2 พ.ย. 2019 เวลา 02:54 • ประวัติศาสตร์
จอมโจรปล้นพันล้าน Leonardo Notarbartolo
เพลาบ่ายแก่ ณ ร้านกาแฟในเมือง Antwerp (แอ๊นท์เวิร์ป) ประเทศเบลเยี่ยม Leonardo Notarbartolo ขณะนั้นอยู่ในวัย 40 กลาง กำลังนั่งรอลูกค้าที่นัดกันไว้ทางอีเมล
ไม่นาน พ่อค้าเพชรชาวยิวคนหนึ่งก็เข้ามาทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบดูเป็นคนอัธยาศัยดี ทั้งสองชิทแชทเรื่องทั่วไปอยู่พักใหญ่จนกระทั่ง
"คุณ Notarbartolo ที่มาวันนี้ผมอยากถามคุณหนึ่งคำถาม แลกกับเงิน 100,000 เหรียญ (3 ล้านบาท) เป็นคำถามง่ายๆคุณแค่ตอบว่าได้หรือไม่ได้เท่านั้น พร้อมจะฟังคำถามหรือยังครับ?"
Notarbartolo พยักหน้าตอบรับ แขกของเขาจึงเอ่ยถาม "ตู้เซฟของ Antwerp Diamond Centre (ADC) สามารถถูกปล้นได้หรือไม่?"
Notarbartolo ตอบว่า "ไม่มีทาง เดี๋ยวผมจะอธิบายให้คุณฟังว่าทำไม"
ตั้งแต่เล็ก Notarbartolo (โนตาร์บาร์โตโล่) ชื่นชอบความตื่นเต้นที่ขัดต่อกฎหมายทุกรูปแบบ ถึงแม้จะเกิดในครอบครัวอิตาเลียนที่คุณแม่ค่อนข้างเข้มงวด แต่เขาก็ได้ฝึกฝีมือโจรกรรมหลากชนิดในช่วงวัยรุ่น ตั้งแต่ขโมยไก่ทอดไปจนถึงการโจรกรรมรถยนต์บนท้องถนน
โตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มอัพเกรดเลเวล Notarbartolo สนใจเครื่องประดับ อัญมณีเป็นพิเศษ จึงเริ่มสะกดรอยตามพ่อค้าเพชรไปทั่วเมืองเพื่อสังเกตพฤติกรรม ก่อนที่จะลงมือยกเค้าบ้านพ่อค้าเหล่านั้น รวมถึงปล้นร้านเพชรในยามวิกาลอีกหลายครั้ง
ถึงจุดหนึ่ง Notarbartolo ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการ ถือเป็นหัวขโมยที่ประสบความสำเร็จทางอาชีพ มีทรัพย์มากมายใช้สบายไปทั้งชาติ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเสี่ยงขโมยอะไรอีก เว้นเสียแต่ว่า เขาเสพติดความตื่นเต้นจากมัน การโจรกรรมกลายเป็นแพสชั่นของ Notarbartolo
เมื่อรู้ตัวว่าชอบเพชร Notarbartolo จึงจัดการให้ตัวเองไปอยู่ในศูนย์กลางการค้าเพชรเสียเลย เขาเช่าออฟฟิศเล็กๆในย่าน Antwerp Diamond District ศูนย์กลางการค้าเพชรของโลก ภายในพื้นที่ 1 ตารางไมล์นี้ มีร้านเพชร 380 ร้าน มีมูลค่ารวมกันว่า 52,000 ล้านเหรียญ เพชร 80% จากทั่วโลก จะต้องมาผ่านการเจียระไนและซื้อขายกันที่นี่
Notarbartolo จ่ายค่าเช่าลอค 700 เหรียญ ราวๆสองหมื่นบาทต่อเดือน เพื่อเปิดกิจการซื้อขายเพชรบังหน้าตอนปี 2000 ไว้ใช้เก็บข้อมูล ดูลาดเลา และเฝ้ารอโอกาสงามมาถึง จนกระทั่งเขาได้พบกับพ่อค้าเพชรชาวยิวที่มาพร้อมกับคำถามประหลาดมูลค่า 1 แสนเหรียญ
หลังจากที่ตอบคำถามและรับค่าให้คำปรึกษาก้อนโตมา Notarbartolo ที่เปิดร้านอยู่ เป็นที่รู้จักของคนย่านนั้น รวมถึงเขาก็ฝากเพชรของตัวเองไว้ใน Antwerp Diamond Centre (ADC) ด้วย ทำให้เขามีบัตรผ่านเขาถึงชั้นในสุดของเซฟเพชร จึงคิดว่าไหนๆแล้ว เดี๋ยวเราจะถ่ายรูปภายในเซฟด้วยปากกาจิ๋วเหน็บตรงกระเป๋าเสื้อ และเอามาอธิบายให้พ่อค้ายิวฟังละกัน
ระบบรักษาความปลอดภัยของตึก ADC เริ่มจากตัวห้องนิรภัยอยู่ลึกลงไปใต้ดินสองชั้น เมื่อลงไปถึงจะเจอกับตู้เซฟที่มีประตูหนัก 3 ตัน ทนทานต่อการเจาะด้วยสว่านได้ถึง 12 ชั่วโมง และมีเซนเซอร์ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนหากเราคิดจะเจาะมันจริงๆ
วิธีการเปิดประตูเซฟต้องใช้ลูกกุญแจยาว 1 ฟุต และกดรหัสที่มีความเป็นได้มากกว่า 100 ล้านวิธีในการกด หากเราคิดจะมั่วรหัสก็คงนานเป็นปี เมื่อเปิดประตูเซฟได้เราต้องเจอกับเซ็นเซอร์แม่เหล็กที่ส่งสัญญาณเตือนหากประตูเซฟถูกแยกออกจากกันอย่างผิดปกติ
ด้านในตู้เซฟ มีกล้องวงจรปิด เครื่องตรวจจับแสง และเครื่องตรวจจับความร้อน หากสัญญาณเตือนภัยดัง รปภที่อยู่ชั้นบนจะวิ่งลงมาถึงตู้เซฟพร้อมปืนกล ภายในเวลา 45 วินาที
เมื่อ Notarbartolo ส่งภาพถ่ายภายในเซฟหลายสิบรูปพร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยและความยากในการปล้นมันให้พ่อค้าชาวยิวทางอีเมล ก็ไม่มีการตอบอะไรกลับมาอีก คู่สนทนาหายตัวไปจนกระทั่งหลายเดือนต่อมา
Notarbartolo ได้รับข้อความเป็นเสียงที่คุ้นหูพูดว่า "Meet me at this address" และตามมาด้วย sms ที่อยู่ จอมโจรคว้าแจคเกตและสตาร์ทรถออกจากออฟฟิศไปทันที
สถานที่นัดคือโกดังร้างแห่งหนึ่งนอกเมือง Antwerp ที่นั่นเขาพบกับพ่อค้าเพชรชาวยิวคนเดิมที่เชื้อเชิญให้เข้าไปชมภายในโกดัง และเมื่อพวกเขาเปิดไฟโกดังจนสว่าง Notarbartolo ก็ถึงกับตกตะลึง
โกดังร้างแห่งนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นห้องนิรภัย มีตู้เซฟเหมือนในอาคาร Antwerp Diamond Centre แบบทุกระเบียดนิ้ว โดยอาศัยภาพที่ Notarbartolo ส่งมาให้ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าที่นี่มีไว้เพื่อฝึกซ้อมสำหรับ 'งานใหญ่'
ไม่เพียงเท่านั้น Notarbartolo ยังได้รับการแนะนำให้รู้จักชายชาวอิตาเลียนอีกสามคนที่จะเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทีมในการปล้น ทั้งสามใช้ชื่อโค้ดเนมแทนชื่อจริง เพื่อปกปิดตัวตน
คนแรกชื่อ Genius (อัจริยะ) มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการตัดระบบเซนเซอร์ทุกชนิดบนโลก คนที่สองชื่อ Monster (ปีศาจ) เป็นชายรูปรางสูงใหญ่ หุ่นนักกีฬา มีพละกำลังดีเยี่ยมและมีความสามารถรอบด้าน อย่างละนิดหน่อย และคนสุดท้ายชื่อ King of Keys (ราชาแห่งกุญแจ) เป็นชายแก่ที่มีทักษะในการสะเดาะกุญแจทุกชนิด รวมถึงสร้างลูกกุญแจเพื่อใช้ไข
เมื่อทีมพร้อม สถานที่พร้อม เป้าหมายชัดเจน ทีมปล้นที่มีชื่อเรียกว่า 'The School of Turin' จึงเริ่มฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น.
