20 ต.ค. 2019 เวลา 03:08 • ความคิดเห็น
“คนวิ่งมาราธอนไปทำไมกัน”
ในชั่วโมงนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ คนที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์ และทำลายขีดจำกัดของมนุษย์ ด้วยความเชื่อมหาศาลที่เขามี ใช่แล้วค่ะ เขาคือ Eliud Kipchoge ซึ่งล่าสุดในวันที่ 12 ตค 62 เขาได้ทำลายสถิติโลกในการวิ่งมาราธอน (42.195 กิโลเมตร) ในระยะเวลาต่ำกว่าสองชั่วโมง (1:59:40) และเรื่องราวของคิปโชเก ทำให้ดิฉันได้รับคำตอบบางอย่างกับตัวเองว่า คนวิ่งมาราธอนไปทำไมกัน แม้จะเป็นเรื่องที่อินส่วนตัว แต่ดิฉันเชื่อว่ามีประโยชน์แน่นอน เลยจะมาแบ่งปันค่ะ
คุณเคยรู้สึกเหมือนดิฉันไหมคะว่า การวิ่งเป็นกีฬาหรือการออกกำลังกายที่น่าเบื่อ แล้วก็สงสัยว่าคนที่ไปวิ่งในรายการต่างๆเค้าได้อะไร? ทำไมต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปวิ่งแบบเบียดเสียดกับคนนับพันนับหมื่นคน และเสียตังค์อีกต่างหาก ดูแล้วได้ไม่คุ้มเสีย ถึงแม้ว่าจะผ่านหลายสนามแข่ง รวมถึงจบ half marathon ถึงสองครั้งแล้วก็ตาม ดิฉันก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ จนกระทั่งประจวบเหมาะที่ดิฉันได้อ่านหนังสือชื่อ Homo Finisher ของนิ้วกลม (ต้องให้เครดิตท่าน เพราะเขียนดีจริงๆ) จบในวันที่คิปโชเกทำลายสถิติในครั้งนี้ เรื่องราวเกี่ยวกับการซ้อมวิ่งมาราธอน และภาพวินาทีที่คิปโชเกเข้าเส้นชัย นั่นทำให้ดิฉันเข้าใจ(แบบเข้าไปในจิตใจ) ว่ามาราธอนไม่ใช่แค่การวิ่ง แต่มันคือเส้นทางของคนที่มีความฝันเป้าหมายและความสำเร็จ
2
ในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คนมักใช้เปรียบเทียบกับการวิ่งมาราธอน การจะวิ่งมาราธอนให้จบได้ (เอาแค่ให้จบนะคะ ยังไม่ต้องพูดถึงการทำเวลาที่ดี) นั้น วันที่ทำสำเร็จใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็จริง แต่เบื้องหลังความสำเร็จใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดคือ “วินัย” จะมีวินัยได้ เป้าหมายต้องชัด เป้าหมายที่ชัดจะเกิดได้ต้องอาศัยวินัย คุณไม่มีทางลุกขึ้นจากที่นอนตอนเช้าตรู่ทุกวันมาซ้อมได้หากคุณไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร และคุณไม่สามารถเข้าเส้นชัยได้หากคุณไม่มีวินัยเพื่อตื่นเช้ามาซ้อม หลายคนคิดว่าวินัยหรือการทำสิ่งเดิมๆซ้ำๆเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ การที่ต้องทำทุกอย่างตามตารางนั้นทำให้ชีวิตไม่มีอิสระ จริงๆแล้ววินัยไม่ใช่กรงขัง หากแต่คือประตูสู่อิสรภาพที่แท้จริง เพราะวินัยทำให้คุณมีอิสระอย่างแท้จริงที่จะเลือกทำอะไรหรือไม่ทำอะไรโดยไม่ปล่อยใช้ชีวิตตกเป็นทาสของอารมณ์ เหมือนที่คิปโชเก เคยพูดในที่มหาวิทยาลัย Oxford ว่า “Only the disciplined ones are free in life. If you aren’t disciplined, you are a slave to your moods. You are a slave to your passions. That’s a fact.”
1
อีกสิ่งหนึ่ง (จากอีกหลายๆสิ่ง) ที่คิปโชเกสอนดิฉันผ่านชัยชนะครั้งนี้ คือ เรื่องของความเชื่อ ครั้งหนึ่งคนมีความเชื่อว่าคนไม่สามารถวิ่ง 1 ไมล์ ได้ในเวลา 4 นาที จนกระทั่งความเชื่อนี้ถูกทำลายโดย Roger Bannister ในปี 1954 และในวงการมาราธอน คนก็มีความเชื่อว่าคนไม่สามารถวิ่งมาราธอนจบได้ภายในสองชั่วโมง จนกระทั่งความเชื่อนี้ถูกทำลายโดยคิปโชเกในวันที่ 12 ตุลาที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อที่ว่ามนุษย์ไม่มีขีดจำกัด เห็นด้วยไหมคะว่า ในอนาคตก็จะมีความเชื่อบางอย่างที่อาจจะถูกทำลายไปโดยความเชื่อใหม่ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นบนโลกก็เช่นเดียวกันล้วนเป็นสิ่งที่คนคิดว่าเป็นไปไม่ได้มาก่อนในอดีต แต่มันก็เกิดขึ้นได้จากการมีคนที่เห็นว่าเป็นไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น
อะไรก็ตามที่วันนี้คุณคิดจะทำหรือกำลังทำอยู่ หากประสงค์ที่จะทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ จงเชื่อ และมีวินัย แล้วความสำเร็จนั้นจะเป็นของคุณ
- Spring Roll -
โฆษณา