21 ต.ค. 2019 เวลา 08:58 • ท่องเที่ยว
[ธรรมชาติจัดสรร]
ภาพนี้คือหนึ่งในซากเรืออัปปางที่สวยที่สุดในโลก มันคือเศษซากไร้ค่าที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ แต่ธรรมชาติกลับเนรมิตมันขึ้นมาใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์
เรือลำนี้นางมีชื่อว่า S.S.City of Adelaide เป็นเรือเหล็กกึ่งไม้ขนาดใหญ่ที่ต่อขึ้นในกรุงกลาสโกว์ ประเทศสก็อตแลนด์ ในปี ค.ศ.1863
แรกเริ่มเดิมทีมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ขนส่งผู้โดยสารระหว่างเมืองเมลเบิร์นและซิดนีย์ของประเทศออสเตรเลีย กับเมืองโฮโนลูลูและซานฟรานซิสโกของสหรัฐ
ชีวิตของมันต้องเปลี่ยนเจ้าของมาทั้งสิ้น 6 ราย จากเรือโดยสารกลายมาเป็นเรือสินค้า ก่อนจะยุติเส้นทางของตนเองเพราะเหตุการณ์ไฟไหม้ ในปี ค.ศ.1912
3 ปีต่อมาเศรษฐีใจป้ำคนหนึ่งนามว่า George Butler ได้กลายมาเป็นเจ้าของรายที่ 7 เขาซื้อซากเรือลำนี้ต่อเพื่อหวังที่จะทำให้มันเป็นเรือเก่าลอยน้ำ ใช้มันลอยลำอยู่บริเวณอ่าวปิคนิค (Picnic Bay) ของเกาะแม็คเนติค(Magnetic Island) ในรัฐควีนส์แลนด์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย
แต่ปีถัดมามันกลับถูกลากนำมาจมปักดินอยู่ใกล้อ่าวค็อคเคิ่ล(Cockle Bay) ของเกาะเเม็คเนติคเช่นเดียวกัน
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 100 ปีที่ผ่านมา มันยังอยู่ ณ ตรงนั้น ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านวิบากกรรมอีกมายมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่เศษซากของมันก็ยังคงยืนหยัดจนคนทั่วโลกรู้จักมันในนาม “The Wreck of the S.S. City of Adelaide”
สภาพปัจจุบัน มีต้นโกงกางขึ้นปกคลุมตลอดเศษซากของมัน และมันได้กลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของนกทะเลหลากหลายสายพันธุ์ ที่สำคัญ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเหงา เพราะรอบๆเกาะแม็คเนติคยังมีซากเรืออัปปางนิรนามอีกกว่า 20 ลำ นอนหลับไหลอยู่ใต้ท้องทะเลจนเรียกได้ว่า สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นจุดดำน้ำลึกชื่อดังของรัฐควีนส์แลนด์เลยทีเดียว
*S.S. ย่อมาจาก Steamship(เรือจักรไอน้ำ)เป็นเรือที่นิยมใช้กันในช่วงศตวรรษที่ 19 จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 (ช่วงปี ค.ศ.18xx-19xx) เป็นวิวัฒนาการต่อเนื่องจากเรือใบที่เคยใช้ลมและแรงคนในการขับเคลื่อน เรือประเภทนี้คือหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญที่นำพาโลกของเราเข้ามาสู่คำว่า “โลกาภิวัฒน์” เพราะมันเป็นเครื่องมือในการเปิดประตูการค้าระหว่างประเทศ สามารถขนถ่ายสินค้าข้ามมา-หาสมุทรได้ด้วยระวางบรรทุกสินค้าขนาดมหึมา
โฆษณา