25 ต.ค. 2019 เวลา 00:13 • ธุรกิจ
วางมันลงซะ
วิไลซื้อกระเป๋าถือใบหนึ่ง
จากห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง
ในรายการลด 50 เปอร์เซ็นต์
1
เมื่อเดินผ่านอีกห้างหนึ่ง
เห็นกระเป๋าอย่างเดียวกันวางขายอยู่
ก็ลองเปรียบเทียบราคาดู
แล้วพบว่าห้างแห่งที่สอง
ขายกระเป๋าแบบเดียวกัน
ถูกกว่าห้างแรก 250 บาท
ทั้งนี้ เพราะห้างแรกใช้ลูกเล่น
ตั้งราคาสูงกว่าปกติ
แล้วลดราคาลงมาเท่าเดิม
เธอโกรธตัวเองด่าตัวเองว่าโง่เง่าจนถูกเขาหลอก
ทำไมเลินเล่ออย่างนี้ ทำไมไม่ตรวจสอบราคาหลายๆ ห้างก่อน ทำไมไม่ถามเพื่อน ฯลฯ
ขณะกลับบ้านก็โมโหไปตลอดทาง
ถึงบ้านแล้วก็ยังกลุ้มใจ ลูกมาหาก็ไม่อยากคุยด้วย
เวลาอาหารเย็นก็กินไม่อร่อย คิดถึงแต่เรื่องนี้
เวลานอนก็ไม่หลับ
เพราะยังโมโหตัวเองไม่หาย กลุ้มใจไปหลายวัน
นี่เรียกว่า "เสียสองเด้ง"
เด้งแรก คือ เสียทางวัตถุ
เด้งที่สอง คือ เสียทางจิตใจ
วิไลเลิกซื้อสินค้าจากห้างแห่งนั้น
ผ่านไปหนึ่งปี สองปี วิไลก็ยังโกรธตัวเอง
และห้างไม่หายในเหตุการณ์นั้น
ทุกครั้งที่โกรธ เธอก็มีอาการหัวใจเต้นแรง นอนไม่หลับมันเพิ่มจากเสียสองเด้ง
เป็นเสียสามเด้ง สี่เด้ง
ผ่านไปสิบปี เธอยังโกรธเรื่องนี้อยู่
คราวนี้จาก 3-4 เด้ง กลายเป็น 10-20 เด้ง
กลายเป็นทุกข์ทบต้น เป็นดอกเบี้ยอารมณ์ที่ทบซ้ำไม่หยุดหย่อน
ตราบที่ยังไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ได้
รวมพลังงานที่เสียไป เวลาที่หายไป
กับการครุ่นคิดเรื่องนี้สารพิษที่ร่างกายหลั่งออกมาตอนกลัดกลุ้ม
ความเสื่อมของหัวใจที่เกิดจากความโกรธ
คำนวณออกมาแล้ว จะพบว่า
ค่าเสียหายของงานนี้มากกว่า 250 บาท
สุดาทะเลาะกับสามี
สามีด่าเธอด้วยถ้อยคำรุนแรง
วันรุ่งขึ้นสามีขอโทษเธอ
บอกว่าเมื่อคืนนี้ใช้คำพูดหยาบคาย
เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เธอยกโทษให้เขา
แต่ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ในใจเธอยังรู้สึกน้อยใจและโกรธ และงอนเขาไปหลายวันโดยที่เขาไม่รู้
ผ่านไปสิบปีความน้อยใจยังไม่จางหาย
ผ่านไปยี่สิบปี ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นี้
เธอก็สัมผัสความโกรธและน้อยใจ
ที่ปะทุวูบขึ้นมานี่ก็คือทุกข์ทบต้น
เป็นดอกเบี้ยอารมณ์ที่ทบซ้อนไม่หยุดหย่อน
ตราบที่ยังไม่สามารถปล่อยวางตะกอนในใจได้
สมยศกับเพื่อนลงทุนในธุรกิจหนึ่ง
กิจการของทั้งสองไม่เคยได้รับกำไร
ผ่านไปสองปีสมยศเพิ่งพบว่า
เพื่อนโกงเงินกำไรทั้งหมด
ทั้งสองเลิกกิจการที่ทำด้วยกัน
แต่สมยศไม่เคยลืมความเจ็บช้ำครั้งนี้
ผ่านไปสิบปี เขาประสบความสำเร็จ
ในธุรกิจของเขาเองแล้ว ความโกรธแค้นนั้นยังคงอยู่
มันทำให้เขาไม่มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงมัน
ทุกข์ทบต้น!
ความทรงจำของมนุษย์มีความแปลกอย่างหนึ่ง คือ
มันจดจำเรื่องไม่ดีได้ลึกกว่านานกว่า เรื่องดีๆ
เรามักจดจำเรื่องที่คนอื่นทำแย่ๆ ต่อเราได้
ไม่ว่าผ่านมากี่สิบปีแล้วเราจำเรื่องที่เราพูดหน้าชั้นเรียน
แล้วถูกเพื่อนหัวเราะเยาะได้ เราจำเรื่องที่ใครบางคน
นินทาเราลับหลังและเราบังเอิญได้ยินได้
คนแก่บางคนเริ่มมีอาการขี้ลืม
แต่กลับจำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ดีต่อเขาเมื่อห้าสิบปีก่อน
แล้วความโกรธก็ปะทุขึ้นมา
เหมือนว่าเหตุการณ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้น
เมื่อครู่นี้เอง หัวใจเต้นแรง เหงื่อออก
และคืนนั้นก็นอนไม่หลับ
เป็นดอกเบี้ยทบต้นที่แพงเหลือเกิน
ทุกข์ทบต้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวัน
เกิดขึ้นกับแทบทุกคน แต่คนฉลาดเลือกจบมัน
ตั้งแต่เกิดความเสียหายแรก
คนเขลาต่อเติมความเสียหายแรก
เป็นความเสียหายใหม่ที่มักใหญ่กว่าเดิม
การจบมันก่อนคือการยอมปล่อยมันลง ไม่แบกมันไว้
วางมันลง
มันเข้าใจไม่ยากอย่างที่คิดลองใช้หลักบัญชีง่ายๆ
แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสองช่อง
ช่องซ้ายคือกำไร ช่องขวาคือขาดทุน
กำไรคือความสุข ความสบายใจ การได้เงินเพิ่ม
ขาดทุนคือความทุกข์ ความไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ ค่าเสียเวลาไปหาหมอ
ค่าบิลโรงพยาบาลค่าเสียโอกาสในการทำ
เรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ
ค่าเสียโอกาสในการเล่นกับลูก
ไม่ได้หัวเราะ ไม่ได้ยิ้ม ฯลฯ
แล้วคูณจำนวนวันเดือนปีที่อารมณ์บูดเข้าไป
เด็กประถมก็รู้ว่า ควรเลือกทางไหน
แต่คนไม่ยอมใคร เลือกที่จะไม่รู้
กูไม่ยอมโว้ย
เสียรู้ห้างไป 250 บาท ไม่ตายก็หาใหม่ได้
เพื่อนโกงเงินไม่ตายก็หาใหม่ได้
อย่าแบกมันไว้นานเป็นปีๆ
เพราะค่าแบกแพงกว่าค่าเสียหายในตัวเงิน
ทะเลาะกับสามีเป็นเรื่องปกติธรรมดา
มีใครบ้างที่ไม่ทะเลาะกับสามี
เสียเงินไปแล้ว ทำไมต้องเสียอารมณ์เพิ่ม
ทุกข์เรื่องหนึ่งแล้วทำไมต้องทุกข์เพิ่มอีกเรื่อง
ค่าใช้จ่ายในการไม่ยอมคนอื่นนี้
มักแพงกว่าการยอมๆ เขาบ้าง
แล้วยุติความเสียหายแรกเพียงแค่นั้น
อย่าให้มันลามมาถึงใจจนกลายเป็นมะเร็ง
ที่เกาะกินทั้งชีวิต
คำโบราณที่ว่า ยิ่งให้ยิ่งได้ก็ตรงกับเรื่องนี้
ยอมให้เขาไป ได้ความสงบทางจิตคืนมา
คราวนี้ลองใช้หลักการ ‘หลายเด้ง’ ในอีกด้านหนึ่งของตาชั่งอารมณ์ อาจได้ผลต่างกัน
ซื้อขนมมากินรสชาติอร่อยเหลือเกิน
ก็แบ่งให้เพื่อนชิมจากสุขคนเดียวก็กลายเป็นสุขสองคน
หรือสุขสองเด้ง
อ่านขำขันแล้วขำมาก เล่าให้เพื่อนสองคนฟัง
ก็กลายเป็นสุขสามเด้งได้ยินธรรมที่ดีมาก
เล่าให้เพื่อนสามคนฟัง
แล้วนำไปปฏิบัติ กลายเป็นสุขสี่เด้ง
ลองคิดดูว่า
หากเราสามารถทำเรื่องดี ๆ ให้คนนับพัน
นับหมื่นนับล้านคน มันก็กลายเป็นสุขพันเด้ง
สุขหมื่นเด้ง สุขล้านเด้ง
และหากเราระลึกถึงความสุขชนิดนี้
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องดีๆ ที่เคยได้ยินได้ฟัง
หัวใจเราจะอาบซ่านด้วยความปีติ
มันก็กลายเป็นสุขทบต้น
แล้วมีอะไรในโลกที่ดีไปกว่าสุขทบต้น
จากหนังสือ ยาเม็ดสีแดง
โดย #วินทร์เลียววาริณ
โฆษณา