Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The way it is...in America ที่เห็นและเป็นไป...ในอเมริกา
•
ติดตาม
1 พ.ย. 2019 เวลา 01:55 • ไลฟ์สไตล์
เรื่องสั้นชุด "ชีวิตต่างแดน" ตอน "ห้องสมุด...สุดช้ำ" โดย...ตุ๊กดุ๋ย เลิฟลี่...
Law Library คือห้องสมุดที่อยู่ในศูนย์ฯ และไม่ไกลจากห้องที่พวกเราอยู่มากนัก
เป็นห้องสมุดเล็กๆ มีโต๊ะขนาดใหญ่วางตรงกลางห้อง สำหรับให้อ่านหนังสือ
แล้วก็มีเก้าอี้วางไว้รอบโต๊ะใหญ่นั้น ประมาณ 10 ตัว
หนังสือส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือกฎหมายต่าง ๆ
ซึ่งมีไว้ให้ค้นคว้า เรียนรู้
โดยเฉพาะพวกที่ไม่ได้ว่าจ้างทนายความส่วนตัว
ที่ต้องเขียนบรรยายรายงานเอง เพื่อเป็นสำนวนคำร้องในการยื่นต่อศาล ในกรณีที่จะขอ Asylum Visa เพื่อที่จะอยู่ในประเทศอเมริกาต่อไป
ต้องหาเหตุผลเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อให้ศาลได้ทราบว่า ทำไมเราถึงไม่อยากกลับประเทศตนเอง กลับประเทศตนเองแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้น
จะอันตรายถึงแก่ชีวิตจากการเมืองภายในประเทศ จากการมีสงครามกลางเมือง รบรา ฆ่าฟันกัน
เต็มไปด้วยอาชญากรรม ไม่ปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สิน หากโดนส่งกลับประเทศ ก็เท่ากับส่งไปตาย อะไรประมาณนี้
และก็โยงไปเข้าข้อกฎหมายที่สามารถใช้เหตุผลเหล่านี้ประกอบได้ โดยมีหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้ หรือเป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณะ แก่ชาวโลก ฯลฯ
กรณีอย่างนี้ ผมเห็นหลายๆ คน มาอ่าน มาค้นคว้าอย่างจริงจังเพื่อใช้เป็นข้อมูล
อย่างในห้องเราก็มี ไอ้โซมาเลีย ไอ้คาเมรูนดีเดือด มาอ่านหนังสือ มาพิมพ์งาน
และจำได้ว่า ไอ้โซมาเลีย มันก็ต่อสู้ในลักษณะแบบนี้ คือ ขออยู่ในประเทศอเมริกาต่อไป โดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา
แล้วโซมาเลีย ถ้าเราพอจะติดตามข่าวต่างประเทศอยู่บ้าง ก็คงพอจะรู้ว่า มันไม่สงบ มีการต่อสู้กัน มีปัญหาทางด้านการเมืองภายในประเทศ มีอาชญากรรมมากมาย ใครเดินเรือทะเล่อทะล่าไปทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา คงจะได้ผจญภัยกับโจรสลัดโซมาเลียแน่ ๆ โชคดีก็รอด โชคไม่ดีก็กลายเป็นผีเฝ้าทะเลแถวนั้นแหละ !!
ไอ้คนนี้ มันต่อสู้มาร่วม 2 ปี โดยอาศัยอยู่ในศูนย์ฯนี้มาตลอด สุดท้าย...มันได้รับอนุมัติ Asylum Visa นั่นคือ วีซ่าผู้ลี้ภัย
อาจจะมีรายละเอียด หรือข้อกำหนดในวีซ่านี้มากมาย
แต่หลักๆ มันก็คือ อยู่ในประเทศอเมริกาได้แบบถูกกฎหมาย ทำงานได้ เสียภาษีให้รัฐเหมือนคนอเมริกันทั่วไป
แค่นี้...ก็พียงพอแล้ว สำหรับ Alien หรือ Immigrant !!!
ส่วนสมาชิกห้องอื่นที่มาใช้ห้องสมุด ผมสังเกตเห็นคนหนึ่งเป็นคนรัสเซีย มาทุกครั้งก็ต้องเห็นมันทุกครั้ง
มันก้มหน้าก้มตาอ่านกฎหมาย จดบันทึกทุกอย่างที่สำคัญ ไม่พูดไม่จากับใคร
แต่ผมก็ไม่รู้ข่าวมันหรอกว่า มันประสบผลสำเร็จหรือเปล่า
ผมเดาได้แค่ว่า มันขออยู่ต่อแบบ Asylum Visa นี่แหละ
แต่ถ้าจะอ้างความวุ่นวาย จลาจล และความไม่สงบของประเทศแบบโซมาเลียเนี่ย
เหตุผลอาจจะฟังไม่ขึ้น หรือมันจะหาแนวทางอื่นใดมาอ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ยังไง ก็ขอให้มันโชคดี
อยากจะบอกมันเหมือนกันว่า เขาไม่ให้อยู่ต่อ ก็กลับประเทศสิวะ !!
กูว่าประเทศมึงน่าอยู่พอสมควรทีเดียวนะ
หนาวๆดี กูชอบ กูเองยังอยากจะไปเลย
กูซื้อยีนส์ลีวายส์สะสมไว้อย่างเยอะเลยอ่ะ
เห็นว่าคนทางโน้นเขาชอบกัน จะได้แบ่งปันกันไป ไม่มีอะไรหรอก !!
การจะเข้ามาใช้ห้องสมุดแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้มีขั้นตอนยุ่งยากอะไร แค่ลงชื่อไว้ที่
จนท.DO
ประจำห้องในตอนเช้า หรือสายของวันนั้น
ตอนเย็นๆ ประมาณ 1 ทุ่ม หลังดินเนอร์เสร็จแล้ว ก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเรียกไป
ถ้ามีคนมาแจ้งความประสงค์จะใช้ห้องสมุดเยอะเกินจำนวนที่รับได้ เขาก็จะแบ่งให้เข้าใช้เป็นชุดๆ ละประมาณ 10 คน เพื่อไม่ให้แออัดเกินไป และแต่ละชุดก็ให้เวลา 1 ชั่วโมง เพื่อชุดอื่นจะได้ใช้บ้าง
ถ้ายังไม่หนำใจ ก็มาใหม่อีกพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไป
หรือจะมาทุกวัน ก็ไม่มีใครห้าม เอาที่มึงสบายใจเลย !!
อย่างที่บอกไปว่า ในศูนย์ฯแห่งนี้ มีเราชาวไทยอยู่ 3 คน คือต้าร์ แพท และผม
ต้าร์ และแพท เข้ามาอยู่ที่นี่ก่อนผม 2 อาทิตย์
ทั้ง 2 คนมาพร้อมกัน แต่ถูกจัดให้อยู่คนละห้อง
ผมมาทีหลัง แล้วบังเอิญเขาจัดให้อยู่ห้องเดียวกับแพท
เนื่องจากแพทและต้าร์มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ทำงานด้วยกัน
ก็เลยโทรบอกเพื่อนข้างนอกว่า ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งโทรมา (หมายถึงแพทหรือต้าร์)
ให้บอกไปเลยว่า ให้ไปลงชื่อเพื่อไปห้องสมุด และจะได้เจอกันที่ห้องสมุดเวลา 1 ทุ่ม
และเนื่องจากแพทและต้าร์ โทรหาเพื่อนคนกลางที่อยู่ข้างนอกคนนี้ทุกวันๆละ 2 เวลาเป็นอย่างน้อย
สุดท้าย จึงนัดหมายได้ในวันหนึ่ง และแพทกับต้าร์ก็ได้พบกันที่ห้องสมุด และจากนั้น ก็นัดหมายกันเองว่า จะมาเจอกันวันไหนอีก
เช่น เจอกันวันจันทร์ที่ห้องสมุด ก็นัดหมายกันอีกครั้งว่า เจอกันอีกทีวันพุธนะ อะไรอย่างนี้
ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะ คนที่อยู่ต่างห้องกัน ไม่สามารถมาเจอกันแบบปกติได้
เช่น อยากจะไปเจอเพื่อน แล้วไปขออนุญาต
จนท.DO
ว่า ฉันขอไปเจอเพื่อนชื่อนี้ ที่ห้องนั้น ได้มั๊ย? ซึ่งตามระเบียบแล้ว ไม่สามารถทำได้
จะโทรศัพท์ไปคุย ก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะถึงแม้จะมีโทรศัพท์ไว้บริการอยู่ในห้องตั้ง 7 เครื่อง แต่ก็เป็นโทรศัพท์สำหรับโทรออกไปหาบุคคลภายนอกศูนย์ฯเท่านั้น ไม่มีโทรศัพท์ที่ให้บริการสำหรับคนในศูนย์ฯคุยกัน
การนัดหมายผ่านบุคคลภายนอกที่รู้จักร่วมกัน
จึงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เราได้นัดพบกันได้
และสถานที่นัดพบ ก็ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า Law Library อีกแล้ว
“อืม...เป็นความคิดที่ดีเลยนะแพท ไปเจอกันที่ห้องสมุดนี่” ผมเอ่ยชมแพท
“อ๊ะ..ก็ใช่สิ หรือพี่จะนัดไปพบกันที่ Healthcare Services ล่ะ ยังกะเจ้าหน้าที่เขาจะปล่อยให้เราคุยกัน กลัวแต่เขาจะเอาเข็มมายัดตูดให้น่ะสิ !!”
ก็จริงของแพทมันนะ ที่นี่..ห้องสมุด เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงแล้ว
ผมไปห้องสมุดกับแพท 2 ครั้ง และได้เจอกับต้าร์ทุกครั้ง
มี
จนท.DO
ประมาณ 4-5 คนอยู่ที่นั่น เขาปล่อยให้เราใช้ห้องสมุดตามสบาย โดยไม่ได้เข้ามาอยู่ในห้องด้วย
เพียงแต่ยืนดูอยู่ห่างๆ นอกห้อง และมองผ่านกระจกใสเข้ามาเท่านั้น
เรา 3 คน ก็หยิบหนังสือมาคนละเล่ม ทำทีเป็นเปิดพลิกดูไปมา แต่ปากเรานั้น คุยกันไม่หยุด ถามไถ่กันเรื่องนั้น เรื่องนี้
ต้าร์ ดูผอมลงไปหน่อย เนื่องจากอาหารไม่ถูกปาก
แต่ก็สั่งซื้อมาม่า มากินทดแทน พอกล้อมแกล้มไปได้
“ผมกินมาม่าทุกวันเลยพี่ ตอน 2-3 ทุ่มน่ะมันหิว กินแล้วก็นอน”
ต้าร์เสริมว่า อยู่ที่ห้องเขาไม่ได้คุยกับใครมากนัก
กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน
ไม่เหมือนแพทกับผม ได้อยู่ห้องเดียวกัน ยังได้พูดคุยกัน
ผมฟังแล้วก็พอเข้าใจความรู้สึกนี้ได้
แม้จะมีเพื่อนมากมายในแต่ละห้อง แต่มันก็ไม่เหมือนกัน
พวกเขาไม่ใช่คนไทย มันไม่สนิทปาก มันไม่ได้พูดไทย
มันไม่ได้ถ่ายทอดความรู้สึกแบบไทยๆ ถึงกันและกัน ประมาณนี้แหละ
“เอาน่า...เดี๋ยวก็ได้ออกแล้วนี่ วันนัดศาลก็ได้แล้ว ทนายก็เตรียมพร้อมแล้ว ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวลหรอก” ผมพูดเพื่อให้ต้าร์ได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ครับพี่ ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
เรา 3 คน ตกลงกันว่า อีก 2 วันข้างหน้า มาเจอกันที่นี่อีกครั้ง
2 วันต่อมา
แพทกับผม ก็ไปลงชื่อไว้ที่เคาน์เตอร์ของ
จนท.DO
ประจำห้อง และตอนเย็น หลังดินเนอร์ผ่านไป
1 ทุ่มเศษๆ
จนท.DO
ประจำห้องแจ้งว่า ใครที่จะไป Law Library ให้เตรียมตัวได้เลย
แพทกับผม และเพื่อนคนอื่นอีก 3 คนในห้อง ไปรอที่ประตู
สักครู่หนึ่ง ก็มี
จนท.DO
แบบเดินสาย มาพาเราไปที่ห้องสมุด
วันนั้น นังผินผู้เลอโฉมก็เป็นหนึ่งในทีมที่ไปห้องสมุดด้วย
นัยว่า เพื่อไปเมียงมองหาหนุ่มๆ ที่ถูกใจซะหน่อย
แม้จะทำอะไรไม่ได้ แต่ขอให้ได้ฝัน ก็ยังดี !!
ในแถวของเรา ที่เดินไปห้องสมุดนั้น นังผินเป็นคนเดินนำหน้า ตามด้วยแพท ผม และเพื่อนตามหลังมาอีก 5-6 คนที่มาจากห้องอื่น
โดยมีต้าร์รวมอยู่ในนั้นด้วย
พอถึงห้องสมุด
จนท.DO
เดินสายก็จบหน้าที่ และเดินจากไป ปล่อยให้เป็น
จนท.DO
ประจำห้องสมุด รับภาระดูแลต่อ
ก่อนที่เขาจะเปิดประตูห้องให้ นังผินหันมาคุยบางอย่างกับแพท ซึ่งก็ไม่ได้เสียงดังอะไร
เพราะนังผินมันจีบปากจีบคอ บีบเสียงของมันอยู่แล้ว
จนท.DO
คนหนึ่ง ใน 4 คน ที่อยู่ตรงนั้น เดินเข้ามาทำหน้าตาถมึงทึง บูดเบี้ยวเหมือนโดนเมียตบมาจากบ้านแล้วยังไม่หายมึน ตีหน้ายักษ์ใส่เรา 3 คน ที่อยู่แถวหน้าสุด แล้วก็รัวใส่เป็นชุด
“พวกยูน่ะ มาห้องสมุด มีแต่มาคุยกันเสียงดัง ห้องสมุดเขามีไว้ให้ศึกษาค้นคว้า ให้อ่านหนังสือเพื่อความรู้ แต่พวกยูไม่รู้อะไรเลย เอาแต่คุยกันอย่างเดียว!!”
ขณะที่พูด
จนท.DO
คนนั้น ก็มองจ้องมาที่เรา 3 คนตลอด จนผมเองก็ตีความหมายไม่ถูกเหมือนกันว่า มันหมายถึงใคร นังผิน แพท หรือผม หรือมึงทั้ง 3 คนนั่นแหละ !!
แพทเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกับผม ว่าตกลงที่เจ้าหน้าที่พูดน่ะ มันหมายถึงใครกันแน่
จนอดรนทนไม่ได้ ก็เลยถามมันซะเลย
“ยูหมายถึงใคร?” แพทดูกล้ามาก ที่ถามแบบนี้
“ยูนั่นแหละ!!”
จนท.DO
คนนั้นตอบมา พร้อมหน้าตาเหมือนจะกินเลือดแพท
ผมได้ยินดังนั้น ก็สะดุ้งเหมือนกัน พอตั้งสติได้ ก็เลยดันหลังแพท และพูดเบาๆ ว่า
“แพท ไปเถอะ”
แล้วเราก็เดินผ่านประตูห้องสมุดเข้ามา พอประตูกระจกปิดเท่านั้นแหละ แพทเปิดฉากด่าไอ้เจ้าหน้าที่คนนั้นแบบโมโหสุดขีด
“ไอ้ห่าราก!! เสือกว่ากูคุย ใครมันก็คุยเหมือนกันทุกคนน่ะแหละ มาที่นี่จะไม่ให้คุยได้ยังไงวะ มันเจอเพื่อน มันก็ต้องคุยกันบ้าง มึงจะให้มานั่งเงียบหรือยังไง เชี่ยย..!! อีกอย่าง..กูก็ไม่ได้ไปคุยบนหัวพ่อมึงซะหน่อย !!”
“อืม..นั่นสิ...จริงๆ ใครๆ มันก็คุยกันทุกคนน่ะแหละ แต่เสือกมาว่าแต่เรา สงสัยแพทไปถามมันมั๊ง มันเลยนึกว่าอยากจะลองดี พวกเราก็เลยโดน ไอ้เปรตเอ๊ย !! สาสส !!”
ผมผสมโรงด่าเข้าไปอีกคน
“มันไม่ใช่พวกเราน่ะสิ มันว่าแต่ผม พี่ไมค์ไม่ได้ยินเหรอ?” แพทยังไม่หายโมโห
“ช่างมันเถอะน่าแพท มันอยากด่า ให้มันด่าไป
ช่างแม่งมัน มันถือว่ามันมีอำนาจที่นี่ เรามันก็แค่เอเลี่ยน ยังไงก็สู้มันไม่ได้วันยังค่ำแหละ ปล่อยมัน อย่าไปใส่ใจเลย”
“โมโห อารมณ์เสียเลย !!” แพทยังหงุดหงิด
ในขณะที่นังผินและต้าร์ ทำหน้าตาแปลกใจ ดูงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก็พูดเสริมเพียงว่า เจ้าหน้าที่เขาไม่น่าจะมาว่าเราแบบนั้น เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ควรพูดจาในลักษณะที่ให้เกียรติกันมากกว่านี้
ผมนึกในใจว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ถ้ามันทำให้เรารู้สึกว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อเราไม่ดีพอ เราจะไปแจ้งหรือร้องเรียนได้หรือไม่ อย่างไร แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่า มันจะทำให้ชีวิตเรายุ่งยากขึ้นกว่านี้อีกมั๊ยเนี่ย !!
เพราะอยู่ที่นี่ แม้จะสะดวกสบายทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีใครอยากจะอยู่หรอก เพราะขาดเสรีภาพ และนั่นล่ะ...คือความยุ่งยากของชีวิตเราแล้ว อย่าขยันหาเรื่องมาทำให้เรายุ่งไปมากกว่านี้อีกเลย
“เอางี้แล้วกันแพท ใจเย็นๆ อารมณ์เย็นๆ แล้วก็แล้วไป อย่าไปใส่ใจมัน เราไม่ได้จะอยู่ที่นี่ชั่วชีวิตหรอก เดี๋ยวเราก็ออกไป แล้วก็ลืมมันไปซะ เดี๋ยวมีโอกาส พี่จะเขียนด่ามันเอง พี่ก็โมโหไอ้มนุษย์ฝรั่งตัวนี้เหมือนกันแหละ ถือซะว่าอย่าเอาปลาแดกบริสุทธิ์อย่างเรา ไปแลกกับเนยเน่าอย่างมันเลย!!”
“อืม..ฟังดูดี จัดไปเลยพี่ไมค์”
แพทเริ่มใจเย็นลง
แล้ววันนั้น Law Library ของเราก็ดูหงอย ๆ
แม้จะยังคุยกันเหมือนเดิม แต่อารมณ์มันไม่สุนทรีซะแล้ว !!
1 ชั่วโมงผ่านไป เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งมาแจ้งเราว่า หมดเวลาแล้ว
แพทกับผมร่ำลาต้าร์ บอกกันว่า เดี๋ยวค่อยนัดหมายมาที่นี่กันใหม่
ช่วงนี้ บรรยากาศที่นี่ไม่ค่อยดีซะแล้ว อย่าเพิ่งมาถี่นักเลย
กลับมาถึงห้อง ผมมานั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
แม้มันจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในสายตาของใครหลายคนก็ตาม
แต่ในอีกหลายๆ คน ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สภาพจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ยิ่งต้องมาอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่ปกติอย่างนี้ ยิ่งทำให้เราบอบบาง
ผมเข้าใจแพท เข้าใจตัวเอง และเข้าใจทุกคนที่นี่
แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ไอ้มนุษย์ฝรั่งพันธุ์นั้นนั่นแหละ !!
คิดดูแล้วก็น่าน้อยใจนัก
ผมนั่งคิดไป ก็น้ำตาซึมไปโดยไม่รู้ตัว
ใช่สิ...พวกมึงมันไม่ใช่เอเลี่ยนอย่างกูนี่หว่า มึงจะเข้าใจอะไร
เกิดเป็นคนน่ะ...ต้องรู้จักเห็นใจกันบ้าง
พูดดีๆ กับกูก็ได้ กูก็เป็นคนเหมือนกันกับมึงนะโว๊ย !!
หรือมึงคิดว่ามึงเป็นใคร? มึงเป็นเทวดาหรือไงวะ?
มึงว่าพวกกูมีแต่คุยกัน
อ้าว!!.. กูไม่ได้เป็นใบ้นะ ที่จะมานั่งจ้องตากัน
มึงจะไม่ให้กูคุยกันเลยเหรอ? มึงจะให้กูแหกตาอ่านหนังสืออย่างเดียวหรือไงวะ !!
แล้วมึงคิดเหรอ?...ว่ากูจะอ่านรู้เรื่อง...สาสส...!!
หนังสือธรรมดากูก็ยังจะอ้วกอยู่แล้ว ยังจะให้กูอ่านภาษากฎหมายอีก
ไอ้ฟายย..!! ด่าไม่ดูปูมหลังกูบ้างเลย !!
กูยอมรับว่า กูไม่ได้มาอ่านหนังสือห่าจิกอะไรนี่หรอก
กูอยากเจอเพื่อน และที่นี่มันก็เป็นแห่งเดียวที่จะนัดเจอกันได้ แล้วกูก็ไม่ได้มาทุกวัน
2-3 วัน กูก็นัดเจอกันครั้งนึง
มึงจะเอาอะไรนักหนากับกูวะ ไอ้ Small Dick เอ๊ย !!
แน่จริง มึงให้กูไปเยี่ยมเพื่อนอีกห้องหนึ่งมั๊ยล่ะ? หรือให้เพื่อนมาเยี่ยมกูที่ห้องก็ได้
มึงอนุญาตไหมล่ะ?...มึงก็ไม่ให้ !!
แล้วจะให้กูทำอย่างไร?
กูลงชื่อมาห้องสมุด กูก็ทำตามระเบียบของมึง กูผิดตรงไหน?
การได้เจอเพื่อนร่วมชาติ ได้พบปะสนทนาสอบถามสารทุกข์สุกดิบกัน ให้กำลังใจกันและกัน ในยามที่ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ มันผิดนักหรือวะ?
มึงจะมากเกินไปแล้ว ไอ้อเมริกันส้นตีน !!
มึงคิดว่ากูจะกลัวมึงเหรอ ?
กูไม่สนหรอก ตัวเล็กตัวใหญ่
กูอยากจะตัวตัวกับมึงมาก !! น้ำหนัก ส่วนสูงไม่เกี่ยงโว๊ย...สาสส..!!
กูสาบานว่า ถ้ากูมีโอกาส กูจะเอามึงคืนแน่ ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่งแหละ
แต่ถ้าไม่มี...ก็แล้วไป !!
ในนามประเทศไทย อาจจะต้อนรับมึงในฐานะนักท่องเที่ยว แต่ในนามกูคนเดียว กูจะต้อนรับมึงด้วยส้นตีนโว๊ย !!!
ไอ้ฟายยย !!
แม้ได้ระบายแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเศร้าไม่วาย สุดจะบรรยายด้วยคำพูด
"เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้
ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ
เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา"
เข้าใจท่านสุนทรภู่ ในนิราศภูเขาทองเลย
ป.ล. ว่าจะด่าเล่น ๆ เสือกจริงจัง !!
เอาเป็นว่า...หน้านี้..พี่ขอด่าก็แล้วกัน...นะจ๊ะ...!!
โปรดติดตามตอนต่อไป ; "Bye Bye...Pat"
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย