์อราบิก้าของโครงการที่นี่จะมีความหอมละมุน บวกกับอากาศที่เย็นสบาย ตลอดปีมันช่างทำให้พวกเรามีความสุขกายสุขใจตลอดการถ่ายทำรายการที่นั่นจริงๆ แต่ขณะที่ผมกับคุณโบวี่กำลังดื่มกาแฟอยู่นั้น จู่ๆ คุณเอกพิธีกรคู่ของผมก็หันมาเตือนทุกคนว่า "อยากดื่มกาแฟมากนะครับ! เพราะเดี๋ยวจะนอนตายตาไม่หลับ เพราะกาแฟดื่มแล้วตาแข็ง" แหม.....พูดจาน่าโดนของแข็งสักที
วันนั้นผมได้สอนคุณโบวี่ถ่ายรูปด้วยกล้องของคุณโบวี่เอง เลยถือโอกาสสอนตั้งแต่เบสิคเลย ก็คือเรื่อง "การหาระยะชัด หรือที่เขาเรียกกันว่าการหาระยะโฟกัส" เพราะคุณโบวี่ เป็นคนที่สนใจอยากถ่ายภาพเก่งๆ และพอรู้ว่าจะได้เป็นแขกรับเชิญในรายการ Photo Story ที่จะไปถ่ายทำกันที่เชียงใหม่เธอก็พกกล้องคู่ใจมาอย่างแข็งขัน ผมเลยใช้กล้องตัวนั้นสอนเธอออกรายการไปเลย
ในวันนั้นก่อนเข้ารายการคุณเอกก็จะมีมุขอะไรมาให้เราได้ขำบ้าง เศร้าใจบ้างในความไม่ขำของมุข ซึ่งก็มีคละเคล้ากันไปในการถ่ายทำรายการแต่ละที แต่ทริปนี้มีอยู่ 2 มุขที่คุณเอกเล่นไปแล้ว คุณชิ โปรดิวเซอร์ของรายการเราไม่กล้านำออกอากาศ เพราะกลัวแฟนรายการจะรับไม่ได้ แต่วันนี้ผมกล้าที่จะเอามาให้คุณผู้อ่านได้อ่านกันครับ เพราะผมถือคติที่ว่า "กล้าเล่นกองกลางฟัง"
มุขแรก
1
เอก : อาจารย์ครับ น้องโบวี่ครับ ผมอยากถามว่า คนมีตาเดียวกับคนมีสองตา ใครเห็นมากกว่ากัน
อาจารย์สมชาย ; คนมีสองตาก็ต้องเห็นมากกว่าสิคุณเอก
เอก ; ผิด! คนมีตาเดียวเห็นมากกว่าครับ ไม่เชื่อเดี่ยวผมปิดตาข้างหนึ่งให้ดู(คุณเอกเอามือปิดตาตัวเองข้างหนี่ง) ตอนนี้ผมเห็นอาจารย์กับน้องโบวี่มีกันคนละสองตา แล้วทั้งคู่ล่ะเห็นผมมีกี่ตา ?
อาจารย์สมชาย(ตอบแบบเซ็งๆ) ; ตาเดียว
มุขสอง
1
เอก ; อาจารย์ครับ อาจารย์ว่าเชียงใหม่กับดวงจันทร์อันไหนไกลกว่ากันครับ
อาจารย์สมชาย ; ก็ต้องดวงจันทร์ไกลกว่าอยู่แล้ว
เอก ; ผิด ! ต้องเชียงใหม่ไกลกว่าสิครับ
อาจารย์สมชาย ; เชียงใหม่ไกลกว่าได้ไง
เอก ; อ้าว....ก็ตอนกลางคืนผมยังมองเห็นดวงจันทร์เลย แต่ทำไมผมมองไม่เห็นเชียงใหม่ล่ะครับ แสดงว่าเชียงใหม่ไกลกว่า ผมถึงมองไม่เห็น 5555
เป็นยังไงบ้างครับ มุขของคุณเอกเขา เอาเป็นว่าหากมันสะเทือนใจคุณผู้อ่านก็ลืมๆไปนะครับ เรามาเข้าเรื่องของเราต่อกันเลยดีกว่า
ปกติเวลาเราถ่ายรูปสังเกตไหมครับว่ารูปที่ถ่ายได้ บางทีมันไม่ได้ชัดทั้งภาพชัดบางจุด บางจุดก็ไม่ชัด บางทีก็ชัดด้านหน้า แต่เบลอด้านหลัง บางทีชัดด้านหลัง แต่เบลอด้านหน้า ถ่ายไปถ่ายมาทำเอาคนถ่ายเบลอซะเองเลย....
ความจริงมันเกี่ยวข้องกับการหาระยะชัดของกล้องครับ สมัยยุคกล้องฟิล์มที่กล้องเป็นแบบหาระยาชัดเอง เราต้องเอามือหมุนที่กระบอกเลนส์ หมุนซ้ายหมุนขวา และดูในช่องมองภาพ ถ้าภาพชัดก็หยุด เรียกว่า ตาดีได้ตาร้ายเสียกันเลยทีเดียว แต่ยุคนี้เป็นยุคของระบบดิจิตอล วิธีการหาระยาชัดเป็นแบบ Auto หรือที่เรียกติดปากว่า Auto Focus (ออโต้โฟกัส) ระบบหาระยะชัดอัตโนมัติ ผมขอแบ่งออกเป็น 4 ระบบ ตามแนวคิดของผม ซึ่งอาจไม่เหมือนคนอื่นเพื่อให้เข้าใจง่าย
1.ออโต้โฟกัส แบบจุดเดียวกลางภาพ กล้องจะใช้จุดกลางภาพในจอ หรือช่องมองภาพหาระยะชัดเท่านั้น
2.ออโต้โฟกัส แบบหลายจุด กล้องจะมีจุด หรือกรอบในการหาระยะชัดแบบหลายจุด หลายกรอบทั่วทั้งภาพ แล้วแต่รุ่นกล้อง บางรุ่นมีหลาย 10 จุดก็มีเป็น 100 จุด ก็มี
3.ออโต้โฟกัส แบบ Face Detection ,Eye Detection กล้องจะตรวจจับหาใบหน้าคน ถ้าไม่ใช่คนก็อาจจับได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เอาเป็นว่าถ้าเจอก็จะมีกรอบสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นที่หน้าของคนๆนั้น หรือลูกตาของคนๆนั้น ครับ แล้วแต่รุ่นกล่องอีกเหมือนกัน บางรุ่นสามารถจัดหาใบหน้าคนได้เป็น 10 หน้าเลยก็มี แต่ถ้าจะเอารุ่นที่จับหน้าผีได้ ผมแนะนำให้ไปซื้อที่คุณป๋อง กพลทองพลับ นะครับ
4.ออโต้โฟกัส แบบค้นหาใบหน้าของสัตว์เลี้ยง เช่นสุนัข แมว กล้องบางรุ่นเริ่มมีโหมดนี้โดยเฉพาะ เรียกว่าเอาใจคนชอบถ่ายสัตว์เลี้ยงของตัวเองกันแบบสุดๆ
ขั้นตอนการหาระยะชัด ทําอย่างไรบ้าง
ผมจะพยายามอธิบายแบบง่ายๆ นะครับ ตามคอนเซปต์ผมคือ “ทำเรื่องกล้องให้ เป็นเรื่องกล้วย" แต่ถ้าใครอยากกินกล้วยขอให้วางกล้อง แล้วค่อยเดินไปกินกล้วย ครับ ไม่อย่างนั้นแล้ว อาจเปื้อนกล้อง (จะพูดให้งงทำไมเนี่ยครับ) เอาเป็นว่าเรา ลองสังเกตเวลาถ่ายภาพ ตอนกดชัตเตอร์ (Shutter) มันจะมี 2 จังหวะ
จังหวะแรก กดชัตเตอร์ ลงไปประมาณครึ่งทาง คือ กดลงไปแบบไม่เต็มนิ้ว
กล้องก็จะเริ่มทำการโฟกัสทันที ส่วนใหญ่จะมีเสียงสัญญาณดังขึ้นให้ด้วย แต่อย่า
เพิ่งกดแรงนะครับ ไม่อย่างนั้นกล้องจะลั่นชัตเตอร์ทันที อันนี้กล้องใครกล้องมัน
ลองไปหัดวางน้ำหนักของนิ้วกันเอาเองครับ...
หลังจากนั้นสังเกตที่จอจะมีกรอบสี่เหลี่ยมขึ้น จะกรอบเดียว หรือหลายกรอบ ก็ตามแตี แสดงว่าระบบหาระยะเริ่มทํางานแล้ว
สังเกตต่อนะครับว่า กรอบสี่เหลี่ยมสีเขียวขึ้นที่ตรงไหนของภาพ แสดงว่ากล้อง หาระยะชัดที่ตรงนั้น ถ้าเรากดชัตเตอร์ต่อเนื่องลงไป บริเวณนั้นในภาพจะชัดที่สุด
ดังนั้น เวลาที่เรากดชัตเตอร์ถ่ายภาพไปเลยโดยไม่สังเกตกรอบสี่เหลี่ยมว่ามันขึ้นที่ ตรงไหนของภาพ ถูกต้องตรงตำแหน่งที่เราต้องการให้ชัดหรือไม่ จึงมีโอกาสที่กล้อง อาจจะใช้ระยะชัดผิด และภาพออกมาเบลอ
สำหรับกล้อง DSLR ก็มีหลักการเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อเราดู หรือถ่ายโดยมองจาก ช่องมองภาพ จะมีจุดแดงๆ สว่างขึ้น แทนกรอบเขียวๆ ก็ให้คุณผู้อ่านสังเกตจุดแดงๆ นี้แทนว่ามันสว่างที่จุดไหนของภาพ จุดนั้นก็เป็นจุดที่จะชัดครับ
ถ้ากรอบหรือจุดที่ปรากฏขึ้น ขณะที่เรากดชัตเตอร์ (Shutter) ครึ่งทาง (ครึ่งสต๊อป) อยู่ในจุดที่ไม่ใช่ (คือหมายถึงเราไม่ได้ต้องการให้จุดนี้ชัด) กล้อง ส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มหาระยะชัดจากวัตถุใหญ่ และอยู่ใกล้กล้อง เราก็เพียงแต่ ปล่อยนิ้วออกจากชัตเตอร์ แล้วเริ่มขบวนการกดใหม่อย่างบรรจง จนกว่ากล้องกับใจ เราจะตรงกัน
ความชัดของภาพถือเป็นเทคนิคขั้นพื้นฐาน แต่เป็นพื้นฐานที่สำคัญมาก เพราะถ้าเรา ถ่ายภาพไม่ชัด ยิ่งถ้าเป็นงานสำคัญ คุณอาจโดนตำหนิได้ แต่ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าคุณ ผู้อ่านดันไปถ่ายภาพหน้าแฟนของคุณเบลอ จากแค่โดนตำหนิ คุณอาจโดนอะไรตำหน้าแทนก็ได้ครับ อันนี้ผมขอเตือนด้วยความหวังดี
แต่ถ้าเป็นระดับมืออาชีพขึ้นมาอีกหน่อย ส่วนใหญ่จะนิยมใช้วิธี กำหนดจุดหาโฟกัสกลางภาพ หรือจุดใดจุดหนึ่งไปเลย ไม่ใช้แบบหลายจุด ยุ่ง วุ่นวาย บางทีไม่ได้ดั่งใจ ต้องคอยปล่อยชัตเตอร์ แล้วหาระยะชัดใหม่อยู่เรื่อยๆ ซึ่งกล้องแต่ละตัว จะกำหนดจุดโฟกัสหาระยะชัดไว้กลางภาพได้ บางรุ่นสามารถกำหนดให้อยู่ส่วนใด ส่วนหนึ่งของภาพได้ด้วย เพื่อความสะดวก เช่น เวลาถ่ายแนวตั้งเราอาจกำหนดจุด ไว้ค่อนไปทางด้านบน เพื่อเน้นหาโฟกัสที่ใบหน้าคนซึ่งอยู่ด้านบน เป็นต้น
พอเรากำหนดจุดโฟกัสไว้จุดเดียวกลางภาพแล้ว เวลาเราจะถ่ายภาพ ก็เล็งกลางจอ หรือที่เรากำหนดจุดโฟกัสไว้ไปที่ตัวแบบ หรือสิ่งที่ต้องการให้ชัด
จากนั้นกดชัตเตอร์ครึ่งทางเพื่อให้กล้องหาโฟกัส เมื่อจุดไฟแดงสว่างขึ้น หรือกรอบสีเขียวปรากฏขึ้นในจุดที่ต้องการแล้ว ก็ยังคงค้างนิ้วไว้อย่างเดิม อย่าปล่อยนิ้วจาก ชัตเตอร์เท่ากับเป็นการล็อก โฟกัส หรือ ล็อกระยะชัดไว้
จากนั้นเราก็ทำการจัดองค์ประกอบของภาพตามต้องการ เช่น จัดสิ่งที่เราจะถ่ายไป ไว้ซ้าย ไว้ขวาของภาพ ไม่ต้องการไว้กลางภาพ มันน่าเบื่อ พอได้องค์ประกอบตาม ต้องการแล้ว นิ้วที่กดชัตเตอร์ครึ่งทางค้างไว้ ก็ทำการกดชัตเตอร์ต่อเนื่องลงไปจนชัตเตอร์ทำงานบันทึกภาพ เราก็ได้ภาพที่ชัดในจุดที่ต้องการให้ชัดตามใจเรา โดย ไม่ต้องเอาใจกันระหว่างกล้องกับเราอีกต่อไป.............
งานนี้หลังจากคุณโบวี่เข้าใจถึงวิธีการหาโฟกัสที่ถูกต้อง คุณโบวี่ก็ทำการ หามุมสวยๆ ถ่ายรูปแบบไม่ยั้งเลยทีเดียวครับ งานนี้เรียกว่าคนมีของ อย่าร้องทัก แต่ผมก็ร้องทักเธอไปที่หนึ่ง เพราะเห็นว่าเธอไปยืนถ่ายอยู่ตรง ริมเขา ผมกลัวเธอจะตกเขาลงไปนะครับ คราวนี้จากที่จะหาโฟกัส ต้อง เปลี่ยนมาหาน้องโบวี่แทน
“ส้ม ส้ม ส้ม”
วันรุ่งขึ้นเรายังคงถ่ายทำกันอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และผมก็พาคุณโบวี่ คุณเอกไปเที่ยวสวนส้มกัน แต่งานนี้ไม่ใช่ส้มบางมดที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากัน นะครับ แต่ส้มที่ผมพาไปดูในวันนั้นคือ ส้มสายน้ำผึ้งอันเลื่องชื่อของ จังหวัดเชียงใหม่นี้ ที่ สวนส้มธนาธร ครับ เอาเป็นว่าถ้าคุณผู้อ่านเป็นคน ชอบส้ม อ่านจบตอนนี้แล้วต้องรีบไปหาส้มกินแน่นอนครับ เพราะผมได้ถ่าย รูปบรรยากาศในสวนส้มมาฝากด้วย แต่ถ้าใครเห็นแล้วอยากกินแกงส้ม ก็ไม่ว่ากันครับ
บนที่ดินมากถึงเกือบ 2,000 ไร่ แน่นอนว่าสำหรับเราสองสามคนไม่เลือกที่ จะเดินชมสวนส้มในบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกแบบพระเอกนางเอก MV แน่ เพราะถ้าขืนเดินมีหวังได้นอนฝังอยู่ใต้ต้นส้มแน่นอนครับ ก็คิดดู ครับต้อง 2,000 ไร่ วัยอย่างผมเดิน 200 ตารางวาก็ปวดเกาต์แล้วครับ ในวันนั้นเราจึงเลือกที่จะใช้บริการรถนำเที่ยวขนาดเล็กกันครับ....
อากาศวันนั้นถือว่าฟ้าโปร่ง แดดกำลังดี เหมาะกับการชมสวนส้มเป็นอย่างยิ่ง แต่นอกจากชมสวนแล้ว ที่ไร่เขายังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ได้เพลิดเพลินกัน อีกด้วย นั่นก็คือ....จ่ายเงินกันคนละ 299 บาท รับถุง 1 ใบ แล้วเดินเก็บส้มเป็นของ ฝากได้เลยครับ
ในวันนั้นคุณโบวี่ยังเสนอไอเดียน่าสนใจเพิ่มอีกด้วยว่า “ระหว่างเดินเราก็ แอบกินส้มไปด้วยค่ะ รับรองได้ทั้งของฝากได้ทั้งอิ่มท้อง”
แต่ผมไม่รู้ว่าจะได้ลูกปืนของเจ้าของสวนด้วยหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีปัญหา ครับ เพราะเจ้าของเขาใจดี ยิ่งเห็นแขกผู้มาเยือนมีความสุขกับการกินส้ม เขาก็สุขใจ
ส่วนคุณเอกก็บอกว่า “วันนี้โชคดีมาก โชคดีที่สุด”เพราะว่าเจอส้มหล่น (ยังไม่วายเล่นมุข)
งานนี้ผมก็เลยถือโอกาสใช้เทคนิค การหาโฟกัสแบบจุดเดียว ล็อกโฟกัสไว้ แล้วค่อยจัดองค์ประกอบ ของภาพ โดยใช้โหมด A ปรับรูรับแสงเลขน้อยๆ เพื่อให้ชัดตื้น แล้วกำหนดหน้าชัด หลังเบลอบ้าง หลังชัด หน้าเบลอบ้าง
ตามตัวอย่างภาพที่นำมาให้ชมกัน ครับ คุณโบวี่นี่น่ารักจริงๆ ครับ เรียกว่าวันนั้นบอกไม่ถูกเลยว่า ระหว่างส้มกับเธอ อันไหนน่ามอง น่าเก็บกลับบ้านมากกว่ากัน
“วังน้ำเขียว เย็นได้อีก”
เนื่องจากว่าพวกเราทีมงานยังติดใจกับอากาศเย็นสบายแบบตอนที่ไปดอย ฟ้าห่มปกกันอยู่ แต่ติดข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาที่ไม่สามารถจะนำพาพวก เราไปได้อีก เราเกิดไอเดียว่าหาสถานที่ที่มีอากาศดีใกล้เคียงกัน แต่ สามารถย่นระยะทางเดินทางให้ได้ใกล้กว่ากัน แล้วเราก็มาลงเอยกันที่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เรียกว่าใช้เวลาวิ่งรถเพียงแค่ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ไปจิบไวน์ แช่สปาที่ วิลเลจ ฟาร์ม ได้อย่างสบายๆ ชิวๆ เลยครับ งานนี้ต้องขอร้องเพลงของพี่เบิร์ดเลยครับ
“Loving you Too much So much Very much Right now........."
อำเภอวังน้ำเขียวเป็นอำเภอขนาดเล็กที่ขึ้นชื่อเรื่องอากาศบริสุทธิ์ สดชื่น ตลอดทั้งปี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอำเภอท่องเที่ยวที่ฮอตติดอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้ หากมาถึงอำเภอวังน้ำเขียวแล้ว อย่าพลาดไปเที่ยว ชมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างน้ำตกวังจระเข้ น้ำตกห้วยใหญ่ อ่างเก็บน้ำอีกหลายแห่ง หรือไปชมทัศนียภาพบนเขาสลัดไดและผา ชมตะวัน นอกจากนี้ ใครที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชอบซื้อผักผลไม้ ปลอดสารพิษ มาที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
แต่สำหรับ คุณโบนัส สมหทัย เหรียญทอง พิธีกรสาวดีกรีมิสโฟโต้ฮัท เธอเลือกกิจกรรมที่จะทำในทริปนั้นคือ เข้าสปาทำสวยครับ
ส่วนพวกหน้าตาดีแบบไม่ต้องทำอะไรแล้วอย่างผมกับคุณเอกก็นั่งจิบไวน์ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามไป โชคดีที่เราถ่ายเสร็จแล้วค่อยดื่มไวน์กัน ไม่อย่างนั้นมีหวังเซไปเซมาหลุดออกจากเฟรมถลาลงเขาแน่ เพราะฉะนั้น จำไว้นะครับ “เมาไม่ถ่าย (รายการ)”
วันนั้นผมใช้กล้อง DSLR ติดเลนส์ 50 mm F1.8
รูรับแสงเลขน้อยมาก แปลว่า มีรูรับแสงกว้างมากๆ นั่นหมายถึงถ้าเราเปิดรูรับแสงกว้างสุดๆ ที่ F1.8 จะต้องได้ระยะที่ชัดตื้นมากๆ อย่างแน่นอน เหมาะกับการถ่ายภาพ บุคคลโดยแท้ อย่าลืมนะครับผมยังคงใช้จุดโฟกัสจุดเดียว หาโฟกัสที่ตาของ น้องโบนัส แล้วล็อกโฟกัสไว้
จากนั้นจัดองค์ประกอบของภาพ และผมเอาคุณเอก พิธีกรคู่ของผม มาเข้าในภาพด้วย เป็นฉากหน้าบ้าง ฉากหลังบ้าง ไปไกลๆ ฉากบ้าง แล้ว แต่อารมณ์ ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อจะ เปรียบเทียบให้เห็นว่าทำหน้าชัด หลังเบลอ และหน้าเบลอ หลังชัด สนุกมากแค่ไหน และตอนท้ายเรา ก็ได้เข้าไปเซตภาพถ่ายกันถึงในห้องสปาของน้องโบนัสเลยครับ งาน นี้บอกได้คำเดียวเลยว่า “ชัดนะ จุ๊บๆ” อย่าคิดมากนะครับ นางแบบ สวยเซ็กซี่ขนาดนี้ก็ต้องถ่ายออกมา ให้ชัดสิครับ ขืนไม่ชัดเสียชื่ออาจารย์ สมชายหมด
อย่างนั้นจบตอนนี้กันด้วยภาพบรรยากาศสวยๆ กับนางแบบสวยๆ นะครับ แล้วเจอกันตอนหน้านะครับ....รักนะจุ๊บๆ
โฆษณา