วันวาเลนไทน์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2003 หนึ่งวันก่อนจะลงมือจริง Notarbartolo เดินทางไป ADC เพื่อฝากถอนเพชรตามปกติ เมื่อเข้าไปภายในตู้เซฟ เขาหยิบสเปรย์ฉีดผมของผู้หญิงขึ้นมาฉีดไปที่เซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินออกจากตู้ไปเหมือนปกติ พร้อมทั้งถ่ายวิดีโอทุกขั้นตอนมาอย่างละเอียดด้วยกล้องจิ๋วที่รูปร่างเหมือนปากกาแท่งเดิม
และแล้วก็มาถึงวันปล้น...
ทีมงานเลือกกลางดึกคืนวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2003 เพื่อลงมือ เนื่องจากเป็นวันหยุดไม่มีใครมาทำงาน หากปล้นสำเร็จ กว่าจะมีคนรู้เรื่องก็ต้องรอถึงเช้าวันจันทร์
Notarbartolo ขับรถไปรับเกลอเก่าคนหนึ่งมีชื่อโค้ดเนมว่า Speedy มาร่วมปล้นด้วย ภายใต้ความไม่พอใจและไม่ไว้ใจของทีมงานคนอื่นๆ เพราะ Speedy ดูเป็นคนประหม่าและทนรับแรงกดดันไม่ค่อยไหว แต่ทุกคนก็ต้องจำใจเพราะไม่อยากให้เสียฤกษ์
พอทั้ง 5 ขับมาถึงสถานที่ Notarbartolo ไม่ได้เข้าไปปล้นด้วย เขารับหน้าที่ดูต้นทางและขับรถพาหนี โดยนั่งรออยู่ในรถ Peugeot 307 ที่เช่ามา ส่วนอีก 4 คนก็เริ่มงานทันที
King of Keys สะเดาะกุญแจเข้าไปสู่สวนของตึกที่อยู่ข้างๆ ADC เขานำบันไดที่ซ่อนไว้ก่อนหน้าออกมาพาดและปีนขึ้นไปตรงระเบียงทีละคน ตรงระเบียงนี้จะมีเซนเซอร์รังสีอินฟราเรด ซึ่ง Genius ก็จัดการกับมันโดยใช้แผ่น polyester สีดำขนาดใหญ่ค่อยๆเลื่อนไปปิด
เมื่อเข้าไปในตัวตึก ADC ได้ ไม่นานทั้งทีมก็ไปถึงห้องนิรภัย Genius เอาสกอตเทปสีดำไปปิดกล้องวงจรปิดทุกตัวก่อนจะเปิดไฟภายในห้อง เพื่อให้ภาพในกล้องยังคงเป็นสีดำเหมือนไม่ได้เปิดไฟตลอดเวลา จากนั้น Genius หยิบแผ่นอลูมิเนียมที่ทำมาเป็นพิเศษและจัดการติดกาวสองหน้าลงไปสองอัน ก่อนจะเอาไปแปะตัวเซนเซอร์แม่เหล็ก และค่อยๆยกออกมาจากประตูโดยที่เซนเซอร์แม่เหล็กยังทำงานอยู่ ทำให้ตอนนี้ประตูเซฟอยู่ในสภาวะไร้เกราะป้องกัน
เห็นดังนั้น King of Keys จึงทำการสะเดาะกุญแจห้องเก็บเครื่องมือที่อยู่ภายในห้องนิรภัยอีกที ตามที่คาดเดาจากวิดีโอของ Notarbartolo คืนก่อนหน้านี้ว่า รปภ มักจะเข้าไปเพื่อหยิบกุญแจตู้ออกมา เมื่อเข้าไปในห้องเครื่องมือ เขาก็พบกับกุญแจไขตู้เซฟจริงๆ ก่อนจะหยิบมันออกมาไขพร้อมกับใส่รหัสที่ได้จากวิดีโอของ Notarbartolo อีกเช่นกัน
ทีมงานปิดไฟภายในห้องเพื่อความปลอดภัยจากเครื่องตรวจจับแสง ทุกคนช่วยกันผลักประตูหนักสามตันออก เผยให้เห็นถึงภายในตู้เซฟที่ตอนนี้อยู่ในความมืดสนิท สมบัติประเมินค่าตอนนี้อยู่เบื้องหน้าพวกเขาแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือการตัดสัญญาณนิรภัยด้านในและตัดสัญญาณเครื่องตรวจจับแสง โดยการเอื้อมมือไปบนฝ้าเหนือหัวก่อนตัดสายไฟในความมืด Monster ผู้รับหน้าที่นี้ จะต้องควบคุมลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจ ไม่ให้ตื่นเต้นจนสร้างความร้อนออกมาเกินขนาด ถึงแม้จะมีสเปรย์ฉีดผมของผู้หญิงที่ฉีดบล็อกไว้ แต่เซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนยังคงทำงานได้ดี และไม่มีใครคาดเดาได้
ทั้งกดดัน เหนื่อย มองอะไรไม่เห็น และต้องยืนค้างในท่ายกแขกเพื่อคลำหาสายไฟเป็นเวลานาน ทำให้ Monster เกิดอาการเครียดและเหงื่อออก ทุกคนในทีมรวมถึงตัวเขาเองได้แต่ภาวนาให้ความร้อนในห้องไม่เกินลิมิตจนสัญญาณเตือนภัยดังและแผนพังพินาศ
แคร้ก!
เขาเสี่ยงตัดสายไฟที่เขาคิดว่าใช่จากสัญชาตญาณ และด้วยความที่ซ้อมมาอย่างหนักในความมืดที่โกดัง ทำให้ตอนนี้ห้องนิรภัยถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์!
King of Keys จัดการไขตู้เซฟเล็กภายในห้องด้วยมือเพื่อให้เกิดเสียงน้อยที่สุด ทีมปล้นเข้ากวาดทรัพย์สินอันเต็มไปด้วย ทองคำแท่ง เพชรเม็ดเขื่อง และเงินสดหลากสกุลในความมืด พวกเขาใช้เวลา 4 ชั่วโมง กว่าจะกวาดจนหมด มองดูนาฬิกาตอนนี้เวลา 05:30 น.
ทีมปล้นวิ่งออกมาที่รถ โยนกระเป๋าเป้สีดำหลายใบใส่กระบะท้าย และรีบขับกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ของ Notarbartolo เพื่อฉลอง พวกเขาเปิดเบียร์พร้อมกระเป๋าเป้ทีละใบโดยไฮไลทอยู่ที่กระเป๋าเจมส์บอนด์สามใบ ที่เป็นของพวกพ่อค้าเพชร และคาดว่าบรรจุเพชรไว้แน่น แต่เมื่อเปิดออกมา กลับเจอเพียงแค่ก้อนหิน?!
จากมูลค่าที่ประเมิณไว้ก่อนปล้นว่าน่าจะสูงถึง 100 ล้านเหรียญ ตอนนี้เหลือเพียง 20 ล้านเหรียญเท่านั้น ทีมงานหัวเสียเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแยกย้ายกันหนี ก่อนที่ใครจะเข้าไปพบตู้เซฟในสภาพพังยับเยิน
ทุกคนหลบลี้ไปได้อย่างลอยนวลยกเว้น Notarbartolo ตำรวจพบหลักฐานสาวถึงตัวเขาตกอยู่ข้างถนน คือเศษแซนวิชครึ่งชิ้นที่มี DNA ของเขาติดอยู่ เกิดขึ้นเพราะ Speedy เพื่อนจอมป่วน โยนถุงขยะทิ้งทางหน้าต่าง
Notarbartolo ต้องโทษจำคุก 10 ปี ก่อนได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 2014 ในฐานะผู้นำของ "การปล้นครั้งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 21"
เกร็ดเล็ก: เขาไม่เคยซัดทอดเพื่อนร่วมทีมปล้น ทำให้ทุกคนตอนนี้เสวยสุขอยู่ซักแห่งในโลก
เกร็ดน้อย: Notarbartolo คิดว่านี่คือการซ้อนแผนของพ่อค้าเพชรชาวยิว ที่ถอนเพชรของตัวเองและพรรคพวกออกจากเซฟไปจนหมดก่อนวันปล้น เพื่อเรียกรับเงินประกันจากการถูกปล้นและทำกำไรสองต่อ
- Xyclopz
โฆษณา