Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โปรดใช้วิจารณญาณในการฟัง
•
ติดตาม
23 ต.ค. 2019 เวลา 05:28 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
มนุษย์กับการจับคู่ผสมพันธุ์และการนอกใจ
ช่วงนี้มีข่าวการคบหากับคนรักพร้อมๆกันหลายคนอยู่บ่อยครั้ง คุณส้มจี๊ดเลยแนะนำว่าให้ลองเขียนเกี่ยวกับโพลีแกมี/ โมโนแกมีของมนุษย์ดู....ซึ่ง นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเขียนออกมาไงดี
เลยขอยืมมุกของศาสตราจารย์วิชาพฤติกรรมชีววิทยา(behavioral biology) ของสแตนฟอร์ดมาเล่า (ผมไม่เคยไปเรียนที่นั่นอะนะ แค่เคยดูเลคเชอร์ในเน็ตเฉยๆ)
เรื่องมันมีอยู่ว่า ...มนุษย์ต่างดาวเดินทางมาที่โลก แล้วผูกสัมพันธ์กับมนุษย์ นักสำรวจต่างดาวและเจ้าบ้านมีความเป็นมิตรกันอย่างดี จนกล้าที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องอย่างว่า ใช่ อย่างว่าน่ะแหละ
"นี่คุณเอเลี่ยน เผ่าพันธุ์คุณขยายพันธุ์ยังไงรึ?"
เอเลี่ยนเลยโชว์การซั่มให้มนุษย์ดู เอเลี่ยนเรียกเผ่าพันธุ์ตัวเองมา5ตน แล้วปล่อยแสงออกจากจมูก จากนั้นก็ยืนต่อตัวกัน แล้วก็ปล่อยแสงออกจากตัว ผ่านไปสักสามสิบนาที เอเลี่ยนตัวน้อยก็ปรากฏขึ้นมาต่อตัวอยู่บนเอเลี่ยนชั้นบนสุด
มนุษย์โลกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก
เอเลี่ยนก็ถามกลับ แล้วโฮโมเซเปี้ยนขยายพันธุ์ไงรึ?
มนุษย์โลกเลยเรียกคู่รักมา แล้วก็บะบะโอ้บะบะ โดยมีเอเลี่ยนบันทึกภาพไว้
หลังเสร็จกิจคู่หญิงชายเหงื่อไหลไคลย้อยสารคัดหลั่งเยิ้ม เปียกแฉะไปทั่วบริเวณ เอเลี่ยนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ถึงกับอุทานด้วยความประทับใจ "เดคัลจ้า!"
แล้วถามมนุษย์ "แล้วมนุษย์ตัวใหม่ล่ะอยู่ไหน?"
"มันต้องใช้เวลาอีก 9 เดือนน่ะคุณเอเลี่ยน"
"แล้วตอนท้ายๆพวกท่านจะรีบซอยอะไรขนาดนั้น?".....
ขำไหม....มุกระดับสแตนฟอร์ดเลยนะครับ....
แล้วเกี่ยวอะไรกับโพลีแกมี....ก็ไม่ค่อยเกี่ยว แค่คิดว่าถ้าเปิดด้วยมุกคนอาจจะเข้ามาอ่านเยอะ...รึเปล่า?
มองอีกแบบ ในโลกของชีววิทยา การขยายพันธุ์ของแต่ละเผ่าพันธุ์ไม่เหมือนกัน ทำให้อาจไม่เข้าใจกัน หรือ มีความเห็นต่อพฤติกรรมดังกล่าวต่างกัน....
ถ้ามองจากมุมมองของชีววิทยา การจับคู่ผสมพันธุ์ มันอาจไม่ใช่การจับคู่ความสัมพันธ์.... ในสปีชีโฮโมเซเปี้ยน สังคม ประเพณี ทำให้พฤติกรรมของมนุษย์มีพฤติกรรมที่อาจจะฝืนธรรมชาติไป หรือเรียกได้ว่าธรรมชาติของมนุษย์ชอบฝืนธรรมชาติ...
และมนุษย์ให้คุณค่ากับการอดกลั้น ไม่ทำตามสัญชาตญาณ เช่น อยากมีกามกิจ แต่ถือพรหมณ์จรรย์ คนก็นับถือ อยากกินข้าวบ่อยๆ แต่อดกินข้าวหลังเที่ยง คนก็นับถือ อยากจะกินเบคอน แต่อดไม่กินหมู คนก็นับถือ....หรืออาจไม่ได้รับการนับถือ แต่คนที่ประพฤติการอด ก็แอบฟินกับตัวเองเงียบๆคนเดียวก็อาจเป็นได้....
ซึ่งในแง่ผลดีต่อมนุษย์ชาติ ความซับซ้อนนี้ก็ถือว่ามีผลดี เพราะสังคมที่มีความอดทนอดกลั้น มองข้ามช็อต ข้ามความกำหนัดใคร่ชั่วตรงหน้า เพื่อผลดีระยะยาว หรือ ผลดีต่อส่วนรวม ก็ย่อมจะนำพาให้สังคมนั้นเจริญไปข้างหน้า ทั้งในแง่สังคม ที่จะสงบสุขขึ้น และในแง่วิวัฒนาการ ที่จะทำให้สปีชีโดยรวม ส่งพันธุกรรมไปในรุ่นต่อไปได้....
แล้วอะไรทำให้เกิดปรากฏการณ์โพลิแกมีหรือโมโนแกมี (เอาเป็นว่าเพื่อให้เข้าใจกันง่ายๆ ในทางชีววิทยา โพลีแกมีคือมีคู่ผสมพันธุ์หลายตัว แยกเป็นโพลิจีนี คือ ผัวเดียวหลายเมีย โพลีแอนดรี เมียเดียวหลายผัว โมโนแกมีคือผัวเดียวเมียเดียว ใครรู้ภาษากรีกก็ตรงตัวเลย เข้าใจง่ายไม่มากความ)…
การสืบพันธุ์ มีเศรษศาสตร์สถิตย์อยู่ ไส้เดือนสองตัว ที่เป็นเฮอร์มาโพรไดต์ทั้งคู่ พร้อมที่จะผสมพันธุ์กัน คุณคิดว่า มันน่าจะอยากรุกรึอยากรับ และ เพราะอะไร….
ทรัพยากรในการสร้างและเลี้ยงดูไข่นั้นสูงมากกว่าทรัพยากรในการผลิตสเปิร์ม ไส้เดือนทั้งสองตัวจึงพยายามกอดรัดฟัดเหวี่ยง หลีกเลี่ยงการเป็นฝ่ายรับ ขณะเดียวกันก็พยายามจะเสือกไสใส่อวัยวะเพศให้ผสมกับไข่ให้ได้ การตั้งครรภ์เป็นหน้าที่ที่หนักหนาสาหัส ใช้ทรัพยากรทั้งเวลา กำลังกาย อาหาร ฯลฯ อย่างสูง ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่นี้ จึงมักจะเป็นผู้เลือกว่าจะได้ผสมพันธุ์กับคู่ตัวไหน อย่างเช่นในนกดาวเวอร์ที่ตัวผู้ต้องมาเต้นโชว์ เพื่อจะได้ครองใจตัวเมีย ในขณะที่ตัวเมียจะบินไปเมื่อไรก็ได้ถ้าไม่ถูกใจ
มนุษย์เป็นหนึ่งใน althricial species นั่นคือสายพันธุ์ที่มีตัวอ่อนที่เคลื่อนไหวเองไม่ได้
การที่คู่ผสมพันธุ์มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องหลังจากคลอดลูกแล้วมีข้อดีตรงที่สามารถให้คู่ตัวเองดูแลตัวอ่อนในขณะที่อีกตัวไปหาอาหาร รึแปลเป็นไทยได้ว่าความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างพ่อแม่เป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตของลูกในสัตว์จำพวกนี้…
แต่กระนั้น การนอกใจก็เป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในสังคมสัตว์โมโนแกมี
ในนกที่เป็นโมโนแกมี ก็มีการพบว่าไข่ในรังนั้นมาจากตัวผู้หลายตัว รึก็คือมีชู้กันนั่นเอง….
ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีเพียง 3%ที่มีพฤติกรรมแบบโมโนแกมี และ มนุษย์ก็อาจจะสามารถเป็นหนึ่งในร้อยละ3นี้ได้ แต่เป็นโมโนแกมีทางนิตินัย แต่ไม่ค่อยจะโมโนแกมีทางพฤตินัยเท่าไรนัก
โดปามีนเป็นสารกระตุ้นที่สมองจะหลั่งเมื่อประกอบกิจกรรมเช่นการกิน การออกกำลัง การร่วมรัก หรือการเอาชนะอุปสรรค์อะไรบางอย่างได้ ซี่งในผู้ที่มียีนโดปามีนรีเซปเตอร์อัลลีลยาว ก็มักจะตอบสนองต่อสารนี้ได้ดี ทำให้เป็นคนที่มีแน้วโน้มจะติดพนัน ติดสารเสพย์ติด และมีชู้นอกใจ
นอกจากโดปามีนก็ยังมีฮอร์โมนวาโซเพรสซิน
มีการทดลองฉีดสารนี้เข้าไปในตุ่นที่มีพฤติกรรมโพลิแกมี ตุ่นนั้นก็กลายกลับเป็นตุ่นรักเดียวขึ้นมาทันที….
แต่ในเมื่อการรักเดียวใจเดียวมีผลดีต่อเผ่าพันธุ์ ทำไมยังมีพฤติกรรมนอกใจอยู่
ตอบง่ายๆ เพราะมันก็มีผลดีต่อเผ่าพันธุ์ในแบบของมัน
การนอกใจเป็นการกระจายความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะในโลกที่ป่าเถื่อนโหดร้าย มนุษย์หน้าขนบ้างไม่ขนบ้างไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ครองที่ฝากผีฝากไข้จะตายวันรึตายพรุ่ง การมีตัวสำรองไว้ข้างสนามเพื่อเปลี่ยนตัวก็ถือเป็นหนทางที่ไม่เลวนัก
และเมื่อทั้ง2พฤติกรรม มีผลดีต่อสายพันธุ์ มันจึงถูกคัดเลือกให้ดำรงอยู่ผ่านทางพันธุกรรม….
แต่
เมื่อสังคมมีความซับซ้อนวุ่นวายขึ้น การเลือกคู่และผสมพันธุ์ก็ซับซ้อนขึ้น….
มนุษย์มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลลูกที่ช่วยตัวเองไม่ได้ และเมื่อมีพ่อแม่ช่วยกันเลี้ยงดูก็ลดความเสี่ยงและเพิ่มความได้เปรียบ เพิ่มแนวโน้มที่ทารกจะรอดชีวิต ซึ่งในแง่เศรษฐศาสตร์ ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะการตั้งครรภ์และคลอดเป็นกิจกรรมที่เสี่ยง และ สิ้นเปลืองทรัพยากร สมองของมนุษย์ทั้งพ่อและแม่หลังสารออกซิโทซินที่ทำให้เกิดความสบายใจ ความไว้วางใจ ความพึงพอในที่ไม่ได้รุนแรงเร่าร้อนอย่างผลของโดปามี แต่ทำให้เกิดการผูกพันธ์ที่ลึกซึ้งและยาวนานกว่า ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจจึงไม่ใช่เรื่องเหนือจริงโรแมนติกอะไร แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากกฎเกณฑ์ของการเอาตัวรอด
มีการทดลองให้คู่รักสองประเภทมาดูรูปถ่ายของผู้คนหลายๆคน เมื่อรูปของคู่รักฉายขึ้นมาก การทำงานของผู้รับการทดลองมีความแตกต่างกันระหว่าคู่รักข้าวใหม่ปลามัน และคู่รักที่คบกันมานาน
คู่รักข้าวใหม่ปลามันจะมีการทำงานของสมองที่ตอบสนองต่อโดปามี ส่วนคู่รักที่อยู่กันมานานจะเป็นส่วนที่ตอบสนองต่อออกซิโทซิน….
ถ้าเปรียบเทียบแบบหยาบๆ(คายๆ) คือเมื่อมนุษย์รักกัน คู่รักเริ่มแรกจะเหมือนกับรถสปอร์ตที่เครื่องแรง แต่พอคบไปนานๆ จะกลายเป็นโซานุ่มๆที่นั่งจนบุ๋มแต่สบาย….
ความร้อนแรงของความรักที่ลดลงยังไปสัมพันธ์กับอายุของลูก เมื่อลูกของมนุษย์เริ่มจะช่วยตัวเองได้ ความจำเป็นของพ่อที่จะช่วยดูแลลูกอ่อนจะลดลง และทำให้ความสัมพันธ์ของคู่จืดจางจนจบลงได้...แล้วทั้งคู่ก็จะแยกย้ายไปหาคู่ครองใหม่
ปรากฏการณ์นี้ทำให้สามารถมองได้ว่ามนุษย์เป็นพวกโมโนแกมีแบบช่วง (serial monogamy) คือในระหว่างที่คงความสัมพันธ์กันนั้น มีคู่ครองเดียว แต่เมื่ความสัมพันธ์จบลง ก็ไปหาคู่ครองใหม่…
อย่างไรก็ตาม กายภาพของมนุษย์ที่น่าจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความเป็นโพลีแกมีก็มีอีกหลายอย่าง เช่นอวัยวะเพศชายที่มีปลายองค์ชาติเป็นหัวเห็ด ทำให้เกิดแรงดูดเมื่อดึงออกจากช่องคลอด ทำให้อสุจิขิงคู่ผสมพันธุ์ตัวก่อนเข้าถึงไข่ได้ยากขึ้น กายภาพตรงจุดนี้แสดงให้เห็นว่ามันคือการแข่งขันระหว่างเพศผู้ในการผสมพันธุ์แบบโพลีแกมี
ในบางเผ่าของอเมริกาใต้ ที่ยังมีวิถีชีวิตเรียบง่าย จะไม่มีคู่รักตายตัว ลูกของหญิงสาวในเผ่าคือลูกของทุกคนในเผ่า ผู้ชายในเผ่าจะช่วยกันเลี้ยงดู วิธีนี้ทำให้มีแนวโน้มว่าเด็กที่เกิดมาจะอยู่รอด และได้รับการถ่ายทอดความรู้ในการเอาตัวรอดที่หลากหลายกว่าเด็กที่มีพ่อเพียงคนเดียว
ถ้าความสัมพันธ์แบบนี้มันมีข้อดีกว่า ทำไมมันจึงหายไปจากสังคมกระแสหลัก อะไรคือแรงกดดันที่คัดสรรค์เอาความได้เปรียบนี้ออกไป
ทุกอย่างน่าจะเริ่มขึ้นจากการเกษตร…
ชีวิตแบบหาของป่าล่าสัตว์ทำให้ไม่จำเป็นที่มนุษย์จะต้องครอบครองสิ่งของที่หนักเกินแบก รึใหญ่เกินถือ แต่เมื่อเริ่มหันมาทำไร่ไถนา พื้นดินที่เคยเดินเหยียบย่ำได้ทั่วก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกแบ่งเขตขั้นครอบครอง เมื่อเจ้าของได้ตายลง สิทธิ์บนผืนดินจะตกเป็นของใครกัน คำตอบที่มาจากสัญชาติญาณในการส่งต่อยีน ก็ย่อมจะเป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายตน แต่ลูกหลานของใครจะรู้ได้ไงหากมีการร่วมรักโดยเสรี และยังไม่มีการตรวจดีเดอ็นเอ อย่ากระนั้นเลย เรามาอยู่อย่างผัวเดียวเมียเดียวเพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งเหยิงที่จะย่างกรายเข้ามาเวลาสืบทอดสมบัติสู่ทายาทดีกว่า รึนั่นก็คือการแต่งงาน การแต่งงานนั้นคือสิ่งประดิษฐ์ที่มาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการสืบกรรมสิทธิ์นั่นเอง และถ้าผู้ครอบครองมีสมบัติที่มากมายล้นเหลือ จนการแบ่งกรรมสิทธิ์ไม่ใช่ประเด็น ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีผัวเดียวเมียเดียว… ผู้มีอำนาจในสังคมจึงมักมีคู่ครองหลายคนอย่างเปิดเผย และกีดกันให้คู่ครองของตน ไม่มีคู่อื่น เช่นฮาเร็มของข่าน หรือ วังหลังของมหาราชา และมีการสำรวจว่า หากคู่ครองมีฐานะแตกต่างกันมากๆ ไม่ว่าชายจะรวยกว่าหญิงมากๆ หรือ หญิงจะรวยกว่าชายมากๆ คู่ที่มีลักษณะดังกล่าวจะมีแนวโน้มเกิดการนอกใจ ในขณะที่คู่ครองที่มีฐานะเท่าเทียมกัน มีภูมิหลังใกล้เคียงกัน จะมีแนวโน้มที่จะครองคู่กันนานกว่า...
การแต่งงานว่าใหม่ ยังมีที่ใหม่กว่าการแต่งงาน คือการแต่งงานด้วยความรัก ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นไม่เกิน3-400ปีนี่เอง อย่างในบทประพันธ์ของเชคเปียร์เรื่อง โรมิโอและจูเลียต ที่คนปัจจุบันชื่นชมว่ามันคือละครที่บูชารักแท้ แต่ในบริบทตอนที่ถูกเขียนขึ้น มันคือนิทานสอนใจให้ไม่ไปหลงกับความรักแบบโรแมนติก ที่จะทำให้หนุ่มสาวหมกมุ่นและนำไปสู่การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่
ในยุค1700 ก็มีความกังวลจากกลุ่มเคร่งศาสนาว่า การตัดสินใจแต่งงานโดยใช้ความรัก จะทำให้หญิงสาวขึ้นคานมากขึ้น เพราะปฏิเสธคู่ดูตัวที่ตนเองไม่รักไปเรื่อยๆ (ซึ่งในปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น….แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดีนะครับ...)
สังคมกระแสหลักของมนุษย์ในปัจจุบันมีความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักแบบโมโนแกมี ซึ่งทำให้โลกสงบสุข แล้วทำไมมนุษย์บางกลุ่มจึงยังจึงต้องนอกใจ เล่นชู้ มีกิ๊ก ตรงนี้ทางชีววิทยาก็สามารถอธิบายได้
ในแง่กายภาพของสมองดังที่เขียนไปแล้ว ยีนที่ทำให้สมองตอบรับโดปามีนได้ดี ทำให้สมองก้อนนั้นเสี่ยงต่อการเสพย์ติดได้ง่าย และสิ่งที่ทำให้เสพย์ติดที่สุดก็คือความเสี่ยง
เคยมีการทดลองให้หนูกดคันโยกแล้วให้อาหารหล่นลงมา หากคันโยกนั้นกดแล้วอาหารหลุ่นลงมาเสมอ สมองของหนูจะไม่หลั่งโดปามีน ในทางกลับกัน ถ้ากดคันโยกแล้ว ไม่มีอาหารหล่นมาเลย...ก็จะกดไปหาโพลอาร์มทำไม…. แต่ถ้ากดคันโยกแล้วอาหารหล่นบ้างไม่หล่นบ้าง ระดับโดปามีนก็จะพุ่งสูงขึ้น โดยจุดที่ทำให้โดปามีนหลั่งอย่างกระฉูดก็คือ 50/50….
การมีชู้ต่างกับการมีคู่ครองหลายคนอย่างเปิดเผยตรงความเสี่ยงนี่แหละ… และสมองส่วนที่ตอบรับโดปามีนก็ดันเป็นส่วนเดียวกันที่ทำงานตอนเห็นหน้าคนรัก ทำให้เกิดเป็นวัฏจักรรักต้องลุ้นกระตุ้นสมองไป เจอคนถูกใจโดปามีนหลั่ง พอนอกใจโดปามีนก็หลั่ง การหักห้ามใจจึงทำได้ยาก….
ความโรแมนติก การแต่งงาน และความรักเดียวใจเดียว มันเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวกันแต่มันคือคนละเรื่องเลย และสังคมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็จะทำให้ความสัมพันธ์กระแสหลักเปลี่ยนแปลงไปอีก เหมือนกับว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของความสัมพันธ์ของคู่รัก สังคมที่เปลี่ยนจากเกษตร เป็นสังคมเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็ทำให้การแต่งงานแบบรักเดียวใจเดียวเปลี่ยนไป รัฐสวัสดิการที่ช่วยให้การเลี้ยงดูลูกด้วยพ่อ รึ แม่เพียงคนเดียวก็ทำให้โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนไป การมุ่งมั่นในการงานก่อนความรักในประเทศที่เจริญแล้วก็ทำให้อัตราการเกิดต่ำลง ฯลฯ มันก็ยากที่จะทำนายอนาคตทางด้านการสืบพันธุ์และความสัมพันธ์ของมนุษยชาติได้ แถมเราก็ยังไม่มีฮาริ เซลดอน รึดาเนียล มาช่วยคำนวณด้วย
ส่วนตัวคนเขียน ก็อ้างเอาตำราไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที ก็ขอจบเรื่องที่ส้มจี๊ดแนะนำให้เขียนแบบดื้อๆแต่เพียงเท่านี้….รึเปล่า หืม? (ตามที่อ่านมา ถ้าทำให้จบแบบค้างคาจะทำให้โดปามีนหลั่ง แล้วคนจะตามอ่าน….)
2 บันทึก
10
2
2
2
10
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย