Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
God’s Army
•
ติดตาม
31 ต.ค. 2019 เวลา 04:48 • ประวัติศาสตร์
เปิด'เบื้องลึก'ยุทธการดับ16ศพ
การข่าวแม่นยำจัดทัพตลบหลัง 'เบื้องลึก'ยุทธการดับ16ศพ
1
ยุทธการสังหาร 16 ศพของทหารหน่วยกองร้อยปืนเล็กที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 (ฉก.32) บ้านยือลอ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ได้รับเสียงชื่นชมไปทั้งประเทศที่สามารถวางยุทธวิธีได้อย่างรอบคอบรัดกุมจนสามารถสยบกลุ่มคอมมานโดของฝ่ายตรงข้ามที่เคยก่อเหตุลอบสังหารครู ตลอดจนประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐจนล้มตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
1
"วัน ว. เวลา น." ของยุทธการนี้มีขึ้นราวตีหนึ่งของคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยคนร้ายแบ่งการทำงานเป็น 3 ทีม ทีมแรก เป็นชุดปฏิบัติการบุกเข้าโจมตีฐานที่มั่น จำนวน 30 คน ทีมที่สอง เป็นชุดสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจ จำนวน 20-30 คน ชุดที่สาม คือ ชุดโรยตะปูเรือใบ, ตัดต้นไม้, เผายางรถยนต์ เพื่อสกัดกั้นการติดตามของเจ้าหน้าที่ จำนวน 10-20 คน
ทั้งนี้ แผนบุกเข้าโจมตี ฉก.นราธิวาส 32 มีการประชุมล่วงหน้ามานานนับเดือน ทั้งยังศึกษาทางหนีทีไล่ไว้เป็นอย่างดี โดยใช้เส้นทาง "เทือกเขาบูโด" ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร และมีการเตรียมของไว้ในเป้ เช่น มาม่า, กาแฟ, ไฟฉาย, มีดพก, เสื้อผ้า ฯลฯ ไว้มากถึง 3-5 วัน...มากพอที่จะดำรงชีพในป่า หรือหลบหนีข้ามชายแดนไปได้
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงในพื้นที่สืบทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้มานาน และแม้แต่เหตุ "คาร์บอมบ์" ที่ทำให้ทหารเสียชีวิต 5 นายที่ ต.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ก็ทราบข่าวมาก่อน แต่ได้ข่าวมาว่า กลุ่มโจรจะมาก่อเหตุในเขตเมือง ทำให้เจ้าหน้าที่ทุ่มกำลังไปป้องกันเขตเมืองจนเกิดช่องโหว่ให้กลุ่มโจรฉวยโอกาสลงมือกับทหารที่ปฏิบัติการในพื้นที่รอบนอกแทน
นอกจากนี้ ยังปรากฏ "ใบเสร็จ" ชิ้นสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจยิ่งขึ้นว่า เป้าหมายการลงมืออยู่ที่ ฉก.นราธิวาส 32 ก็คือ เหตุวิสามัญฆาตกรรม นายสุไฮดี ตะเห อายุ 31 ปี ชาว อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส หัวหน้าชุดปฏิบัติการก่อความไม่สงบในพื้นที่ อ.บาเจาะ ซึ่งมีหมายจับยาวเป็นหางว่าว หนึ่งในนั้น คือ คดีสังหาร นายชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง อ.บาเจาะ เสียชีวิต
1
ผลจากการวิสามัญฯ ทำให้เจ้าหน้าที่พบ "แผนผัง" ฐาน ฉก.นราธิวาส 32 อยู่ในร่างผู้ตาย พร้อมสัญลักษณ์การมาร์คจุดโจมตีอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่จึงปรับแผนตอบโต้ด้วยการ "ซ้อนแผน" โดยลวงให้เข้าใจว่า มีการสับเปลี่ยนกำลังพลชุดใหม่ที่ไม่ชำนาญพื้นที่เข้าไปแทน
แต่ชุดที่สับเปลี่ยนเข้าไปแทน คือ "หน่วยรบพิเศษ" หรือหน่วยซีล (SEAL) กองทัพเรือ พร้อมอาวุธครบมือ โดยเฉพาะปืนเล็กยาว คล้ายที่พลซุ่มยิง หรือ "สไนเปอร์" ใช้ และกล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน หรือ "ไนท์วิชั่น" ซึ่งช่วยให้การตรวจจับเป้าหมายทำได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ รอบฐานยังมีการวางกลไกยุทธวิธีในการรบไว้ประมาณ 40-50 จุด เพื่อป้องกันเหตุ และการส่งสัญญาณการเตือนภัยก่อนถึงตัว
