25 ต.ค. 2019 เวลา 03:23 • ปรัชญา
บทที่15. ความภูมิใจที่ได้เป็นลูกหนี้ กยศ.
ในปีพ.ศ.2548 ผมเรียนจบมัธยมปลายและสอบผ่านได้โควต้าเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ผมดีใจอย่างมากที่สอบติด แต่การเรียนระดับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพนั้นมันไม่ได้ง่ายสำหรับครอบครัวลูกชาวนาที่มีแม่เป็นเสาหลักของบ้านเพียงคนเดียว มันไม่ใช่เรื่องของการเรียนหรอกที่ยาก แต่มันคือเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของผมต่างหาก..
ก่อนเปิดภาคเรียน.สิ่งแรกที่ต้องคิด คือค่าเทอม ค่าชุด ค่าหนังสือ ค่าเช่าห้อง ภาระหนักนี้ตกอยู่กับแม่ของผมเป็นคนแรก..แม่แก้ปัญหานี้ด้วยการขอกู้เงินธกส.โดยแจ้งเหตุเหตุผลโกหกว่าจะนำเงินมาซื้อวัวและขุดบ่อเก็บน้ำเพื่อทำนา รวมเป็นเงินประมาณหกหมื่นบาท
เมื่อผมรู้เรื่องแม่กู้เงิน ผมก็ถามแม่ว่าจะไหวมั๊ย? แต่แม่ก็หันมาบอกผมว่า"ไม่เป็นไร แม่ส่งเรียนจนจบได้แน่"
ยิ่งฟังก็ยิ่งสะท้อนในใจ แค่ทอมแรกแม่ต้องกู้หกหมื่น แลัวสี่ปีรวมแปดเทอมจะเป็นหนี้สักเท่าไหร่?
เมื่อเริ่มเรียนเทอมแรก ผมก็เริ่มเห็นหนทางแก้ปัญหา เมื่อได้รับข่าวว่ารัฐบาลมีทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือที่เรียกกันชินหูว่า "กยศ." ผมทำเรื่องขอกู้และได้รับอนุมัติในที่สุด เพราะรายได้ครอบครัวอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
หลังจากเรียนมาสี่ปี ผมก็จบการศึกษาสมกับที่แม่หวังไว้ ได้ทั้งใบปริญญาและมีแถมสัญญากู้ยืมเงินกยศ.อีกจำนวน 170,000 บาท
เมื่อมองใบปริญญาก็ภูมิใจที่สามารถเรียนจนจบ แต่พอเห็นสัญญากู้ยืมเงินกยศ. ผมภูมิใจยิ่งกว่า.... คือภูมิใจที่มันทำให้แม่ผมไม่ต้องเป็นหนี้ธกส.เพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาระหนักหนาของแม่หมดไปตลอดระยะเวลาสี่ปี
ด้วยความเป็นแม่และความคิดที่จะรับผิดชอบต่อค่าเล่าเรียนของลูก.แม่บอกผมว่า"แม่จะใช้หนี้ก้อนนี้เองมันเป็นหน้าที่ของแม่".ส่วนตัวผมได้ภูมิใจกับหนี้ก้อนนี้ไปแล้ว.ผมเลยบอกแม่ไปว่า "แม่ครับ หนี้กยศ.มันเป็นชื่อของผม..ผมจะใช้มันเอง"
เรื่องราวดีๆของแม่ที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้เรียนสูงๆ มีการศึกษาดีๆ เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งที่พ่อแม่ทำเพื่อลูก ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ท่านทุ่มเททำเพื่อเรา
ไว้ค่อยบอกเล่าแบ่งปันกันในวันหลัง แล้วเราที่เป็นลูกล่ะ คิดอย่างไร?
"เมื่อพ่อแม่ทุ่มเทแล้ว ลูกๆก็ควรจะทดแทนท่านมั๊ย?"
ขอบคุณแม่ที่ทุ่มเทให้ผมได้มีโอกาสเรียนสูงๆ
ขอบคุณ กยศ.ที่ทำให้ผมเรียนจบ...ขอบคุณครับ..

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา