3 พ.ย. 2019 เวลา 13:48 • ท่องเที่ยว
ตอนที่ 2 : วันแรกบนดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
#สักครั้งที่ภูฏาน (2) 🇧🇹
สัมผัสบรรยากาศระหว่างเส้นทางไปเมืองทิมพู
✈ หลังจากที่เราได้เดินทางเกือบครึ่งวันแบบชิลๆ ในที่สุด.. ก็มาถึง 'ภูฏาน' ประเทศเล็กๆ ที่ถูกห้อมล้อมด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน
นกยักษ์ของเราได้ร่อนลงจอดนิ่มๆ บนรันเวย์สั้นๆ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบระหว่างหุบเขาของเมือง 'พาโร' (Paro) โดยเรามารู้เอาทีหลังว่า สนามบินแห่งนี้มีแค่สายการบินแห่งชาติลงเพียงแค่ 2 สายการบินเท่านั้น และมีเครื่องมาลงเฉพาะกลางวัน ในวันที่อากาศเปิดเท่านั้น ทำให้ไม่มีเสียงดังรบกวน
เราลงจากเครื่องบินมาพร้อมกับภาพรอยยิ้มของแอร์สาวแก้มบุ๋มจากภูฏานแอร์ ที่ส่งยิ้มอย่างมิตรภาพ.. ต้อนรับ และร่ำลา หวังว่าวันข้างหน้าจะมาพบกันใหม่
เราเดินลงจากบันไดเครื่องบินอย่างช้าๆ มองบรรยากาศโดยรอบ เห็นทั้งภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ และบ้านเมือง..
บรรยากาศบริเวณสนามบินพาโร
🌏 สภาพอากาศในวันที่เราไปถึงกำลังสบายๆ หนักไปทางร้อนนิดๆ สูดลมหายใจเข้าปอดแบบลึกๆ ไปหลายปื๊ด.. แล้วก็รู้เลยว่า อากาศที่นี่ช่างบริสุทธิ์เสีย True True..
หลายๆ คนที่ลงจากเครื่องบิน ยังคงเพลิดเพลินกับการเก็บภาพสวยๆ ของสนามบินแห่งชาติของภูฏานกันแบบไม่รู้จักเบื่อ เพราะสนามบินแห่งนี้นานๆ จะมีเที่ยวบินลงมาสักลำ นั่นจึงทำให้หลายคนที่ลงจากเครื่องมาก็ขอชักภาพเป็นที่ระลึกกันจนเต็มลานจอด
🛩 สำหรับสนามบินแห่งชาติที่เมืองพาโร ถือเป็นสนามบินขนาดเล็ก ฟิลลิ่งประมาณสนามบินอุดรหรือขอนแก่นบ้านเรา แต่มีลักษณะโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรม และลวดลายพื้นเมืองภูฏาน ประดับไว้ตั้งแต่ตัวเสายันหลังคา โดยมีสีสดใสในโทนส้มๆ แดงๆ คลับคล้ายคลับคลา 'ทิเบต' อย่างไงอย่างงั้น
สนามบินพาโร
🌏 หลังจากเราผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย ซึ่งถือว่า รวดเร็วจนน่าตกใจ เนื่องจากการมาภูฏานจะมีการตรวจสอบก่อนมาแล้ว เมื่อมาถึงจึงเข้าเมืองได้ง่ายและสะดวก จากนั้นเราก็พบกับไกด์ท้องถิ่นในชุดพื้นเมืองที่มายืนต้อนรับคณะของเราด้วยการสปีคอิงลิชแบบไฟแล่บ
เราพยักหน้าหงึกๆ.. ทุกครั้งเมื่อไกด์หันหน้ามาสบตาเรา
วันนี้เราจะเดินทางจากเมือง 'พาโร' มุ่งหน้าสู่เมือง 'ทิมพู' (Thimphu) เมืองหลวงของภูฏาน ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตรหย่อนๆ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง.. ใช่!! ฟังไม่ผิด 2 ชม.จริงๆ เนื่องจากเราต้องนั่งรถเลาะไปตามไหล่เขาตลอดเส้นทาง..
เส้นทางจากพาโรไปทิมพู
🗺 รถเลี้ยวออกจากสนามบิน เราก็พบความเขียวขจีของทุ่งหญ้า เชิงเขา แม่น้ำ และเมืองพาโร บรรยากาศบ้านเมืองโดยรอบยังเป็นแบบ 'คันทรี' เอามากๆ ส่วนบ้านเรือนก็มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ โดดเด่นที่ลวดลายเขียนสีที่ประดับเอาไว้ทุกมุมเสาและใต้หลังคา
บางบ้านก็มีการวาดรูปสัตว์ หรือราศีต่างๆ ลงไปในผนังบ้าน มองดูสวยเพลิดเพลิน รวมไปถึงวัดวาต่างๆ ก็มีให้เห็นเป็นระยะๆ โดยสิ่งที่พบเห็นอีกอย่างที่มีอยู่ทั่ว ก็คือ 'ธงมนต์' ลสีต่างๆ ที่ผูกไว้เป็นทางยาว ธงที่ว่านี้ คือธงที่มีการเขียนคำสวดลงไปให้ลมช่วยพัดพาคำสวดล่องลอยไปตามความเชื่อ
คณะของเราเพลิดเพลินกับวิวที่เลื่อนผ่านกรอบหน้าต่างรถตู้ อดใจไม่ไหว เลยต้องหยิบมือถือมาถ่ายรูปเป็นระยะๆ..
