25 ต.ค. 2019 เวลา 09:25 • ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์จากหน้าไพ่ the fool (การตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์1)
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของจอกไวน์ ในอาหารมื้อสุดท้ายของพระเยซู ซึ่งในตำราไพ่ยิปซีหลายๆเล่มมักจะกล่าวถึง ไพ่The Fool บ่อยๆว่าเป็น การออกค้นหา จอกศักดิ์สิทธิ์กัน
ดังนั้นกระติ๊บน้อยจึงได้ไปสรรหาเรื่องราวของการตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ มาให้อ่านกันนะคะเพราะว่าเรื่องของจอกใบนี้กล่าวได้ว่าเป็นประวัติที่น่าสนใจอย่างมากเลยค่ะ คิดว่าท่านใดที่ชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์คงสนใจเช่นเดียวกันค่ะ
อย่างในหนังเรื่องอินเดียน่าโจนส์ถ้าใครเคยชม ก็จะเห็นว่ามีเรื่องเกี่ยวกับการออกตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์นี้เช่นกันนะคะ
จอกที่ว่านี้ก็คือ จอกไวน์ในอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่พระเยซูจะถูกตรึงไม้กางเขนนั่นเองค่ะ ซึ่งจอกนี้ ได้ที่มีการออกค้นคว้าตามหา หลังจากที่พระองค์ถูกตรึง เรื่อยมาหลายศตวรรษทีเดียว
ภาพจาก https://www.historyrevealed.com/eras/medieval/the-quest-for-the-holy-grail/
ตำนานเก่าแก่นั้นเขียนไว้ว่า หลังจากที่พระองค์สิ้นพระชนม์แล้วก็มี เศรษฐีคนหนึ่งจากบ้านอาริมาเธียชื่อว่าโยเซฟ เป็นศิษย์ของพระเยซูได้เข้าไปหาปิลาต ขอพระศพของพระองค์ไปประดิษฐานไว้ในอุโมงใหม่ของตน ซึ่งสกัดเข้าไปในหินก้อนใหญ่
แล้วโยเซฟก็ได้นำจอกและจานที่ใช้ในการรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายหนีเล็ดลอดออกจากดินแดนยิว มุ่งหน้าสู่อังกฤษ(โหหนีไปได้ไกลทีเดียวนะคะ) เขาได้นำไปซ่อนไว้ในปราสาทลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งแรกๆโยเซฟกับญาติๆผลัดกันเฝ้ารักษา ต่อมาก็ตกอยู่ภายใต้การดูแลรักษาของลูกหลานสืบทอดกันมา
จนกระทั่งถึงศตวรรษที่๖ สมัยของคิง อาเธอร์ ซึ่งเป็นยุคของอัศวินโต๊ะกลม จอกกับจานเกิดหายไปอย่างไร้ร่อยรอย เมื่อพระเจ้าอาเธอร์ทรงทราบ ก็ทรงรับสั่งให้ทหารทั้งกองทัพออกตามหาแต่ก็ไร้วี่แวว
จนกระทั่ง อัศวินทั้ง๔ ได้แก่ เซอร์ลานซ์ล็อต, เซอร์บอร์ส , เซอร์เปอร์ซิวัล และเซอร์กาลาแฮด ก็ได้ค้นพบจอกศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุด
และอัศวินทั้งสี่คนก็อาจจะลงมติกันว่า มอบหมายให้เซอร์กาลาแฮดนำจอกนี้ไปเก็บรักษาไว้ที่เมืองซาร์รัส แล้วตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองเมืองนี้ แต่ครองราชย์ได้เพียงปีเดียวก็สวรรคตแล้วจอกไวน์เลยหายไปอีก แป่ว!
เรื่องข้างต้นนี้เป็นตำนานของอังกฤษในยุคอัศวินโต๊ะกลม ซึ่งจริงบ้าง เท็จบ้าง แต่โดยทั่วๆไปแล้วก็มักจะมีเค้าความจริงแฝงอยู่บ้างไม่มากก็น้อยล่ะค่ะ
นอกเรื่องนิดนึงค่ะ ใครเคยอ่านเรื่องอัศวินแทมปร้าบ้างค่ะ ?