สำหรับฉากการปะทะนั้นเกิดขึ้น 2 ระลอกนานเกือบ 1 ชั่วโมง ระลอกแรก ปะทะกันประมาณ 15 นาที แต่คนร้ายได้หยุดยิง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตายใจว่า หลบหนีไปหมดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีใครออกจากจุดที่ตั้ง ทำให้คนร้ายบุกยิงอีกครั้งใน ระลอกที่ 2 ซึ่งใช้เวลานานกว่าครั้งแรกเล็กน้อย
เมื่อเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์พื้นที่ พบศพคนร้ายส่วนใหญ่สวมชุดเกราะป้องกันไว้ที่ลำตัว ขณะที่ผู้บาดเจ็บที่หลบหนีไปได้ส่วนใหญ่ถูกยิงเข้าส่วนอื่นของร่างกาย โดยคนร้าย 14 คนถูกยิงเสียชีวิตขณะบุกเข้ามาในค่าย ส่วนอีก 2 คนถูกเจ้าหน้าที่ติดตามออกมาปฏิบัติการนอกค่าย
แหล่งความมั่นคงในพื้นที่อีกรายเผยว่า หน่วยข่าวได้ประเมินสถานการณ์ตลอด หลังจากที่พบเบาะแสความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม จึงได้วางแผนตลบหลัง หรือแผน "ปิดประตูตีแมว" ของทหารนาวิกโยธิน (นย.) ภาคใต้ทำให้กลุ่มโจรไม่สามารถตั้งตัว และตอบโต้เจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าแผนของ นย. ปรับยุทธวิธีได้เข้ากับสถานการณ์มาก
"กองทัพภาคที่ 4 มีการปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์ตลอด ทำให้ฝ่ายตรงข้ามย่ามใจ แม้ว่าจะมีการเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเจ้าหน้าที่รู้ทันจึงได้จัดเตรียมหน่วยแม่นปืน เพื่อเตรียมพร้อมไว้รับมือโดยเฉพาะ"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม แต่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ต้องเตรียมพร้อม เพื่อรับมือการ "แก้แค้น" เพราะยุทธการครั้งนี้ทำให้เขาของสูญเสียกำลังพลฝีมือดีไปหลายคน
โดยเฉพาะ นายมะรอโซ จันทราวดี แกนนำคนสำคัญใน จ.นราธิวาส ซึ่งจะทำให้พื้นที่แห่งนี้สงบสุข และกลายเป็น "พื้นที่สีเขียว" ไปในทันที แต่ฝ่ายตรงข้ามคงจะหยุดก่อเหตุไประยะหนึ่ง เพราะการสูญเสียในครั้งนี้ถือว่ามีความรุนแรงที่สุด หากนับเฉพาะเหตุปะทะกันซึ่งหน้าระหว่างกองกำลังต่อกองกำลัง
ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่วิเคราะห์ว่า เป้าหมายในการโจมตีฐานปฏิบัติการของทหารเป็นปฏิบัติการเชิงจิตวิทยาเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ และหากทำสำเร็จก็เท่ากับว่า ประชาชนในพื้นที่จะอยู่ภายใต้การควบคุมเบ็ดเสร็จ เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องการแสดงให้เห็นว่า แม้แต่ค่ายทหารก็ไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยของตัวเองไว้ได้
อย่างไรก็ตาม ผลกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับความร่วมมือที่ดีในการแจ้งข่าวจากประชาชนจนสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ตกเป็นรองมาเป็นการตั้งรับ และตอบโต้กลับได้สำเร็จ ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิบัติงานของหน่วยนาวิกโยธินในพื้นที่ที่สามารถเข้าถึงมวลชนได้จนนำมาสู่การแจ้งเบาะแส และตอบโต้กลุ่มคนร้ายได้อย่างทันท่วงที
ข้อมูลเพิ่มเติม :
https://www.thairath.co.th/content/326558
3 บันทึก
11
3
11
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย