Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ก็ไม่รู้สินะ
•
ติดตาม
31 ต.ค. 2019 เวลา 13:57 • การศึกษา
"ฮาโลวีน" คือ อะไร มีที่มาอย่างไร!?
ไหนๆ ก็วันฮาโลวีนแล้วเรามาทำความรู้จักวันฮาโลวีนกันดีกว่า ว่ามันมีที่มาอย่างไร
ประวัติวันฮาโลวีน 31 ตุลาคม วันฮาโลวีน
ความหมายฮาโลวีน
ในคริสต์ศาสนา นิกายคาทอลิก Halloween เป็นคำภาษาอังกฤษ เพี้ยนมาจากคำ All Hallows Eves ซึ่งแปลว่า วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย โดยวิธีตัดต่อ Hallow + Eve = Halloween คำว่า Hallow เป็นคำแองโกลแซกซัน แปลว่า ทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ตรงกับภาษาเยอรมันว่า heiligen ในปัจจุบันนิยมใช้คำมาจากภาษาละตินว่า sanctify คำว่า Hallow ยังมีใช้ในบทสวดอธิษฐานเก่า ๆ เช่น Hallowed be thy Name (ขอพระนามจงเป็นที่สักการะ)
คำว่า Hallow ยังแปลว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญ ดังนั้น All Hallowmas จึงแปลว่า วันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ในปัจจุบันใช้คำว่า All Saints Day คู่กับ Christmas ซึ่งแปลว่า วันสมโภชพระคริสต์หรือคริสต์มาสนั่นเอง
วันก่อนวันสมโภชคริสต์มาสมี Christmas Eve ที่นิยมเรียกว่า คืน (ก่อน) คริสต์มาส วันก่อนวันสมโภชนักบุญทั้งหลายก็มี All Hallowmas Eve ซึ่งต่อมาย่อเป็น Halloween โดยมีงานรื่นเริงและพิธีกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับคืนคริสต์มาส ชาวคาทอลิกพร้อมใจกันเลื่อนพิธีกรรมทางศาสนาไป หลังวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย และเรียกว่า วันวิญญาณในแดนชำระ (All Souls' Day) เพื่อให้คู่กับวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (All Saints' Day)
ประวัติ วันฮาโลวีน Halloween
วันฮาโลวีนมีจุดกำเนิดมาจากเทศกาลของชาวเซลติคโบราณ ซึ่งรู้จักในชื่อ Samhain มีที่มาจากชาวไอริชโบราณ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน ซึ่งชาวบริตอนโบราณก็มีประเพณีคล้ายกันนี้ เรียกว่า Calan Gaeaf เทศกาล Samhain นั้น มีขึ้นเพื่อฉลองจุดสิ้นสุดของช่วงสว่างแห่งปี และเข้าสู่ช่วงมืดของปี ทั้งยังถือกันว่าเป็นวันปีใหม่ของชาวเซลติคอีกด้วย
เทศกาลนี้ ชนบางกลุ่มก็ใช้ชื่อว่า เทศกาลแห่งความตาย (Festival of the dead) ชาว เซลท์ โบราณเชื่อว่าเป็นวันที่โลกนี้ และโลกหน้า โคจรมาอยู่ใกล้กันมากที่สุด ทำให้เหล่าวิญญาณ (ทั้งที่มีอันตรายและไม่มีอันตราย) สามารถผ่านเข้าออกได้อย่างอิสระ ซึ่งวิญญาณของบรรพบุรุษที่เคารพจะได้รับการต้อนรับกลับบ้าน ในขณะที่วิญญาณร้ายจะถูกขับไล่ โดยมีความเชื่อกันว่าการที่จะสามารถขับไล่วิญญาณร้ายได้นั้น สามารถทำได้ด้วยการสวมชุดและหน้ากากผี ซึ่งมีจุดประสงค์คือการแฝงตัวเป็นวิญญาณร้ายซะเอง เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย ในสก๊อตแลนด์ ผู้ชายวัยรุ่นจะแต่งตัวเลียนแบบผีด้วยการสวมชุดขาว สวมหน้ากาก สวมผ้าคลุมหน้า หรือทาหน้าเป็นสีดำ
เทศกาล Samhain ยังเป็นวันแห่งการตุนอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว และมีการเล่นรอบกองไฟในหลายพื้นที่ ไฟและแสงสว่างประเภทอื่นจะถูกดับลง และบ้านแต่ละหลังจะจุดไฟในเตาโดยใช้เชื้อไฟจากกองไฟ ส่วนกระดูกของสัตว์ที่ใช้เป็นอาหาร จะถูกโยนเข้าไปในเปลวเพลิงนี้ บางครั้ง กองไฟ 2 กองจะถูกจุดไว้ข้าง ๆ กัน แล้วผู้คนกับสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารจะเดินวนระหว่างสองกองไฟ ถือเป็นพิธีการชะล้าง
กิจกรรมในวันฮาโลวีน
การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา และยังมีในออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ด้วย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน ในประเทศทางตะวันตก เด็ก ๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง เรียกว่า การเล่น Trick or Treat (หลอกหรือเลี้ยง) คือการเดินเคาะประตูขอขนมตามบ้าน
เคล็ดอีกอย่างหนึ่งของเทศกาลฮาโลวีน นอกจากเคาะประตูขอขนมตามบ้านต่าง ๆ แล้ว ยังมีการนำแอปเปิล กับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงในอ่างน้ำ หากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยการใช้ปากคาบเหรียญขึ้นมา และใช้ส้อมจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียว ถือว่าผู้นั้นจะโชคดีตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง
ทางด้านสาวอังกฤษสมัยก่อนจะออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน พร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า "เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหว่านจงช่วยบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของข้าปรากฏตัวให้เห็น" หลังจากนั้นลองเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตนเองดู ก็จะได้เห็นนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน (นี่คือความเชื่อของสาว ๆ อังกฤษ)
การเล่น Trick or Treat
สำหรับประเพณี ทริก ออร์ ทรีต (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวัน "All Souls" พวกเขาจะเดินร้องขอ "ขนมสำหรับวิญญาณ" (soul Cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น
ประเพณีทริก ออร์ ทรีต ในสหรัฐอเมริกา คือ การละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็ก ๆ เฝ้ารอคอยในวันฮาโลวีน ตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทอง และตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) ในช่วงเดียวกันนั้น แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาว เหลือง ส้ม ในเม็ดเดียวกัน เรียกว่า Corn Candy และขนมอื่น ๆ ไว้เตรียมคอยท่า
ส่วนเด็ก ๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซี เป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) พร้อมกับถามว่า "Trick or Treat ?" เจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะตอบ Treat ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี (เด็ก) เหล่านั้น ราวกับว่า ช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ Trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ Treat เด็ก ๆ ด้วยขนมในที่สุด
ในสมัยโบราณมีการกล่าวขานกันว่าเด็ก ๆ ที่ไม่ได้ขนมจะแกล้งเจ้าของบ้าน เช่น ใส่ไข่ดิบในตู้จดหมายในคืนเทศกาลฮาโลวีน คนส่วนใหญ่จึงมีขนมและลูกกวาดเตรียมไว้เพื่อจะไม่ต้องโดนผี (เด็ก ๆ) แกล้ง
และที่ขาดไม่ได้สำหรับเทศกาลฮาโลวีนเลย คือ การประดับประดาแสงไฟ และการแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟ เจาะทำตา จมูก และปากที่แสยะยิ้ม เรียกว่า แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)
ตำนานแกะสลักฟักทอง แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)
ตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช กล่าวถึง แจ๊กจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ "ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก" แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ๊กตาย เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ เพราะเขามีความคิดไปในทางของความชั่วร้าย ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธที่จะลงนรก เพราะเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจไว้ ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อให้เขาใช้นำทางไปในทางที่มืดมิด และหนาวเย็น และแจ๊กได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอร์นิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น
ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอร์นิพ และใส่ไฟไว้ด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง "การหยุดยั้งความชั่ว" Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน
เป็นยังไงบ้างละฮะ กับวันฮาโลวีน
ถ้าชอบก็อย่าลืมกดนิ้วโป้งกดแชร์ให้ด้วยนะครับ
ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ข้อมูล :
https://hilight.kapook.com
https://pilaiwan126.wordpress.com
https://www.asearcher.com/blog/post/31-halloween
https://th.m.wikipedia.org/wiki
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย