Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
29 ต.ค. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“ประวัติศาสตร์การสอดแนมและจารกรรมข้อมูล (The History of spy and espionage)” ตอนที่ 4 (ตอนจบ)
การหักหลัง
ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปีค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ก็ได้เกิดความขัดแย้งใหม่ระหว่างสหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกา
ทั้งสองชาตินี้มีระบอบการปกครองและเศรษฐกิจที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง สหภาพโซเวียตนั้นปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ส่วนสหรัฐอเมริกาปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ทั้งสองชาตินี้ต่างไม่วางใจกันและกัน และต่างก็เร่งกันสะสมอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องประเทศตน
สงครามนี้คือ “สงครามเย็น (Cold War)”
ในระหว่างสงครามเย็นนี้เอง สหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาต่างสร้างเครือข่ายสายลับเพื่อสอดแนมฝ่ายตรงข้าม
สหรัฐอเมริกาได้ตั้ง “สำนักข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Agency)” หรือ “ซีไอเอ (CIA)”
ซีไอเอนั้นทำหน้าที่กรองข่าวและข้อมูลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง รวมทั้งยังมีจุดมุ่งหมายในการทำลายคอมมิวนิสต์
CIA
ส่วนทางฝั่งสหภาพโซเวียตก็มี “คณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ (Committee of State Security)” หรือ “เคจีบี (KGB)”
KGB
เทคนิกของสายลับเคจีบีคือการแทรกซึม การหาสายลับของชาติศัตรูโดยการล้วงความลับ
สายลับพวกนี้จะถูกเรียกว่า “ตัวตุ่น (Mole)” เนื่องจากเป็นการเปรียบเทียบว่าพวกเขาจะทำการขุดทางเข้าไปยังองค์กรของศัตรูโดยไม่มีใครรู้เห็น
“อัลดริช เอมส์ (Aldrich Ames)” เจ้าหน้าที่ซีไอเอรู้ดีว่าเคจีบีนั้นจ่ายเงินให้เหล่าตัวตุ่น หรือสายลับเหล่านี้ด้วยเงินจำนวนมากขนาดไหน
1
อัลดริช เอมส์ (Aldrich Ames)
ในเวลานั้นเอมส์กำลังเป็นหนี้จำนวนมาก เขาจำเป็นต้องหาเงินมาใช้หนี้
เมษายน ค.ศ.1985 (พ.ศ.2528) เอมส์ได้เดินเข้าไปในสถานทูตโซเวียตในวอชิงตันดีซี พร้อมยื่นซองเอกสารที่มีรายชื่อของเจ้าหน้าที่เคจีบีสองนายที่แปรพักตร์ ทำงานให้ฝ่ายอเมริกา
เมื่อสหภาพโซเวียตได้รับข้อมูลที่มีค่านี้มา ก็ได้มอบซองเอกสารที่บรรจุเงินสด 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,500,000 บาท) ให้เอมส์ในทันที
เมื่อได้เงินมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ เอมส์ก็ทำต่อเนื่อง
ในระยะเวลาเก้าปี เอมส์ขายชื่อสายลับอเมริกันที่แทรกซึมอยู่ในโซเวียตอย่างน้อย 25 คน รวมทั้งรายละเอียดปฏิบัติการของซีไอเออีกกว่า 100 ปฏิบัติการ
เอมส์ยังได้หักหลังเพื่อน ทำให้เพื่อนของเขาถูกเคจีบีจับและฆ่าอีกด้วย
ตลอดเวลาที่เอมส์ทรยศ เขาทำเงินจากการขายข้อมูลให้เคจีบีไปกว่า 2.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 81 ล้านบาท)
เอมส์ได้ซื้อรถใหม่ ซื้อบ้านใหม่ เริ่มเที่ยวต่างประเทศที่หรูหราบ่อยๆ รวมทั้งใส่สูทราคาแพงมาทำงาน
แต่ในตอนนี้สายลับซีไอเอค่อยๆ หายไปทีละคน ซีไอเอจึงเริ่มสงสัยในตัวเอมส์ สงสัยว่าทำไมเขาถึงรวยขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
เอฟบีไอเริ่มจะสะกดรอยตามเอมส์ และคอยถ่ายรูปขณะที่เอมส์แอบไปประชุมลับกับเคจีบี
เอมส์ถูกจับได้ในค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) แต่เขาก็ได้สร้างความเสียหายให้หน่วยงานอย่างมากมายเกินจะประเมินมูลค่าความเสียหายได้
3
แต่เอมส์ไม่ใช่สายลับรายแรกที่หักหลังประเทศชาติตัวเอง แต่เอมส์นั้นหักหลังเพราะเงิน ในขณะที่สายลับคนอื่นๆ ไม่ได้หักหลังเพื่อเงินหรือผลประโยชน์
1
ได้มีนายพลโซเวียตที่หักหลังประเทศตัวเองและยอมเป็นสายลับให้สหรัฐอเมริกา เหตุผลก็คือเขาเชื่อว่าระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์จะทำให้ประเทศชาติย่อยยับ
อีกรายก็หักหลังโซเวียตเพราะเชื่อว่าโซเวียตจะนำพาประเทศเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์ จึงยอมเข้ากับฝ่ายอเมริกา
1
เช้าวันที่ 7 กันยายน ค.ศ.1978 (พ.ศ.2521) นักข่าวชาวบัลแกเรียชื่อ “จอร์กี้ มาร์คอฟ (Georgi Markov)” กำลังเดินไปยังป้ายรถเมล์ในลอนดอนเพื่อจะไปทำงาน
แต่ในขณะที่เขากำลังยืนรอรถเมล์อยู่นั้น มาร์คอฟก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแทงอยู่ที่ขาและรู้สึกเจ็บ
เขาหันไปมอง และเห็นชายคนหนึ่งถือร่มกำลังรีบเดินไปอีกทาง
1
เขาสงสัยว่าชายคนนั้นได้ใช้ร่มแทงเขา แต่เขาก็ไม่คิดอะไร
จอร์กี้ มาร์คอฟ (Georgi Markov)
สามวันต่อมา มาร์คอฟเสียชีวิต ชายคนที่แทงเขานั้นเป็นมือสังหารจากเคจีบี และเขาได้ใช้ร่มอาบยาพิษสังหารมาร์คอฟ เนื่องจากมาร์คอฟได้เคยพูดโจมตีคอมมิวนิสต์ทางวิทยุ
ร่มที่ใช้สังหารมาร์คอฟ
ร่มพิษนี้เป็นหนึ่งในอาวุธไม่กี่อย่างที่ใช้ในช่วงสงครามเย็น
อาวุธชนิดอื่นก็เช่น แว่นตาที่มองเห็นได้ในที่มืด กล้องถ่ายรูปที่สามารถตรวจจับความร้อนของร่างกายได้ รวมทั้งไมโครโฟนที่สามารถดักฟังได้ในระยะไกลกว่า 100 เมตร
1
สำหรับการสอดแนมในระยะไกล ก็ได้มีการออกแบบเครื่องบินที่ชื่อว่า “U-2”
U-2 สามารถบินตรงจากนิวยอร์กถึงมอสโควโดยบินเหนือพื้นดินกว่า 21 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน
เครื่องบินลำนี้สามารถสำรวจฐานของศัตรูแม้จะเป็นในที่กันดานแค่ไหนก็ตาม
2
U-2
การสอดแนม ชิงไหวชิงพริบระหว่างสองชาตินี้ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นมาเรื่อยๆ ตลอดสงครามเย็น และก็ต้องยอมรับว่าอุปกรณ์สายลับต่างๆ นั้นโด่งดังขึ้นมาได้จากภาพยนตร์สายลับเรื่องต่างๆ และเรื่องที่ดังที่สุดคงหนีไม่พ้นภาพยนตร์ชุด “James Bond 007”
James Bond
ปัจจุบัน การสอดแนมหรือล้วงความลับก็ยังคงมีอยู่ ทั้งในภาคเอกชนและรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการแฮ็คเข้าไปในคอมพิวเตอร์ของคู่แข่งทางการค้า จนถึงการค้นขยะของคู่แข่ง
การสืบข้อมูลทางการค้าของคู่แข่งก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่หรือระบบต่างๆ
และเชื่อว่าในอนาคต การสอดแนมจารกรรมข้อมูลก็ยังคงต้องมีต่อไปอีกแน่นอน
1
จบลงแล้วสำหรับซีรีย์ชุดนี้ ซีรีย์เรื่องต่อไป “ลอนดอน (London) เมืองหลวงแห่งสหราชอาณาจักร” น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบประเทศอังกฤษหรือเคยศึกษา อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษ เรื่องนี้มาพรุ่งนี้แน่นอน ฝากติดตามด้วยนะครับ
References:
https://www.cia.gov/about-cia/history-of-the-cia
https://www.history.com/topics/us-government/history-of-the-cia
https://www.history.com/topics/russia/kgb
https://www.thoughtco.com/history-of-the-kgb-4148458
https://www.britannica.com/biography/Aldrich-Ames
https://historyofspies.com/aldrich-ames/
https://aboutforensics.co.uk/georgi-markov/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Georgi_Markov
https://www.britannica.com/technology/U-2
27 บันทึก
128
17
13
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
“ประวัติศาสตร์การสอดแนมและจารกรรมข้อมูล (The History of spy and espionage)”
27
128
17
13
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย