21 ต.ค. 2019 เวลา 02:03 • การศึกษา
เขียนไปแปลไป เพื่อฝึกภาษาในแบบ A3
สวัสดีครับ
วันนี้มาคุยเรื่องเกี่ยวกับการฝึกภาษาต่างประเทศในแบบของเพจ A3 กันครับ
ปัจจุบันเราคงไม่ต้องมานั่งอธิบายหรือแนะนำอะไรกันมากมาย ว่าภาษาต่างประเทศมีความจำเป็น มีความสำคัญ และมีประโยชน์ต่อการเรียน ทำงาน ใช้ชีวิต พัฒนาตนเอง ไปมากน้อยขนาดไหน
เอาจริงๆ ผมก็ไม่อาจบอกได้อย่างครอบคลุมและถูกต้องนักว่าการรู้ภาษาต่างประเทศช่วยอะไรเราได้บ้าง
ไว้ถ้าพอจะเรียบเรียงหรือไปเจอแหล่งบทความดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จะนำมาแบ่งปันกันก็แล้วกันนะครับ
แต่เรื่องที่จะคุยกันวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความตั้งใจในการฝึกภาษาของผมผ่านการทำเพจ A3
แอดมินเพจ A3 (ผมเองเนี่ยแหละ) เป็นคนที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นในการทำงาน มากกว่าภาษาอังกฤษครับ
ดังนั้นเพจ A3 จึวเป็นเพจที่ผมตั้งใจจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับเขียนอะไรไปเรื่อยเฉื่อยโดยมีภาษาหลักเป็นภาษาไทย และจะพยายามต่อท้ายด้วยส่วนที่แปลเป็นภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มากจากการแปลของผมเอง ซึ่งถ้าคนที่เก่งๆ ภาษาญี่ปุ่น หรือเจ้าของภาษามาเห็นเข้า ก็คงจะรู้สึกได้ถึงความทุลักทุเล พิลึกกึกกือของภาษาที่ผมแปลออกไป ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเลยนะครับ m(_ _)m
เหตุผลของความคิดข้างต้นนั้นมีดังนี้ครับ
1. ตามความเข้าใจของผม การทำเพจควรจะมีวัตถุประสงค์ของมัน เช่นทำเพื่อคนทำเอง (อยากเขียน อยากเวิ่นเว้อ อยากจดบันทึก อยากระบาย ฯลฯ) หรือทำเพื่อคนอ่าน (อยากถ่ายทอด ส่งต่อความรู้ ประสบการณ์ อยากแนะนำ ตักเตือน สื่อสาร ฯลฯ)
2. แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้มีทักษะ ความรู้ความชำนาญที่โดดเด่นจนมั่นใจและกล้าจะไปแนะนำใคร จึงไม่สามารถสร้างเพจที่ส่งต่อความรู้อะไรได้
3. จะทำเพจที่ขายคาแรกเตอร์ของตัวเอง ก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองถนัดแน่นอน และก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากทำด้วย (คนอื่นก็คงไม่มีใครอยากรับรู้คาแรกเตอร์ของแอดมนิหรอกครับ 55555)
4. ผมแค่อยากเขียน บันทึก แบ่งปัน สิ่งที่ตัวเองคิด และถ้ามันจะมีประโยชน์กับคนที่เข้ามาอ่านก็ดีใจ
5. แต่ก็ไม่มีอะไรจะการันตีได้ว่าทุกๆ สิ่งที่ผมเขียน บันทึก แบ่งปัน ที่ว่านั้น มันก่อประโยชน์ให้ผู้อ่าน หรือตัวผมเองอย่างไรบ้าง
6. เพราะฉะนั้นเลยอยากให้ทุกๆ โพส หรือส่วนใหญ่ มีประโยชน์กับตัวผมเองเป็นเบื้องต้นก่อน ซึ่งสิ่งที่พอจะทำได้ก็คือ การตั้งกติกาว่า ถ้าโพสไหนไม่ยาวเกินไป ผมจะแปลภาษาญี่ปุ่นลงไปด้วย แปลด้วยความรู้ คลังคำ คลังไวยากรณ์ เท่าที่เรามีเนี่ยแหละ อันไหนที่พอค้นได้หาได้ ก็ค้นไปหาไปแปลไป จะได้ฝึกไปเรื่อยๆ
7. เหตุผลที่ต้องเป็นภาษาญี่ปุ่น เพราะเป็นภาษาที่ผมมีโอกาสได้เรียนมาบ้าง ได้ใช้ในการทำงานบ้าง แม้จะไม่ถึงกับนำไปใช้สอนคนอื่นได้ แต่ก็ใช้ในการทำงานอยู่เป็นประจำ
8. ดังนั้นการแปลบทความที่ตัวเองเขียน ย่อมเป็นการบังคับให้ตัวเองได้หัดหาคำศัพท์ พยายามแปล หรือถ่ายทอดเนื้อหาที่ตัวเองฝอยในภาษาแม่ ให้ไปเป็นภาษาต่างประเทศได้อย่างใกล้เคียงต้นฉบับให้มากที่สุด ซึ่งก็น่าสนุกดี เพราะเนื้อหาต้นทางผมจะเขียนเรื่องไหนก็ได้ ไม่ได้มีจำกัดขอบเขต คำศัพท์ที่จะงอกออกมาให้ตัวเองต้องปวดหัวเองก็จะไม่มีขอบเขตจำกัดอีกเช่นกัน เกิดวันดีคืนดีผมไปเขียนเรื่องเกี่ยวกับการทำพะโล้เป็ด ผมก็อาจต้องหาศัพท์เกี่ยวกับเครื่องพะโล้ทั้งหลาย ซึ่งในการทำงานปกติเราคงไม่ได้เจอศัพท์แบบนี้บ่อยนัก การแปลเรื่องที่ตัวเองเขียนเนี่ยแหละที่จะทำให้ศัพท์เรากว้างออกไปได้อย่างสุดลูกหูลูกตา ไปจากที่ทำงาน หรือสภาพที่เรานำภาษามาใช้อยู่ในทุกๆ วันไปอีกไกลแสนไกล
9. และการหัดแปลนั้น แม้ว่าจะไม่ได้แปลส่งคุณครู อาจไม่มีใครมาแนะนำว่าไวยากรณ์ตรงไหนควรเขียนอย่างไรให้เหมาะสม (แต่จริงๆ แล้ว ถ้ามีใครมาอ่านเจอแล้วช่วยแนะนำให้ก็จะขอบคุณมากเลยครับ จริงๆ นะ) อย่างน้อยก็จะได้คำศัพท์เนี่ยแหละเป็นประโยชน์ในเบื้องต้น ซึ่งความเห็นส่วนตัวของผมเองมีความเชื่อว่าคำศัพท์ต้องมาก่อนไวยากรณ์ (มีโอกาสจะเขียนถึงเรื่องนี้อีกที) ซึ่งหากคลังคำเรามีมาก เราจะสื่อสารได้หลากหลายมากขึ้น และมันก็จะสลวยสวยงามขึ้นไปอีกเช่นกัน (เนี่ยอะไรแบบนี้จะแปลยังไงล่ะน่ะ...) หากสักวันเราได้ขัดเกลาไวยากรณ์ให้มันมีระดับที่สูงขึ้น
10. และอีกผลพลอยได้ก็คือ หากมีเรื่องไหนที่เราเขียนมันเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของชาวต่างชาติเจ้าของภาษา และเขาบังเอิญมาเจอเข้า มันก็จะได้เป็นบทความที่มีประโยชน์กับเขาด้วย เช่นเกิดเราเขียนเรื่องการทำบุญ งานวัด หรืออะไรที่เป็นเรื่องราวของประเทศไทย เรื่องราวของบ้านเรา เขาก็จะได้ร่วมเข้าใจไปกับเราด้วย เป็นโอกาสในการแบ่งปันวัฒนธรรม วิถีชีวิต สังคม ของบ้านเราได้อีกทางหนึ่ง
11. จริงๆ แล้วผมอยากหัดแปลภาษาอื่นด้วย โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่เราเจอหน้าตากันมานานแสนนาน แต่ทักษะไปไม่ถึงไหนสักที เพียงแต่ตามลำดับความสำคัญสำหรับผมแล้ว ต้องฝึกภาษาญี่ปุ่นก่อน ถ้ามีโอกาสคงจะได้หัดภาษาอื่นบ้าง
12. แต่แน่นอนว่าการจะทำอย่างนั้นได้อย่างสม่ำเสมอ ก็ต้องมีเงื่อนไขอยู่บ้าง โดยเฉพาะความยาวของบทความต้นทาง ที่ไม่ควรยาวจนแปลไม่ไหว (ซึ่งสองเรื่องก่อนก็ยาวเกินไปตลอด อันนี้ก็ด้วย......) เพราะฉะนั้นผมต้องควบคุมความยาวของโพสตัวเอง เพื่อให้อยู่ในระดับที่สามารถทำได้จริงตามที่ตั้งใจ
......ก็มีประมาณนี้แหละครับ ที่จะเป็นแนวทางของเพจ A3 จากนี้ไป......
ดังนั้นหากเข้ามาแล้วพบว่าบางโพสมีสองภาษา บางโพสมีแต่ภาษาไทย หรือวันไหนผีเข้าเกิดจะมีภาษาอังกฤษ ซึ่งล้วนมาแบบผิดไวยากรณ์ ศัพท์แปลกๆ ก็อย่าได้ประหลาดใจนะครับ ทั้งหมดมีที่มาตามที่อธิบายไว้ข้างต้นนี้เองครับ ^^”
ปล.การฝึกในลักษณะนี้ จริงๆ แล้วไม่ต้องมานั่งทำเพจ แค่นั่งเขียนบันทึกประจำวัน แล้วแปลเรื่องที่ตัวเองเขียนไปด้วย ก็เป็นการฝึกได้แล้ว ดังนั้น ท่านที่แวะเข้ามาอ่าน และอยากลองนำวิธีในไปใช้ในการฝึกภาษาต่างประเทศของตนเองนั้น จะทำเพจและแปลไปด้วย หรือจะเขียนบันทึกแล้วแปลไปด้วย ก็ได้นะครับ ลองทำด้วยความรู้ที่เรามี แม้มันจะกระท่อนกระแท่น แต่ผมว่ามันจะสนุกไปอีกแบบครับ (ย้อนไปอ่านโพสก่อนหน้าได้นะครับ Do what you can, with what you have, where you are ^^ )
ปลล. และแน่นอน โพสนี้ยาวอีกแล้ว แค่ภาษาไทยส่วนเดียวก็ยาวเกินหน้า A3 ใน word ไปอีก เพราะงั้น โพสนี้ก็จะยังไม่แปลครับ 55555
แล้วเจอกันใหม่โพสหน้าครับ :)
A3
โฆษณา