เส้นทางจากพาโรไปทิมพู
⛰ วิวสองข้างทางระหว่าง 'พาโร' .. สู่ .. 'ทิมพู' เต็มไปห้วยเทือกเขาสลับซ้อนซับทับกันไปไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก โดยตลอดเส้นทาง 50 กว่ากม. เส้นทางจะมีความคดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามซอก และหล่มเขาสูง โดยที่ด้านข้างๆ จะเป็นแม่น้ำไหลขนาบไปตลอด
ส่วนบางพื้นที่ก็เป็นที่ราบเชิงเขา ชาวบ้านมักปลูกแอปเปิ้ลไว้เป็นจำนวนมาก โดยเห็นเป็นลูกสีชมพู ดกแดงเต็มต้นไปหมด และระหว่างทางเราจะเห็นชาวบ้านตั้งเพิงเล็กๆ เอาแอปเปิ้ลมาขายริมทางให้คนขับรถผ่านไปผ่านมาได้แวะซื้อ
เพิงขายของริมทาง
🚐 ด้วยความที่เส้นทางดังกล่าวค่อนข้างโหด จนสามารถบิ้วอ๊วกออกมาได้ไม่ยาก ประจวบกับการอยู่บนที่ราบสูง เพราะประเทศภูฏานจะอยู่บนพื้นที่สูงเทียบเท่าดอยอินทนนท์ จึงทำให้หลายคนเลยเกิดอาการเวียนหัว
ดังนั้นเมื่อรถวิ่งไปได้สักพัก.. ก็หยุดให้เราลงไปเก็บภาพวิวสวยๆ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ ที่มีด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยลมบริเวณนี้พัดแรงมาก จนทำให้ภาพที่ทุกคนถ่ายเป็นที่ระลึก ออกมาหัวฟูเหมือนขนมสายไหม
เส้นทางระหว่างพาโรไปทิมพู
ระหว่างนี้.. เราได้เดินไปชมร้านขายของพื้นเมือง ที่มีลักษณะเป็นเพิงข้างทางใหญ่ มีประมาณ 4-5 ร้าน แต่ทุกร้านขายองเหมือนๆ กันหมด นั้นคือ แอปเปิ้ล ท้อ ผักพื้นบ้าน ขนมซอง (มีขนมของไทยขายด้วย)
รวมไปถึงของขึ้นชื่อ อย่าง 'ชีสจากนมจามรี' เป็นก้อนสี่เหลี่ยมแข็งๆ ร้อยเป็นพวงแขวนไว้หน้าร้าน ซึ่งชีสก้อนที่ว่านี้ ว่ากันว่า เป็นของกินเล่นของคนภูฏาน ที่มักนำมาอมไปในระหว่างทำงาน หรือคิดอะไรเพลินๆ ไม่ให้เหงาปาก
ชีสนมจามรี
เสียดายที่เราไม่กล้าลองซื้อมาเทส เพราะคงได้ 'พะอืดพะอม' กันค่อนวันแน่ๆ..
🌏 หลังจากเรากลับมาขึ้นรถอีกครั้ง ก็มุ่งหน้าลัดเลาะไปบนไหล่เขา เพื่อมุ่งสู่เมืองทิมพู ระหว่างนี้ก็ชื่นชม และเก็บภาพภูเขายอดแปลก หรือภูมิประเทศ ทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้สวยๆ ไปเรื่อยๆ โดยนึกอิจฉาในใจว่า บ้านเขาสวยบรรยากาศดีอย่างนี้ อยู่แล้วคงมีความสุขแบบ 'สโลวไลฟ์' แน่นอน..
เวลางวดเกือบจะ 2 ชม.แล้ว เราเห็นความเป็นเมืองมากขึ้นจากที่มองแต่ภาพวิวธรรมชาติมาตลอดทาง.. ในที่สุดเราก็ลอดซุ้มประตูเมืองเข้าสู่เมืองหลวง 'ทิมพู' ภาพโดยรอบก็เป็นเมืองเล็กๆ กลางหุบเขา ที่ผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติ และบ้านเรือนอย่างลงตัว
เส้นทางระหว่างไปเมืองทิมพู
เอาไว้ตอนต่อไปเรามาเล่าเรื่องสนุกๆ ของเมือง 'ทิมพู' ให้ฟังกัน..
หลักกิโลของภูฏาน อีก 31 กม.ถึงเมืองทิมพู
โฆษณา