ซึ่งก็มาจากประวัติศาสตร์ช่วงนี้ล่ะ อัศวินเหล่านี้มีหน้าที่รักษาจอกนี้นั่นเอง
ภาพจาก https://www.ancient-origins.net/news-general/british-police-join-search-legendary-holy-grail-001981
ต่อมาเหล่าผู้ที่ค้นคว้า หรือนักเชี่ยวชาญเรื่องจอกศักดิ์สิทธิ์นี้ ก็มีการแตกความคิดออกมาเป็นสามความคิดเห็น
พวกแรกเชื่อว่าเป็นเรื่องของพวกเซลท์ที่ตั้งถิ่นฐานเดิมในอังกฤษ
พวกที่สองเชื่อว่าโยเซฟแห่งอาริมาเธียพาครอบครัวเดินทางมาอังกฤษจริงเพราะว่ามีหลักฐานหลายชิ้นบ่งบอกไว้
พวกที่สาม มีมาดามบลาวัทสกี เป็นต้นคิด เชื่อว่าเรื่องจอกพระเยซูเป็นเพียงความเชื่อของลัทธิหนึ่งเกี่ยวกับไสยดำ (ไปโน่นเลย)
ตำนานเก่าแก่ของอังกฤษอีกตำนานระบุว่า จอกของพระเยซูมีผู้ลักลอบนำไปเก็บไว้ในหุบเขาอวาลอนในกลาสตันเบอรี จึงมีการออกค้นหาครั้งใหญ่แต่ไม่พบ(อีกแล้ว)
ต่อมามีการสร้างวิหารใหญ่ครอบไว้ ณ จุดๆหนึ่งซึ่งชาวคริสต์บางนิกายเชื่อว่าเป็นอาคารเก่าของโยเซฟแห่งอาริมาเธียและถ้วยไวน์คงถูกฝังอยู่ใต้ดินด้วย
สมัยต่อมามีการค้นพบจอกในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป โดยเริ่มจากการค้นพบภาพเขียนของนักเขียนลึกลับคนหนึ่ง ตามด้วยการขุดพบถ้วยขนาดสูง ๗ นิ้วครึ่ง ที่เมืองแอนตักยา เมื่อค.ศ. ๑๙๑๐ ซึ่งเมือนี้เป็นเมือเก่าแก่มากที่ตุรกี ในสมัยต้นศตวรรษผู้ที่เชื่อเรื่องจอกศักดิ์สิทธิ์นั้นรีบขานรับทันทีว่าใช่แน่นอน แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับเพราะว่า
หนึ่ง ผิวลวดลายบนผิวของจอกสลักเรื่องพระเยซูถูกจับและตรึง แล้วยังชุบเงิน จึงเป็นถ้วยที่ทำขึ้นหลังจากพระเยซูถูกตรึงไม้กางเขนแล้ว
สอง ได้ตรวจสอบหาอายุของถ้วยใบนี้แล้วพบว่ามีอายุประมาณศตวรรษที่๔ ก็ใกล้เคียงกับสมัยพระเยซูแต่จะนำมาสลักหาลวดลายในภายหลังหาได้ไม่
และที่สำคัญก็คือ จอกของพระเยซูนั้นทำด้วยอะไร?
เพราะว่าจอกไวน์ที่พบที่เมืองแอนตักยา ทำด้วยโลหะชุบเงิน , ภาพเขียนของดาวินชี่ วาดให้โบสถ์แซนตามาเรีย เป็นถ้วยแก้ว ส่วนตินโตเรตโต เขียนรูปจอกและจานเป็นโลหะทั้งหมด แต่บางภาพเขียนรูปจอกเป็นโลหะแต่ภาชนะอื่นเป็นแก้วทั้งหมด
เมื่อเกิดปัญหานี้จึงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากและสรุปออกมาว่าน่าจะเป็นโลหะมากกว่า เพราะว่าในสมัยที่พระองค์เสด็จสั่งสอนประชาชนไปตามที่ต่างๆ พระองค์ต้องพกจอกโลหะติดตัวไปด้วย เพื่อใช้ตักน้ำดื่มถ้าหากป็นแก้วคงจะแตกง่าย
เพราะคุณภาพแก้วโบราณจะเปราะแตกง่ายกว่าแก้วสมัยนี้ อีกอย่างสมัยพระเยซูก็นิยมใช้จอกโลหะกันมากเนื่องจากสะดวกในการติดตัวเวลาเดินทาง
ปัจจุบันมีอยู่ 3 สิ่งที่ผู้สนใจในศาสนาและประวัติศาสตร์กำลังค้นหากันอยู่ ได้แก่ผ้าห่อศพของพระเยซู จานใส่อาหารที่พระเยซูเสวยและจอกไวน์
ที่มา: ต่วยตูนพิเศษ ฉบับที่๓๓๖ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๖
โฆษณา