20 ต.ค. 2019 เวลา 11:37 • กีฬา
ทำไมเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงเล่นมุกว่าอยากเอาปืนไปยิงวิคตอเรีย เบ็คแฮม นี่คือเรื่องราวสุดคลาสสิค ของรั้วแมนฯยูไนเต็ด เราจะย้อนอดีตไปด้วยกัน
19 ตุลาคม 2004 วันนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไปร่วมงานกาล่าดินเนอร์ที่เชเชียร์
2
ภายในงาน พิธีกรถามคำถามคลาสสิคที่สุด ที่ทุกคนจำกันได้ถึงตอนนี้
"อเล็กซ์ ถ้าคุณมีปืนพร้อมกระสุน 1 นัด คุณจะเลือกยิงใคร ระหว่างอาร์แซน เวนเกอร์ หรือ วิคตอเรีย เบ็คแฮม"
1
เฟอร์กี้หยุดคิด แล้วตอบกลับไปว่า "ผมขอกระสุนสองนัดเลยได้ไหม"
3
แม้เฟอร์กี้จะยิ้มๆเหมือนเล่นมุก แต่บางทีเขาอาจจะคิดจริงก็ได้!
เรื่องนี้เป็นโจ๊กที่คนเอามาแซวเฟอร์กี้จนถึงวันนี้ ว่าตลอดชีวิตการทำงานของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่มีใครกล้าลูบคมบารมีเขาได้ นักเตะจะเก่งหรือสำคัญกับทีมแค่ไหน ยาป สตัม, รุด ฟาน นิสเตลรอย หรือ รอย คีน ถ้าล้ำเส้นเมื่อไหร่ เขาเคลียร์ทิ้งได้หมด
1
แต่มีอยู่สองคนนี้แหละ เวนเกอร์ กับ วิคตอเรีย ที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย เพราะไม่ใช่นักเตะในทีมของเขานี่นา
สำหรับเรื่องของอาร์แซน เวนเกอร์ ความขัดแย้งกับเฟอร์กี้ เกิดขึ้นด้วยเรื่องในสนามฟุตบอลเป็นหลัก เพราะอาร์เซน่อล คือทีมเดียวที่อาจหาญมาต่อกร กับอาณาจักรความยิ่งใหญ่ของปีศาจแดง ในช่วงเวลานั้น
แล้วเวนเกอร์ก็ไม่ใช่สไตล์นอบน้อมด้วย โดยเฟอร์กี้จิกมา เวนเกอร์ใส่คืน กลายเป็นการตอบโต้ของ 2 กุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุค
แล้วกับเคสของวิคตอเรียล่ะ อืม น่าสนใจทีเดียว
วันนี้เราจะมาคุยกันว่าทำไม เซอร์อเล็กซ์ ถึงอยากขอกระสุนอีกสักนัด เพื่อยิงโป้งใส่วิคตอเรียไปเลย
แน่นอน สาเหตุที่เฟอร์กี้ ไม่ค่อยถูกชะตากับวิคตอเรียนัก ก็คือ เธอเป็นคนทำให้เดวิด เบ็คแฮม เปลี่ยนไปจากเดิม
เบ็คแฮม คือนักเตะที่เฟอร์กี้ชอบมากๆ ตั้งแต่เป็นเยาวชนแล้ว เขาชอบใจที่เด็กหนุ่มจากลอนดอนคนนี้ มีทางเลือกจะย้ายไปสเปอร์ส หรืออาร์เซน่อล แต่สุดท้ายเลือกมาอยู่ในเมืองที่ห่างไกลบ้านเกิด อย่างแมนเชสเตอร์แทน
1
มันแสดงให้เห็นถึงความกระหาย ที่อยากประสบความสำเร็จกับแมนฯยูไนเต็ดอย่างแท้จริง
1
เบ็คแฮม มีวินัยในการฝึกซ้อมสูงมาก เขาทุ่มเททุกวินาที และไม่เคยแสดงความรักสวยรักงาม หรือทำห่วงหน้าหล่อๆของตัวเอง ซึ่งทำให้เฟอร์กูสัน ให้โอกาสเขาลงสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในวัย 19 ปี กับอีก 4 เดือน
2
เบ็คแฮม โดนปล่อยตัวให้เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ในลีกทู ยืมตัวครึ่งปี ก่อนที่เฟอร์กี้จะเรียกกลับมาทีมชุดใหญ่อีกครั้ง ก่อนออกสตาร์ตซีซั่น 1995-96
1
วันแรกที่เบ็คแฮมกลับมา เฟอร์กี้เรียกเบ็คส์มาคุย และบอกว่า "ฟังฉันนะไอ้หนู มีแต่มืออาชีพเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดในวงการฟุตบอลอาชีพได้"
"เมื่อเลื่อนสู่ทีมชุดใหญ่ ไม่สำคัญแล้วว่าใครจะมาจากไหน จะมาจากอคาเดมี่ หรือถูกซื้อมา ดังนั้นฉันจะปฏิบัติตัวกับแกอย่างเท่าเทียมกับคนอื่น ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง"
1
"มันแปลว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่แกไม่ทำตามกฎของฉัน ฉันเล่นแกเละแน่ แต่ที่ฉันทำไปก็เพื่ออนาคตของแก ถ้าแกไม่มีวินัย แกไม่รอดในวงการนี้หรอก"
2
เบ็คแฮม ขึ้นชื่อเรื่องความทุ่มเทในสนามซ้อม เบ็คแฮมไม่เคยมาสาย ไม่เคยหนีซ้อม จบโปรแกรมซ้อมปกติ เขาฝึกหนักเพิ่มจากเดิมอีก
นั่นทำให้เฟอร์กี้ยิ่งชอบเบ็คแฮมมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกเบ็คส์ใส่เบอร์ 24 แต่พอมาร์ก ฮิวจ์สย้ายออกจากทีมและเบอร์ 10 ว่างลงสักระยะ เฟอร์กี้ก็ยกเบอร์ 10 ให้เบ็คแฮมใส่แทน ทั้งๆที่ตอนนั้นเบ็คส์ เพิ่งอายุแค่ 21 ปีเท่านั้นเอง
1
2 ปีแรกที่ได้เล่นทีมชุดใหญ่เต็มๆ เขาช่วยสโมสร คว้าแชมป์ลีกทั้ง 2 ปี โดยในบรรดานักเตะทั้งหมดของสโมสร ถ้าไม่นับเอริค คันโตน่า กับ ปีเตอร์ ชไมเคิลแล้ว เบ็คแฮมเป็นคนที่ได้ลงสนามมากที่สุด มากกว่าทั้งกิ๊กส์,สโคลส์ และ เนวิลล์ด้วยซ้ำไป
2
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนที่สำคัญของเบ็คแฮม เกิดขึ้นหลังจบซีซั่น 1996-97 นั่นเอง เมื่อเขาได้เจอกับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวจากวงสไปซ์เกิร์ล
2
ทั้งคู่ชอบพอกัน และเริ่มคบหากันเป็นแฟน ซึ่งทำให้โลกนี้เกิดปรากฏการณ์ "พอช-เบ็คส์" ขึ้นมา
จากเดิมชื่อของเบ็คแฮม จะปรากฏแค่เซ็กชั่นข่าวกีฬา คนจะพูดถึงฝีเท้าอันร้ายกาจของเด็กหนุ่ม แต่พอเขามาคบกับวิคตอเรีย มันคือเซเล็บของประเทศในระดับ A-List 2 คน คบกันเอง แน่นอน ทุกอย่าง ทุกประเด็นกลายเป็นข่าวหมด
2
สำหรับอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเลยจริงๆ
เฟอร์กี้ ชอบให้นักเตะทำตัวโลว์โพรไฟล์ ตั้งใจเตะบอลอย่างเดียว โดยไม่ไปสร้างดราม่าอะไรนอกสนาม คือนักเตะแบบพอล สโคลส์ นี่คือตรงตามจินตนาการของเฟอร์กูสันเลย
1
แต่ในเคสของเบ็คแฮม เฟอร์กี้เองก็กลัวว่าวิคตอเรีย ที่เป็นคนในวงการบันเทิง จะชักจูงให้เบ็คแฮมเสียสมาธิในสนามซ้อม
เบ็คแฮมเริ่มเปลี่ยนไปเล็กๆ ในเรื่องการแต่งตัว ที่ดูเนี้ยบขึ้น มีสไตล์ลิชมากขึ้น เริ่มมีการใส่แจ๊กเกตหนังที่ปกติเขาไม่เคยใส่มาก่อน ขณะที่ทรงผม จากหนุ่มผมสีน้ำตาล ก็ไปย้อมเป็นสีทองครั้งแรก ตามด้วยไอเดียการตัดทรงผมสกินเฮด คือ 1-2 ปีเปลี่ยนทรงผมที
1
จุดเล็กๆแบบนี้ เฟอร์กี้ก็ไม่ค่อยชอบหรอก แต่ก็พยายามปล่อยผ่าน เพราะยังไม่มีเหตุอะไรให้ตำหนิได้ เนื่องจากเบ็คแฮมก็ยังมาซ้อมอย่างหนักเป็นปกติเหมือนเดิม
แต่ทว่าหลังจากนั้น เชื่อว่ามี 3 เรื่อง ที่เฟอร์กี้ไม่พอใจวิคตอเรีย จนกลายเป็นมวลสะสม จนเขาระเบิดลงใส่เดวิด เบ็คแฮมอย่างหนักด้วย
เรื่องที่ 1
[ ซ้อมสาย - โดดซ้อม ]
ตั้งแต่เบ็คแฮมเลื่อนชั้นสู่ทีมชุดใหญ่ เขาไม่เคยมาซ้อมสายแม้แต่หนเดียว
แต่หลังจากเริ่มคบกับวิคตอเรีย ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ช่วงออกสตาร์ตพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 1998-99 เบ็คแฮมมีวันหยุด 1 วัน แต่ทว่ามีโปรแกรมต้องซ้อมกับแมนฯยูไนเต็ดตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้น
2
ในวันนั้นวิคตอเรียทำงานอยู่ที่ประเทศไอร์แลนด์ แล้วเขารู้สึกอยากไปหา จึงตัดสินใจบินไปอยู่ไอร์แลนด์คืนนั้น และจะบินกลับมาแมนเชสเตอร์ 6 โมงเช้า เพื่อขับรถไปซ้อมต่อ
1
"ผมรู้สึกว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องบอกผู้จัดการทีมว่าผมจะทำอะไร" เบ็คแฮมกล่าว ก็มันวันหยุดเขานี่นา
1
เบ็คแฮมไปไอร์แลนด์ กลับมา 6 โมงเช้า และรีบขับรถกลับมาสนามซ้อมให้ทันโปรแกรม 8 โมง เขามาถึงสนามซ้อมแคร์ริงตัน และนั่งอยู่ในเลาจ์น ของนักเตะ
อย่างไรก็ตาม มีสายรายงานเฟอร์กี้ไปแล้วว่า เบ็คแฮมบินไปกลับไอร์แลนด์ใน 1 วัน เฟอร์กี้เดินเข้าเลาจ์นนักเตะมา และไม่พูดอะไรกับเบ็คส์เลยแม้แต่คำเดียว
2
"ผมรู้ละ ว่าตัวเองเจอปัญหาแน่"
"คือผมเข้าใจผู้จัดการทีมนะ เขาคงคิดว่าผมไม่ดูแลรักษาสภาพร่างกาย และพักผ่อนอย่างเพียงพอเลย"
แต่ในเมื่อเบ็คแฮมไม่ได้มาซ้อมสาย เฟอร์กี้ก็ว่าอะไรไม่ได้มาก แต่ก็บันทึกในใจไว้แล้วว่า เพียงเพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้เบ็คแฮมถึงกับต้องทำอะไรที่ฝืนสภาพร่างกายตัวเอง
แต่ความโกรธของเฟอร์กี้ เริ่มจริงๆ ในเดือนกันยายนปี 1999
2
ในการซ้อมครั้งสำคัญ ก่อนเตะกับสตวร์ม กราซ ในยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เบ็คแฮมไปปาร์ตี้กับภรรยา และกลุ่มเพื่อนสนิท ส่งผลเขามาซ้อมไม่ทันตอนเช้า
2
สื่อมวลชนลงข่าวว่าเบ็คส์เมาเละจนถึงตี 1 ซึ่งแน่นอน เมื่อเบ็คส์ทำพลาด เฟอร์กี้โมโหอย่างหนัก ก่อนปรับเงินค่าจ้าง 1 สัปดาห์ และเรียกไปด่าแบบไม่ไว้หน้าซูเปอร์สตาร์ระดับโลก
1
วินัยของเบ็คแฮมเกิดคำถามขึ้นในใจของเฟอร์กูสันแล้ว
มาสู่เหตุการณ์ครั้งที่ 3 คราวนี้ไม่ได้มาสาย แต่หายไปเลย
1
ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000 ตอนนั้นแมนฯยูไนเต็ดสะดุดในเกมลีก พวกเขาแพ้นิวคาสเซิล 3-0 แบบเละเทะ พอจบเกมเฟอร์กี้อาละวาดแหลก แล้วบอกทุกคนให้ซ้อมอย่างหนักรากเลือดเป็นการแก้ตัวถึงฟอร์มอันเลวร้ายนัดนี้
เฟอร์กี้ประกาศว่า แมนฯยูไนเต็ด ต้องคัมแบ็กกลับมาให้ได้ในเกมนัดต่อไป ที่จะไปเยือนลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เอลแลน โร้ด วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์
การซ้อมตลอดสัปดาห์เป็นไปอย่างเข้มข้น จนถึงวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งในวันศุกร์ จะเป็นโปรแกรมการซ้อมที่สำคัญที่สุด เพราะจะการบอกแท็กติก และกลยุทธ์ก่อนแข่งจริงในเกมสุดสัปดาห์
เช้าวันศุกร์ที่ 18 นั้นเอง บรู๊คลิน ลูกชายวัย 11 เดือน ของเบ็คแฮมไม่สบาย
1
เจ้าหนูบรู๊คลินดูมีไข้ อาการซึม ซึ่งเบ็คแฮมคาดว่ามีอาการสองจิตสองใจ เขาควรอยู่ดูแลลูกดีไหม แม้อาการจะดูไม่หนักมาก ก็น่าจะดูแลลูกใกล้ๆ แต่อีกมุม บรู๊คลินก็ไม่ได้มีอาการหนักอะไร แถมเบ็คส์ก็มีญาติพี่น้องคอยดูแลลูกได้ เขาก็ควรกลับไปซ้อมใหญ่กับสโมสรดีกว่าหรือเปล่า
1
สุดท้าย เบ็คแฮมตัดสินใจเลือกลูก เขาไม่กล้าบอกเฟอร์กูสันโดยตรง จึงใช้วิธีโทรไปบอกสตีฟ แม็คคลาเรน ผู้ช่วยผู้จัดการทีม
1
"ผมคิดว่าบอกแค่สตีฟก็โอเคแล้ว ผมคิดว่าไม่มีอะไรต้องพูดไปมากกว่านั้นแล้ว" เบ็คแฮมเผย
หลังผ่านวันศุกร์ไป อาการของบรู๊คลิน กลับมาเป็นปกติ เบ็คแฮมจึงไปซ้อมกับทีมในวันเสาร์ที่ 19 ก.พ. แต่ปรากฏว่า เซอร์อเล็กซ์ ไม่พอใจเบ็คแฮมอย่างรุนแรง ที่ตัดสินใจโดยพลการ
1
เฟอร์กี้ไม่ชอบที่เบ็คส์ไม่กล้าบอกเขาโดยตรง และ หนีการซ้อมไปเลย แบบมัดมือชก ต้องการอะไรก็ให้กล้ามาบอกเขาด้วยตัวเองสิ
1
โอเค เรื่องลูกมันสำคัญ แต่ก็ไม่ใช่หลบเลี่ยงไม่เผชิญหน้ากับเขาเพราะกลัวโดนด่า คิดว่าเขาจะใจร้ายไม่อนุญาตให้หยุดหรือไง แต่นี่ไปบอกแม็คคลาเรนแบบนั้น แล้วก็โดดไปเลย มันใช้ได้หรอ
อีกอย่าง เบ็คส์โทรมาอ้างว่าลูกป่วย โดยไม่มีอะไรยืนยันเลย แล้วขาดงานไปดื้อๆแบบนี้มันใช้ได้หรือ เขาจะรู้ได้ไงว่าที่เบ็คส์ขาดซ้อมเป็นเพราะลูกจริงๆ ไม่ใช่เขาไปเที่ยวกลางคืนแล้วมาซ้อมไม่ไหวเหมือนอย่างครั้งที่แล้วอีก
1
ที่ผ่านมาก่อนคบวิคตอเรีย เบ็คแฮมเป็นเด็กดีมีวินัย และมีอะไรก็บอกเฟอร์กี้ตรงๆมาตลอด ซึ่งเฟอร์กูสันก็ไม่แน่ใจว่า ที่เบ็คแฮมกล้าดีขึ้น เพราะวิคตอเรียให้ท้ายหรือเปล่า เพื่อให้พร้อมงัดกับเขา
การโต้เถียงกันเกิดขึ้นที่สนามซ้อมในช่วงเช้าวันเสาร์ สุดท้ายเฟอร์กี้ไล่เบ็คแฮมให้ไสหัวไปซะจากสนามซ้อม
"ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนถูกไล่ออกจากสโมสรเลย ผมเดินไปขึ้นรถตัวเองและขับออกไป ก็เจ้านายไล่ผมแล้วนี่!" เบ็คส์เล่า
แต่ขับรถยังไม่พ้นสนามซ้อมแคร์ริงตัน เบ็คส์ก็พยายามสงบสติอารมณ์ และคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องดี ถ้าเขาจะขาดซ้อม 2 วัน ดังนั้นจึงขับรถกลับไป เพื่อซ้อมคนเดียวลำพังในโรงยิม ปั่นจักรยาน เล่นเวท เพื่อรักษาสภาพความฟิตไป
3
"ผมยังเชื่อนะว่าตัวเองจะได้ลงในเกมกับลีดส์" ซึ่งที่เบ็คส์คิดแบบนั้นก็ไม่แปลก ทั้งซีซั่นเบ็คแฮมคือคีย์แมน และเป็นตัวจริงของเฟอร์กูสันมาตลอด
1
เช้าวันอาทิตย์ที่ 20 นักเตะในทีมพร้อมขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปแข่งกับลีดส์ เบ็คแฮมไปรายงานตัวและต้องตกใจ เมื่อเขาไม่มีชื่อเป็น 11 คนแรก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่มีชื่อเป็นตัวสำรองอีก 5 คนด้วย! เรียกได้ว่าตัดทิ้งออกจากทีมอย่างสิ้นเชิง
1
สุดท้ายเบ็คแฮม ต้องไปนั่งบนอัฒจันทร์ ที่เอลแลนโร้ด คอยเชียร์เพื่อนอยู่ห่างๆ ซึ่งผลเกมนั้น แมนฯยูไนเต็ดชนะ 1-0 จากประตูของแอนดี้ โคล
1
จากนัดนั้น เมื่อเฟอร์กี้เห็นว่าเบ็คแฮมได้รับบทเรียนแล้ว จึงส่งลงเป็นตัวจริงในเกมต่อไป นัดที่เจอกับวิมเบิลดัน
1
เฟอร์กี้เคยกล่าวถึงเบ็คแฮมกับเรื่องการซ้อม กับนิตยสารสปอร์ตอิลลัสเทรตว่า
1
"เมื่อก่อนหลังจากซ้อมปกติ เขาจะฝึก ฝึก ฝึก แต่ชีวิตเขาเปลี่ยนตั้งแต่เจอวิคตอเรีย อดัมส์ เธออยู่ในวงการบันเทิง และมันทำให้เดวิดมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น เขาเปลี่ยนจากคนกีฬา ไปสู่โลกของเซเล็บ ผมซึ่งเห็นเขามาแต่เด็ก เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนทีเดียว"
เรื่องที่ 2
[ เทสติโมเนียล ดินเนอร์ ]
ในปี 2001 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดงานเทสติโมเนียล ดินเนอร์ เพื่อเป็นเกียรติให้กับวาระการคุมทีม 15 ฤดูกาลของเฟอร์กูสัน
1
ซึ่งภายในงานนักเตะทั้งทีม รวมถึงอดีตผู้เล่น และผู้บริหารของสโมสรมากันอย่างครบครัน ถือเป็นอีเวนต์ใหญ่เลยก็ว่าได้
แน่นอนพระเอกในงาน คนที่จะมาถึงคนสุดท้าย ก็ควรเป็นเซอร์อเล็กซ์ เจ้าของงาน
แต่ทว่าหลังจากทุกคนรวมถึงเซอร์อเล็กซ์มาครบแล้ว มีอยู่ 2 คน ที่ยังไม่มาถึงงานนั่นเดวิด กับวิคตอเรีย เบ็คแฮม
1
กว่าจะมางานก็เริ่มไปแล้ว ซึ่งทำให้สื่อมวลชนจับประเด็นนี้กันว่า เอ๊ะ ทำไมเบ็คแฮมถึงมาสาย ไม่มาตรงเวลาพร้อมนักเตะคนอื่น คือที่อังกฤษเวลานัดเวลาอะไรสักอย่าง เขานับกันเป็นหลักนาที รถไฟทุกขบวน มาตรงเวลาเป๊ะ แล้วเมื่อนัดเวลากันเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทำไมเบ็คส์ถึงมาสายได้แบบนั้น
ในตอนนั้นมีคนซุบซิบกันว่า เบ็คแฮม กับวิคตอเรีย เจตนาไปงานช้า เพื่อต้องการแย่งความสำคัญของเฟอร์กูสัน เพื่อการเป็นจุดเด่นของงานแทน
เบ็คแฮมมาอธิบายภายหลังว่า คืนนั้นพี่เลี้ยงเด็กที่เขาจ้างมาดูแลลูกชาย บรู๊คลิน ไม่สามารถกล่อมให้บรู๊คลินเข้านอนได้ คือเด็กนั้นไม่ยอมหลับและงอแงมาก ทำให้เบ็คส์ กับวิคตอเรีย ต้องอยู่กล่อมจนกว่าลูกจะหลับแล้วถึงจะไปงานได้
1
"มันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ถูกทำเป็นข่าวซะใหญ่โต" เบ็คแฮมกล่าว
1
แต่ก็การพูดถึงเหมือนกันว่าเคสนี้ แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้เฟอร์กี้อีกครั้ง
1
เรื่องที่ 3
[ สตั๊ดเหินหาว ]
1
กุมภาพันธ์ปี 2003 แมนฯยูไนเต็ด แพ้อาร์เซน่อล ตกรอบเอฟเอคัพ คาบ้านตัวเอง
1
เฟอร์กูสันไม่พอใจมาก ที่โรแบร์ ปิแรส สามารถเจาะฝั่งขวาของแมนฯยู ได้อย่างง่ายดาย แกรี่ เนวิลล์ เติมสูงเกินไป ส่วนเบ็คแฮมก็ไม่มุ่งมั่นที่จะช่วยคัฟเวอร์เลย
1
จบเกมเฟอร์กี้โจมตีใส่เบ็คแฮมว่า ทำให้ทีมตกต่ำ และไม่สนใจฟังแผนการเล่นที่ทีมวางเอาไว้ ซึ่งเบ็คแฮมก็ตอบโต้กลับไปว่า เขาเล่นดีเต็มที่แล้ว การแพ้อาร์เซน่อลมันไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียว ทำไมต้องมาเจาะจงด่ากันแบบนี้
ดีเอโก้ ฟอร์ลัน คนกลางของเหตุการณ์ที่อยู่ในห้องแต่งตัววันนั้นด้วย บอกว่า ต่างคนต่างเถียงกันด้วยคำที่แรงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย เรื่องเหมือนจะจบ แต่เบ็คส์ไม่จบ มีพูดประโยคสุดท้ายใส่เฟอร์กี้
นั่นทำให้เฟอร์กูสันหันกลับมาหวดสตั๊ดที่วางอยู่บนพื้น สตั๊ดพุ่งไปโดนเหนือคิ้วซ้ายของเบ็คแฮมอย่างแม่นยำ
เบ็คแฮมไปจับที่คิ้วของตัวเอง และสัมผัสถึงเลือดสีแดง ทำให้เขาโมโหจะพุ่งเข้าใส่เฟอร์กี้ แต่เฟอร์กี้ไม่มีกลัว ยืนนิ่งๆไม่ไหวติง
ก่อนที่เพื่อนร่วมทีม กิ๊กส์ ,เนวิลล์ และฟาน นิสเตลรอย จะมาขวางเบ็คแฮมเอาไว้ไม่ให้ถึงตัวเฟอร์กูสันได้
3
หลังจากทุกอย่างสงบวันรุ่งขึ้นเฟอร์กี้เรียกเบ็คแฮมมาคุยที่ออฟฟิศ เขาขอโทษเบ็คแฮมโดยบอกว่า เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ็บตัว จากนั้นก็มาคุยกันว่า สาเหตุที่เขาต้องต่อว่าเบ็คแฮมหลังเกมกับอาร์เซน่อลคืออะไร
แต่เบ็คแฮมไม่ฟังแล้ว เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย
ในวันต่อมา เบ็คแฮมคาดผมมาสนามซ้อมเพื่อให้สื่อมวลชนเห็นแผลที่คิ้วของเขาชัดเจนขึ้น ซึ่งเรื่องภายในของเบ็คส์ กับเฟอร์กี้ จึงหลุดออกไปถึงสื่อมวลชน ซึ่งมีกระแสข่าวลือว่า วิคตอเรีย เป็นคนแนะนำให้เบ็คส์คาดผมไปซ้อม เพื่อแสดงให้สังคมได้เห็นว่าเขาโดนทำร้ายร่างกาย
1
หลังเรื่องนี้หลุดออกไป สังคมก็เห็นใจเบ็คส์เยอะขึ้น และโจมตีเฟอร์กูสันว่าเล่นแรงเกินไปกับลูกทีมของตัวเอง ซึ่งมันทำให้เฟอร์กี้ตัดสินใจได้เด็ดขาดว่า "เบ็คแฮมต้องย้ายออกไปซะ"
"ทันทีที่ผู้เล่นคิดว่าตัวเขาเจ๋ง และใหญ่กว่าผู้จัดการทีม เขาก็ต้องย้ายสโมสรออกไป ผมบอกเสมอว่าทันทีที่ผู้จัดการทีมเสียการควบคุม สโมสรฟุตบอลก็จบทันที เพราะนักเตะจะควบคุมกันเอง และถ้าเป็นแบบนั้น มันก็เป็นปัญหาวิกฤติแน่"
1
สุดท้ายหลังจบซีซั่น 2002-03 เบ็คแฮม ก็ต้องย้ายออกจากแมนฯยูไนเต็ด ไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ในราคา 25 ล้านปอนด์
1
ความเปลี่ยนแปลงของเดวิด เบ็คแฮม ตั้งแต่คบหากับวิคตอเรีย จนถึงย้ายทีม ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดนแซวมาตลอดว่า เขาคงจะเกลียดวิคตอเรียมาก ที่ทำให้เด็กหนุ่มที่เขาปลุกปั้นเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้
นั่นจึงเป็นที่มาของคำถาม "กระสุน 1 ลูก" ตอนต้นเรื่องของเรานั่นเอง
เฟอร์กี้ยอมรับในภายหลังว่า "เบ็คแฮม เขาเสียโอกาสที่จะเป็นนักเตะระดับโลก เขามีฝีเท้าไปได้ไกลถึงขนาดนั้น แต่เขาดันเลือกวิถีชีวิต ไลฟ์สไตล์ และความเป็นสตาร์แทนที่จะเป็นฟุตบอล"
"ทันทีที่เขาตกหลุมรักกับวิคตอเรีย ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป"
แต่สุดท้าย เรื่องนี้ เราก็เข้าใจได้ทุกฝ่าย
สำหรับเฟอร์กูสัน เขาไม่ชอบความหวือหวาใดๆทั้งสิ้น เฟอร์กี้เป็นคนฟุตบอลตัวจริง ที่อยากให้ผู้เล่นของเขา สนใจแต่ฟุตบอลเท่านั้น
เขากลัวว่าสิ่งไขว้เขวอื่นใด จะทำให้นักเตะเสียโฟกัส และไม่ทุ่มเทเต็มร้อยในสนามซ้อมและสนามแข่ง
ใจเขาอยากให้เบ็คแฮมเป็นเด็กผู้ชายบ้าฟุตบอลเหมือนสมัยอยู่อคาเดมี่ เป็นเด็กปั้นคนเดิมคนนั้นตลอดไป
แต่สำหรับเดวิด เบ็คแฮม นั่นคือผู้เล่นระดับปรากฏการณ์ ยิ่งหลังจากคบกับวิคตอเรีย เบ็คส์ไปไกลเกินกว่าโลกฟุตบอลแล้ว แต่เป็นไอคอนของคนทั้งโลก แม้แต่คนไม่ดูบอลยังรู้จัก
1
ดังนั้นจะมาใช้ชีวิตโลว์โพรไฟล์แบบ พอล สโคลส์ มันก็คงไม่ใช่ทางของเบ็คแฮมเหมือนกัน
1
ในเมื่อความรักห้ามกันไม่ได้ เบ็คแฮมก็ต้องคู่กับวิคตอเรีย ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขากับแมนฯยูไนเต็ด ในยุคเฟอร์กี้ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ท้ายที่สุดก็ต้องแยกทางกันไปในที่สุด
แต่การจบกันครั้งนั้น เมื่อมาย้อนดูตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีกับทุกฝ่าย
สำหรับเฟอร์กี้ ก็ได้เบอร์ 7 ที่ว่างลง นำมาสู่การเข้ามาของเบอร์ 7 คนใหม่ ที่ชื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ และปีศาจแดงก็เข้าสู่ตำนานบทใหม่ตั้งแต่นั้น
ส่วนเบ็คแฮม ความรักของเขากับวิคตอเรียก็ยังแข็งแกร่ง ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 4 คน พอย้ายออกจากแมนฯยู ก็ประสบความสำเร็จด้วยดีทั้งกับเรอัล มาดริด และ แอลเอ แกแล็กซี่ วันนี้แม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ก็ยังเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งเหมือนเดิม
1
แฮปปี้เอ็นดิ้งกันทั้งหมด
ดังนั้น ถ้าตอนนี้ถ้ามีคนไปถามอเล็กซ์ เฟอร์กูสันว่า "มีกระสุนสัก 1 นัด คุณอยากเอาไปยิงใคร"
1
คำตอบอาจไม่ใช่ วิคตอเรีย กับ เวนเกอร์อีกแล้ว
แล้วจะเป็นใครดี?
คำตอบของเฟอร์กี้อาจเป็น ลินการ์ด บีนส์ บีนส์ บีนส์ ก็ได้นะ!
#Ferguson #Beckham #Victoria
โฆษณา