31 ต.ค. 2019 เวลา 00:00 • บันเทิง
[ Tim Burton's Halloween 🎃 ]
ตายแล้วไปไหน?
ผมเชื่อว่า ใครๆ ก็อยากไปสวรรค์
ไม่ว่ามันจะมีอยู่จริงหรือเปล่า
แต่ถ้ายังไปไม่ได้ล่ะ?
นี่คือปัญหาของอดัมและบาร์บาร่า
คู่สามีภรรยาดวงกุด ที่บังเอิญชีวิตต้องจบลง
อย่างไม่คาดฝัน แถมยังไปไหนไม่ได้อีก
เป็นเวลานานถึง 125 ปี
สิ่งที่ทั้งคู่ต้องการ คือการรอคอยอย่างสงบ
ในบ้านแสนรักของตน
แต่เมื่อบ้านกลายเป็นสมบัติผลัดกันชม
ผู้ซื้อรายใหม่เข้ามาอยู่ และเริ่มจะปรับเปลี่ยน
บ้านหลังนี้ตามสไตล์ของตัวเอง
อดัมและบาร์บาร่าจึงตัดสินใจ
ใช้สกิลแบบผีๆ โดยไม่จำกัดวิธี
เพื่อหลอกหลอนให้ผู้ที่มาทีหลัง
ต้องหวาดกลัวจนล่าถอยไป
เรื่องราวที่ว่ามานี้ อาจจะชวนให้รู้สึกขนหัวลุก
แต่ถ้ามันถูกเล่าด้วยจินตนาการสุดล้ำลึก
ของชายผู้หนึ่งที่ชื่อ “ทิม เบอร์ตัน” ล่ะ?
พูดถึงชื่อนี้ปุ๊บ ผมเชื่อว่าคำแรกๆ
ที่โผล่ขึ้นมาในหัวของเพื่อนๆ คือ
“เพี้ยน”
“หลุดโลก”
“แหวกแนว”
“ดาร์ก”
“แฟนตาซี”
ใช่แล้วครับ ทั้งหมดนี้คือส่วนผสม
ของ “Beetlejuice” (บีเทิลจูส)
หรือชื่อในภาษาไทย ที่ไม่รู้ใครตั้งว่า “ผีขี้จุ๊ย”
บีเทิลจูส เป็นหนังที่จะเรียกว่า
น่ากลัวก็ไม่ใช่ ตลกก็ไม่เชิง
แต่ที่แน่ๆ คือมันสนุกครับ!
ความเพี้ยน แปลกแหวกแนว
ทั้งคอสตูม และซีจี กราฟิกต่างๆ
ที่ตั้งใจทำออกมาให้คล้ายหนังเกรดบี
ชวนให้มีทั้งคนรักและคนเกลียด
(คงไม่ต้องเดาว่าผมอยู่ในพวกไหน)
แม้แต่สาวน้อยผู้เป็นนางเอกของเรื่อง
นำแสดงโดยขวัญใจวัยรุ่นยุค 90s
'วิโนน่า ไรเดอร์' ในวัย 17 ปี
ก็ยังเป็นเด็กสาวที่ดูประหลาด
ท่าทางอมทุกข์ และแปลกแยกจากสังคม
แต่นั่นกลับทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงแถวหน้า
อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น...
'ไมเคิล คีตัน' ผู้รับบทบาทเป็น 'ผีขี้จุ๊ย'
ที่แถมยังขี้หลีอีกต่างหาก
ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นชายผู้ปกป้อง
นครก็อตแธม ใน “Batman (1989)”
และ “Batman Return (1992)”
ผู้กำกับก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ทิม เบอร์ตัน นั่นเอง
รวมไปถึงดาราที่เราคุ้นหน้ามาถึงปัจจุบัน
อย่าง อเล็กซ์ บอลวิน และ จีน่า เดวิส
แสดงเป็นคู่ผีสามีภรรยา
ต้นเหตุแห่งความวายป่วงของเรื่อง
ส่วนเรื่องจะเป็นยังไงนั้น
ผมขออนุญาตไม่เล่าต่อ
อยากจะให้เพื่อนๆ ลองหาชมดู
เพื่ออรรถรส และก่อนที่เพจ ‘ให้เพลงพาไป’
จะกลายเป็น ‘ให้หนังพาไป’ ซะก่อน
แน่นอนว่า หนังที่มีเอกลักษณ์ขนาดนี้
เพลงประกอบย่อมไม่ธรรมดา
เพราะเพลงที่ผมพูดถึงนี้ มีกลิ่นอายของ
แอฟโฟรแคริบเบียน! แถมเนื้อเพลงยังเกี่ยวกับ
คนงานเก็บกล้วยอีกต่างหาก
มันจะเข้ากันจริงเหรอ…
อยากรู้ พิสูจน์ได้ที่นี่ครับ 👇
เพลงที่ท่วงทำนองแสนจะติดหูนี้มีชื่อว่า
“Day-O” หรือ Banana Boat Song
ซึ่งแต่เดิมเป็นเพลงโฟล์คสไตล์จาไมกัน
กำเนิดขึ้นในช่วงที่ ‘กล้วย’ เป็นพืชเศรษฐกิจ
ที่นิยมส่งออกเป็นอย่างมากในจาไมก้า
Banana trade was vital to the Jamaican economy in the late 1800s and early 1900s. Source: (repeatingislands.com)
cr. foundSF
เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
ระหว่างที่ต้องแบกกล้วยลงเรือ
คนงานชาวจาไมกัน จึงร้องเพลงนี้รับส่งกัน
เวลาทำงานเพื่อสร้างความเพลิดเพลิน
บางทีก็ด้นสดตามอารมณ์
ถ้าเป็นบ้านเราคงประมาณ
เพลง เต้นกำรำเคียวกระมัง
Jamaica in the 1950s. Source: (picclick.com)
Day O, day O
Daylight come and me wan' go home
Day, me say day, me say day, me say day
Me say day, me say day O
Daylight come and me wan' go home
Work all night on a drink of rum
(Daylight come and me wan' go home)
Stack banana till the mornin' come
(Daylight come and me wan' go home)
Harry Belafonte
ขอลาทุกท่านด้วยเพลง “Day-O”
โดย Harry Belafonte แบบเต็มๆ ที่นี่ 👇
#ปลดปล่อยจินตนาการไปให้สุดในวันปล่อยผี
เพจ ‘ให้เพลงพาไป’ จะพาคุณเดินหน้า
ย้อนเวลาไปสู่ห้วงความทรงจำ
ผ่านเพลงประกอบชีวิต
ที่ยังก้องอยู่ในใจ…ทุกครั้งที่คิดถึง
ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กัน 💙
แล้วพบกันใหม่ในเพลงหน้าครับ 🎼
Reference:
โฆษณา