23 ต.ค. 2019 เวลา 12:45 • กีฬา
#บัลลงดอร์2019
บัลลงดอร์ (Ballon d’Or) คืออะไร
บัลลงดอร์ถ้าแปลตามตัวตามภาษาฝรั่งเศสก็คือ “ลูกบอลทองคำ” นั่นแหละครับ รางวัลก็เป็นลูกฟุตบอลสีทองตามชื่อเลย ความสำคัญของรางวัลนี้คือความขลังและความเก่าแก่ของมัน เพราะรางวัลนี้ถูกจัดมาตั้งแต่ปี 1956 โดยนิตยสาร France Football ของฝรั่งเศส
เริ่มแรกรางวัลนี้จะให้เฉพาะนักเตะสัญชาติยุโรปที่ค้าแข้งอยู่กับสโมสรในทวีปยุโรปเท่านั้น โดยนักเตะคนแรกที่ได้รางวัลนี้คือ เซอร์สแตนลี่ย์ แมทธิวส์ นักเตะอังกฤษจากสโมสรแบล็คพูล แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนกฎใหม่โดยสามารถให้รางวัลนี้กับนักเตะสัญชาตินอกยุโรปได้ แต่ต้องค้าแข้งอยู่กับสโมสรในสังกัดของยูฟ่าหรือก็คือในยุโรปนั่นเอง ซึ่งนักเตะนอกยุโรปที่ได้รางวัลนี้คนแรกก็คือ จอร์จ เวอาห์ นักเตะไลบีเรีย ได้ในขณะเล่นให้กับ เอซี มิลาน ของอิตาลี ในปี 1995 ปัจจุบัน จอร์จ เวอาห์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไลบีเรีย
อาจมีคนแย้งว่า เคยมีนักเตะนอกยุโรปได้รางวัลนี้มาก่อน จอร์จ เวอาห์ คือ อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน่ ของรีล มาดริด และ โอมาร์ ซิโวรี่ ของยูเวนตุส ซึ่งเป็นนักเตะอาร์เจนติน่าทั้งคู่ แต่ในปีที่ทั้งสองคนได้รับรางวัลนั้น ดิ สเตฟาโน่ ถือสัญชาติสเปนด้วย และซิโวรี่ ก็คือสัญชาติอิตาลีควบไปด้วย
ในปี 2010 – 2015 รางวัลบัลลงดอร์นี้เคยไปควบรวมกับรางวัล FIFA World Player of the Year หรือนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า ซึ่งจัดมาตั้งแต่ปี 1991 รวมเรียกว่ารางวัลฟีฟ่า บัลลงดอร์ แต่หลักจากอยู่กินกันได้ 6 ปี สุดท้ายก็แยกทางกัน ฟีฟ่าได้ใช้ชื่อ The Best FIFA Men’s Player award มาจนถึงปัจจุบัน และ France Football ก็มาใช้บัลลงดอร์เหมือนเดิม
ส่วนยูฟ่าเองก็ไม่น้อยหน้า มีรางวัลเหมือนกับองค์กรอื่นเหมือนกัน คือ Uefa Club Footballer of the Year ซึ่งจัดมาตั้งแต่ปี 1998 ถึงปี 2010 และเปลี่ยนเป็น Uefa Best Player in Europe ตั้งแต่ปี 2011 มาจนถึงปี 2016 และเปลี่ยนเป็น Uefa Men’s Player of the Year จนถึงปัจจุบัน
ผู้เข้ารอบบัลลงดอร์ 30 คนสุดท้าย มีใครบ้าง?
แอดมินจะขอแยกเรียงลำดับตามสโมสรที่มีนักเตะเข้าชิงมากที่สุดก่อนได้ดังนี้ครับ
ลิเวอร์พูล 7 คน ได้แก่ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, อลิสซอน เบ็คเกอร์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
แมนฯ ซิตี้ 5 คน ได้แก่ แบร์นาโด้ ซิลวา, เซร์คิโอ อเกวโร่, ริยาด มาห์เรซ, เควิน เดอ บรอยน์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง
บาร์เซโลน่า 4 คน ได้แก่ แฟรงกี้ เดอ ยอง, มาร์ค-อันเดร แตร์ สเตเก้น, ลิโอเนล เมสซี่ และ อ็องตวน กรีซมันน์
สเปอร์ส 2 คน ได้แก่ ซอง เฮือง-มิน และ ฮูโก้ โยริส
ยูเวนตุส 2 คน ได้แก่ มัตไตจ์ส เดอ ลิกต์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
รีล มาดริด 2 คน ได้แก่ คาริม เบนเซม่า และ เอเด็น อาซาร์
ปารีสฯ 2 คน ได้แก่ คิลลิยัน เอ็บปั๊บเบ้ และ มาร์ควินญอส
อาแจ็กซ์ 2 คน ได้แก่ ดูรัน ทาดิช และ ดอนนี่ ฟาน เดอ บีค
ที่เหลือเป็นทีมละ 1 คนคือ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น มิวนิค) , ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง (อาร์เซน่อล) , คาลิดู คูลิบาลี่ (นาโปลี) และ เจา เฟลิกซ์ (แอตฯ มาดริด)
ที่น่าสังเกตคือไม่มีนักเตะชื่อดังอย่าง เนย์มาร์ , พอล ปอกบา หรือศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษอย่าง แฮร์รี่ เคน อยู่ในรายชื่อ 30 คนสุดท้ายด้วย
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่จะได้รับรางวัลจะดูผลงานทั้งจากสโมสรและทีมชาติ ในสโมสรก็จะดูจากในประเทศและถ้วยยุโรป #บ่นบ้าภาษาบอล จะลองวิเคราะห์จากผลงานในมุมมองส่วนตัวดูว่า ใครจะมีโอกาสได้บัลลงดอร์ปีนี้ไปครอง
เมื่อพิจารณาดูจากรางวัล The Best FIFA Men’s Player award ของฟีฟ่าซึ่งปีนี้ ลิโอเนล เมสซี่ (46 คะแนน) คว้าไปครอง ตามมาด้วย เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (38 คะแนน) และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (36 คะแนน) ตามลำดับ
ส่วนรางวัล Uefa Men’s Player of the Year ของยูฟ่านั้น เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (305 คะแนน) ได้ไป ตามมาด้วย เมสซี่ (207 คะแนน) และ โรนัลโด้ (74 คะแนน) ตามลำดับ
แอดมินจึงขอยึด 3 คนนี้เป็น 3 ใน 5 คนสุดท้ายในใจไว้ก่อน ส่วนอีก 2 คน จะคัดจาก 27 คนที่เหลือ
เริ่มจากโดยปกติแล้ว ผู้เล่นที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์ จะมาจาก 5 ลีกใหญ่ของยุโรป คือ อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ดังนั้นแอดมินจึงขอตัดนักเตะจากอาแจ็กซ์ออก 2 คนเหลือ 25 คน
นักเตะควรจะได้แชมป์อย่างน้อย 1 ใบ หากดูจากแชมป์ลีกในประเทศและแชมป์ถ้วยยุโรป ทีมที่เป็นแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมามีดังนี้ แมนฯซิตี้ (อังกฤษ) บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) ยูเวนตุส (อิตาลี) บาร์เซโลน่า (สเปน) ปารีสฯ (ฝรั่งเศส) ลิเวอร์พูล (แชมเปี้ยนส์ลีก) และเชลซี (ยูโรป้า ลีก) ตัดนักเตะที่ไม่ได้แชมป์ออกจะเหลือ 18 คน จาก 6 สโมสร
แอดมินขอตัดนักเตะตำแหน่งผู้รักษาประตูออก เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้รักษาประตูมักจะไม่ได้รางวัลนี้ ยกเว้น เลฟ ยาชีน เพียงคนเดียว France Football จึงมีรางวัล Yashin Award มาปลอบใจ (จะกล่าวถึงภายหลัง) ค่อยไปลุ้นเอาละกัน ก็จะเหลือ 16 คน
นอกจากรางวัล Yashin Award แล้ว ยังมีรางวัล Kopa Trophy ให้สำหรับดาวรุ่งอายุไม่เกิน 21 ปี (จะกล่าวถึงภายหลัง) ซึ่ง มัตไตจ์ส เดอ ลิกต์ มีชื่อเข้าชิงด้วย ดังนั้น รางวัลใหญ่จึงขอตัดออกละกันครับ เหลือ 15 คน
จากรายชื่อที่เหลืออยู่พบว่านักเตะมาจาก 3 ทวีป คือ ยุโรป อเมริกาใต้ และอาฟริกา ซึ่งปี 2019 ที่ผ่านมาไม่มีฟุตบอลโลก จึงขอนำเอาผลงานของทั้ง 3 ทวีปมาดังนี้
ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก แชมป์คือโปรตุเกส รองแชมป์คือเนเธอร์แลนด์
โคปาอเมริกา แชมป์คือบราซิล รองแชมป์คือเปรู
แอฟริกันเนชั่นคัพ แชมป์คือแอลจีเรีย รองแชมป์คือเซเนกัล
แอดมินจึงตัดรายชื่อนักเตะที่ไม่อยู่ใน 6 ชาติดังกล่าวออก จึงเหลือเพียง 7 คนคือ ซิลวา (แมนฯซิตี้-โปรตุเกส) ฟีร์มิโน่ (ลิเวอร์พูล-บราซิล) ไวจ์นัลดุม (ลิเวอร์พูล-เนเธอร์แลนด์) เดอ ยอง (บาร์เซโลน่า-เนเธอร์แลนด์) มาเน่ (ลิเวอร์พูล-เซเนกัล) มาห์เรซ (แมนฯซิตี้-แอลจีเรีย) และ มาร์ควินญอส (ปารีสฯ-บราซิล)
2 จาก 7 แอดมินขอเลือก แบร์นาโด้ ซิลวา มิดฟิลด์กึ่งปีกจากแมนฯซิตี้ กับ ซาดิโอ มาเน่ กองหน้าจากลิเวอร์พูล ด้วยเหตุผลคือ
เพราะแบร์นาโด้ ซิลวา คว้าทริปเปิ้ลแชมป์ (บอลลีก+2บอลถ้วย) ให้กับแมนฯซิตี้ และยังคว้าแชมป์ยูฟ่าเนชั่นส์ลีกกับทีมชาติโปรตุเกสอีกทั้งยังเป็นตัวหลักให้กับทั้งสโมสรและทีมชาติ โดยมิดฟิลด์วัย 25 ปีผู้นี้ลงสนามให้เรือใบสีฟ้า (เฉพาะบอลลีกกับ UCL) 44 นัด ยิงไป 11 ประตูกับ 8 แอสซิส ส่วนทีมชาติลงสนามไป 5 นัด ทำไป 1 ประตูกับ 2 แอสซิส ถือเป็นมิดฟิลด์กึ่งปีกที่ของขับเคลื่อนเกมรุกให้กับทีม และยังสอดขึ้นไปทำประตูได้บ่อยๆ อีกด้วย
ส่วนซาดิโอ มาเน่ ก็เช่นกัน เป็นตัวหลักให้กับลิเวอร์พูลคว้าถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนสลีกและช่วยให้เซเนกัลคว้ารองแชมป์แอฟริกันเนชั่นคัพ ด้วยผลงานการลงสนามให้หงส์แดง (เฉพาะบอลลีกกับ UCL) 49 นัด ยิงไป 26 ประตูกับ 2 แอสซิส ยิงประตูสำคัญๆ ให้ลิเวอร์พูลเสมอ ส่วนในทีมชาติเซเนกัล ลงสนามไป 6 นัดทำ 3 ประตู กับ 1 แอสซิส
ส่วนอีก 3 คนขอเริ่มจากตัวเต็งจากหลายสำนักข่าวอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ซึ่งเล่นตำแหน่งกองหลัง แอดมินไม่เห็นนักเตะกองหลังได้รางวัลนี้มานานมาก ครั้งสุดท้ายก็น่าจะเป็นปี 2006 ที่ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ได้ไป ซึ่งปีนั้นคันนาวาโร่เป็นกัปตันทีมนำอิตาลีได้แชมป์โลก และพายูเวนตุสได้แชมป์ซีรี่ย์อา ก่อนที่จะโดนริบแชมป์จากคดีกัลโช่โปลี หลังจากนั้นอีก 12 ปีต่อมาเป็นเมสซี่ 5 ครั้ง โรนัลโด้ 5 ครั้ง กาก้า 1 ครั้ง และล่าสุด โมดริช ซึ่งเป็นนักเตะเกมรุกทั้งสิ้น แต่ฟาน ไดจ์ค นับเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ยูฟ่าซุปเปอร์คัพ รองแชมป์ลีก และช่วยเนเธอร์แลนด์ได้รองแชมป์ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก ด้วยผลงานในลีกเสียประตูเพียง 22 ประตูจาก 38 เกม รักษาคลีนชีตไปได้ถึง 21 เกม ถือเป็นปราการหลังระดับแนวหน้าของโลก และยังขึ้นมาทำประตูได้อีกด้วย โดยในฤดูกาลที่ผ่านมาเล่นให้ลิเวอร์พูล (เฉพาะบอลลีกกับ UCL) 50 นัด ยิงไป 6 ประตู กับอีก 4 แอสซิส และกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เล่น 6 นัดยิง 2 ประตู ถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับนักเตะกองหลัง และในเดือนสิงหาคม กองหลังวัย 28 ปีผู้นี้ได้รับรางวัล Uefa Men’s Player of the Year มาก่อนแล้วด้วย
คนต่อมาขอกล่าวถึง ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะเจ้าบุญทุ่มวัย 32 ปี ด้วยผลงานที่ผ่านมาในอดีตกับ 5 บัลลงดอร์ นับว่ากัปตันทีมบาร์เซโลน่าและทีมชาติอาร์เจนติน่าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเขาอีก การที่ปีนี้ไม่ว่าเขาจะได้หรือไม่ได้รางวัลนี้ก็ตาม ทุกคนก็ยังมองเมสซี่ว่ายอดเยี่ยมอยู่ดี ผลงานในปีที่ผ่านมาช่วยให้บาร์เซโลน่าคว้าแชมป์ลาลีกา รองแชมป์โกปา เดอเรย์ และช่วยให้ทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าอันดับ 3 โคปาอเมริกาที่บราซิล ในฤดูกาลที่ผ่านมาลงเล่นให้บาร์เซโลน่า (เฉพาะบอลลีกกับ UCL) 44 นัด ยิงไป 48 ประตู กับอีก 16 แอสซิส ส่วนทีมชาติอาร์เจนติน่า เล่น 6 นัด ยิง 1 ประตู กับอีก 1 แอสซิส เรียกได้ว่าอายุไม่เป็นอุปสรรคกับการเล่นในระดับสูงสุดของเขาแต่อย่างใด ใครบอกว่าหมดยุคของเขาแล้วต้องคิดดูใหม่ซะแล้ว ซึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เมสซี่ก็ได้รับรางวัล The Best FIFA Men’s Player award มาครองได้โดยเอาชนะทั้ง ฟาน ไดจ์ค และโรนัลโด้ มาแล้ว
ส่วนคริสเตียโน่ โรนัลโด้ คนนี้ก็ตำนานของบัลลงดอร์เหมือนกัน คว้ามา 5 สมัยเท่ากับเมสซี่ ความยอดเยี่ยมของเขาหากเอาไปเทียบกับเมสซี่แล้ว เถียงกันไป 3 วัน 3 คืนก็คงหาบทสรุปไม่ได้ว่าใครยอดเยี่ยมกว่ากัน ทั้ง 2 คนคือตำนานของวงการฟุตบอลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กัปตันทีมชาติโปรตุเกสรายนี้นำยูเวนตุสต้นสังกัดเขาคว้าแชมป์กัลโช่ซีรี่ย์อาได้เป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน พร้อมกับแชมป์ซุปเปอร์โคปาอิตาเลีย และยังพาทีมชาติโปรตุเกสคว้าถ้วยยูฟ่าเนชั่นส์ลีก โรนัลโด้ลงเล่นให้ยูเวนตุส (เฉพาะบอลลีกกับ UCL) 40 นัด ยิงไป 27 ประตูกับ 10 แอสซิส ส่วนทีมชาติโปรตุเกส เขาลงเล่นไปเพียง 2 นัดยิง 3 ประตู ซึ่งในฤดูกาลที่ผ่านมาโรนัลโด้ได้รับรางวัล MVP ของกัลโช่ซีรี่ย์อาด้วย
ผมขอให้คะแนนโดยใช้ความคิดเห็นส่วนตัวดังนี้ครับ
อันดับ 1 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค
อันดับ 2 ลิโอเนล เมสซี่
อันดับ 3 แบร์นาโด้ ซิลวา
อันดับ 4 คริสเตียโน่ โรนัลโด้
อันดับ 5 ซาดิโอ มาเน่
จริงๆ แล้วผมชอบเมสซี่ มากกว่าฟานไดจ์คนะ แต่ว่าอย่างที่บอกไม่ว่าเมสซี่จะได้รางวัลนี้หรือไม่ก็ตาม เมสซี่ก็ยังยอดเยี่ยมเสมอ ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าผมคิดว่าเมสซี่ก็ได้เข้าชิงอีก ส่วนฟานไดจ์คช่วยคุมเกมรับให้ลิเวอร์พูลได้อย่างแข็งแกร่ง โดยในรอบรองฯ UCL ยังเอาชนะบาร์เซโลน่าของเมสซี่ได้อีก และรางวัลนี้ก็ดูผลงานกันปีต่อปี นักเตะตำแหน่งกองหลังนานๆ จะได้เข้าชิงกับเขาสักที ซึ่งในความคิดส่วนตัวจริงๆ ของผมแล้วผมว่าไม่น่าเอามาเทียบกัน เพราะทั้งสองคนเล่นคนละตำแหน่ง เก่งในสิ่งที่ตนเองถนัด เหมือนกับถามว่า นกกับปลา อะไรดีกว่ากัน มันก็ดีกันคนละแบบล่ะครับ แต่ถ้าต้องเลือกก็ขอเลือกตามลำดับข้างต้นนั่นแหละ
ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 34 ปี หลังๆ มานี่ผมคิดว่าฟอร์มเค้าจะดร็อปลงไปนิดๆ อาจจะด้วยอายุที่มากขึ้น ถึงแม้ว่าจะยิงได้เยอะที่สุดในทีมก็ตาม แต่การมีส่วนร่วมกับเกมเริ่มน้อยลง หรือเขาอาจจะได้รับบทบาทจากซาร์รี่มาอย่างนั้นก็ไม่ทราบได้ แตกต่างกับ แบร์นาโด้ ซิลวา ที่ในแต่ละเกมมีส่วนร่วมกับเกมสูง จุดเด่นอยู่ที่การครองบอล การผ่านบอลให้กองหน้าแต่ละครั้งได้ลุ้นตลอด การแทงทะลุช่อง หรือแม้แต่การจบสกอร์ก็ทำได้ดี ผมจึงให้ได้ที่ 3 เหนือเพื่อนร่วมชาติอย่างโรนัลโด้
ส่วนอีก 2 รางวัล ที่ France Football จะประกาศก็คือ “Yashin Award” ที่มอบให้กับผู้รักษาประตู ชื่อรางวัลก็มาจาก “เจ้าปลาหมึกยักษ์ดำ” เลฟ ยาชิน ผู้รักษาประตูทีมชาติโซเวียต (สมัยนั้นยังเป็นโซเวียตอยู่) ผู้รักษาประตูเพียงคนเดียวที่เคยได้รางวัลนี้ ส่วนฉายานั้นก็มาจากการที่เวลาลงสนาม เขาจะใส่ชุดสีดำตลอด อีกรางวัลหนึ่งก็คือ “Kopa Trophy” มอบให้กับนักเตะอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งรางวัลนี้จะเปิดโอกาสให้กับนักเตะดาวรุ่งที่อยู่นอกยุโรปด้วย ซึ่งคนที่ได้รางวัลนี้เป็นคนแรกคือ คิลลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศสของ PSG นั่นเอง
เริ่มจาก Yashin Award ก่อนเลย รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลนี้มีทั้งหมด 10 คนคือ อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล) , เอแดร์สัน (แมนฯซิตี้), เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี) , ฮูโก้ โยริส (สเปอร์ส) , มานูเอล นอยเออร์ (บาเยิร์น มิวนิค) , ซาเมียร์ ฮานดาโนวิช (อินเตอร์ มิลาน) , แยน โอบลัค (แอตเลติโก มาดริด) , อังเดร โอนานา (อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม) , วอจเซียค เชสนี่ (ยูเวนตุส) และมาร์ค-อันเดร แตร์ สเตเก้น (บาร์เซโลน่า)
ขอฟันธงเลยละกันนะครับว่า อลิสซอน เบ็คเกอร์ จากลิเวอร์พูลและทีมชาติบราซิล จะได้รางวัลนี้ไปครอง ด้วยผลงาน 21 คลีนชีตในลีก และเสีย 1 ประตูจาก 6 นัดในโกปา อเมริกา ที่บราซิลได้แชมป์ไปครองในบ้านตนเอง
ส่วนรางวัล Kopa Trophy มีรายชื่อผู้เข้าชิงทั้งหมด 10 คนเช่นกัน เริ่มจาก จาดอน ชานโซ่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) , มอยเซ่ คีน (เอฟเวอร์ตัน) , มัตเตโอ เกนดูซี่ (อาร์เซน่อล) , มัตไตจ์ส เดอ ลิกต์ (ยูเวนตุส) , วินิซิอุส จูเนียร์ (รีล มาดริด) , อังเดร ลูนิน (บายาโดลิด) , ไค ฮาเวิร์ตซ์ (ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น) , เจา เฟลิกซ์ (แอตเลติโก มาดริด) , ซามูเอล ชุควูเซ่ (บียาร์เรอัล) และ ลี คัง-อิน (บาเลนเซีย)
รางวัลนี้แอดมิน 2 จิต 2 ใจมากว่าจะเลือกใครระหว่าง จาดอน ชานโซ่ กับมัตไตจ์ส เดอ ลิกต์
ชานโซ่ โชว์ฟอร์มได้ดีกับดอร์ทมุนดและเป็นกำลังสำคัญให้กับดอร์ทมุนด์ ส่วน เดอ ลิกต์ ฤดูกาลที่แล้วเล่นให้กับอาแจ็กซ์ พาทีมคว้าแชมป์ลีกและช่วงให้เนเธอร์แลนด์คว้ารองแชมป์ยูฟ่าเนชั่นส์ลีก เอาเป็นว่าขอเลือก เดอ ลิกต์ ละกันครับ
สรุป 3 รางวัลของ France Football แอดมินขอทายว่า
Ballon d’Or : เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค (ลิเวอร์พูล/เนเธอร์แลนด์)
Yashin Award : อลิสซอน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูล/บราซิล)
Kopa Trophy : มัตไตจ์ส เดอ ลิกต์ (ยูเวนตุส/อาแจ็กซ์/เนเธอร์แลนด์)
ใครมีความคิดเห็นอย่างไร คิดว่าใครจะได้ ลองคอมเม้นต์มาคุยกันครับ
แล้ว 2 ธันวาคม มาดูกัน ... จะหน้าแตกหรือเปล่า ...
#บัลลงดอร์
Cr.ภาพ : sky.com
Cr.เนื้อหา : bbc.com , whoscored.com , wigipedia.org
………………………………………………………………………………………………..
นอกจากแอพพลิเคชั่น Blockdit แล้ว สามารถติดตามเพจบ่นบ้าภาษาบอลได้จากเพจทาง Facebook อีกช่องทางหนึ่ง https://www.facebook.com/bonbapasaball/
และหากท่านใดเห็นว่าบทความยาวเกินไป ไม่มีเวลาอ่านสามารถติดตามฟังได้ที่ “บ่น บ้า ภาษาบอล podcast” ทางแอพพลิเคชั่น Anchor , Spotify , Apple Podcasts , Google Podcasts , Breaker , Pocket Casts และ RadioPublic ขอบคุณครับ
โฆษณา