5 พ.ย. 2019 เวลา 11:05 • ธุรกิจ
7 สิ่งที่ควรรู้ โปรโมทอย่างไรให้คุ้มตังส์ใน Etsy
ถ้าหน้าใหม่อย่างเราเข้าตลาดโดยไปแบบไม่รู้อะไรเลยจะมีโอกาสขายยากมาก
เพราะเราไม่เคยมี transaction (การซื้อขาย) เลย
คิดถึงความเป็นจริง เราเป็นลูกค้า มีสินค้า ก กับ สินค้า ข
สินค้า ก มีรีวิวเยอะ เปิดมานาน แต่ สินค้า ข ไม่มีเลย เพิ่งสร้างร้านมาได้ 1 อาทิตย์
แน่นอนเราก็น่าจะซื้อสินค้า ก ใช่ไหมครับ ?
ฉะนั้นเราจะทำยังไงล่ะ ?
"โปรโมท" ช่วยคุณได้ครับ
แต่จะโปทโมทอย่างไรล่ะ ? ยิงมั่วๆ เสียเงินฟรีอีก
อ่ะ กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นแล้ว เราก็จะมาต่อกันเลยครับ !!!
1. รู้ต้นทุนสินค้าว่าเท่าไหร่
เช่น ตัวสินค้า, ค่าขนส่ง, ค่าธรรมเนียม Etsy และ PayPal (ไทยจ่าย paypal only นะคร้าบบ)
ทำไมถึงสำคัญ ? ถ้าเราไปโปรโมท over เกินกำไรของสินค้าเรา จะทำให้เราได้กำไรไม่คุ้มเสียนั่นเอง
2. รู้งบประมาณโปรโมท
ต้องคอมโบมาจากข้อ 1 นะครับ
เราก็ดูว่าได้กำไรพอไหม ? จากที่เราขาย
ตอน test run โปรโมท ก็ลองเริ่มที่ 1-2 เหรียญ ก็พอ เพื่อลองเชิงก่อน
ใน etsy มี 2 ฟังก์ชั่น
2.1 Auto bid
จะอัตโนมัติ ระบบจะจัดการให้ว่าแข่งใน keyword นี้ให้ชนะ (ขึ้นหน้าแรก) เหมาะกับคนทุนเยอะ
เช่น ลูกค้าหาคำว่ากระเป๋า แล้วของเราไปอยู่หน้าแรก ! ทั้งๆ ที่มีคนติดแท็ก กระเป๋า เยอะมากๆ อารมณ์ประมาณนั้นแหละครับ
2.1 Customize bid
อันนี้อยู่ที่ไม่ต้องการเปลืองตัง ซึ่งถ้าเราเลือกอันนี้สินค้าเราออาจะไปโผล่ หน้าที่ 2 หรือ 3
แต่ก็ยังดี !!!
โดย etsy จะคิดค่าบริการต่อคลิ๊ก (CFC) อะไรประมาณนั้น
ซึ่งผมมองว่าอันนี้ดีกว่า auto เพราะไม่เปลืองเงิน
แล้วก็ดีกว่าไม่โปรโมทเลย (สำหรับมือใหม่) เพราะเราต้องการ การเปิดตัว !
5555555
รอสินค้าให้เราได้แจ้งเกิด ถ้าไม่ดันเลยก็จะเกิดยาก จริงไหมครับ ?
3. รู้สินค้า
บางสินค้าในร้านเรามีหลายแบบ ! แต่ของ type เดียวกัน
ถ้าเราไปโปรโมทหมด ก็หมดตูดแน่นอนละคร้าบ
เช่น ขายกระเป๋า มีหลายลายจริง แต่เราควรเลือก "อันที่ดีที่สุด" มาโปรโมทนะครับ
เพราะจะได้ไม่เปลืองเงิน พอลุกค้ากดเข้ามาที่ร้านยังไงก็เห็นลายอื่นด้วยอยู่ดี
ฉะนั้นถ้าร้านมีหลาย type ก็ควรจะโปรโมท type ละ 1 ตัวนะครับ
4. รู้คำค้นหา
keyword คือพระเจ้าที่จะมาช่วยเราให้ขายของได้
เพราะการที่ลูกค้าจะมาเจอสินค้าเรา ก็ขึ้นอยู่กับ keyword ทั้งนั้น
อารมณ์ท่านๆ จะโทรหาคนชื่ออ้อย แต่มีหลายอ้อยเหลือเกินในรายชื่อ
ท่านก็ต้องมี keyword ไว้ระบุใช่ไหมครับว่าอ้อยไหน ?
อารมณ์เดียวกันเลยครับ ความสำคัญของ keyword ที่ดี เพราะถ้าเรากำหนดถูกจริงๆ ลูกค้าก็จะเจอของเรานั่นเองครับ
5. รู้จักอดทน
บางทีเราโปรโมทแล้ว เปิดร้านมานานแล้ว ยังขายไม่ได้ (เหมือนผม T^T)
ทำให้เราปิดโปรโมท (เพราะคิดว่าเสียเงินฟรี) ดังนั้นก็ตามหัวข้อเลย
"อดทน" ครับ ช่วยท่านได้ ควรอดทนรอไป สัก 1 เดือน
จริงๆ อยากบอกจากประสบการณ์ของผมเองนะครับ
ผมทำ dropship ด้วยตอนนี้ ผมเสียเงินไปหลายหมื่นแล้ว !
(นอกเรื่อง) ผมเสียค่าเรียน 12,000 บาท
ค่ารายเดือน shopify 2 เดือน = 2000 บาท
ค่าโฆษณา google adwords = 3000 บาท
ซึ่งผมเพิ่งได้ออเดอร์แรกเมื่อวานนี่เองครับ จากที่ทำมาแล้วสองเดือน !
แถมต้องเสียเงินซื้อของอีก 1000 กว่าบาทให้ลูกค้าก่อน
คิดดูครับ !!!!!
ฉะนั้นผมอยากให้กำลังใจนะครับ ถ้าเริ่มทำอะไรแล้วมันรู้สึกว่ายาก (ฉิบหายเลยโว้ยยยย) แสดงว่าท่านอาจจะกำลังมาถูกทางแล้วครับ (เข้าข้างตัวเองแบบสุด 5555)
มาต่อกันที่ etsy ครับ
ถ้าเราได้เริ่มขายแล้ว หรือลูกค้าเริ่มเสิชเจอเราบ่อยๆ จะทำให้ค่า revelance (ค่าความเกี่ยวเนื่องระหว่าง keyword กับสินค้า) เพิ่มขึ้น
เราก็ไม่มีความจำเป็นต้องโปรโมทอีกต่อไป ! เย้ !!!
ซึ่งระบบอัลกอริทึ่มนี้ เหมือนกับการยิงแอดใน facebook หรือ google shopping สามารถไปประยุกต์ใช้ได้เลยนะคร้าบบบ (บอกเยอะซะจนรู้สึกเสียดายเงิน ที่เรียนไปมา T^T)
6. รู้ข้อมูล
พอเราลองโปรโมทไปแล้ว 30 วัน เราจะมีข้อมูลย้อนหลัง เพื่อมาทำการวิเคราะห์จากการขายของ มาสร้างกลยุทธ์
ซึ่งสถิติจะบอกค่าต่างๆ ของการโปรโมทคือ
• Impression คือ จำนวนครั้งที่รายการสินค้า (Listing) มีการแสดงผลขึ้นมาในคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง จะคลิกหรือไม่คลิกนับหมด
• Click คือ จำนวนครั้งของรายการสินค้าที่โปรโมทถูกคลิก
• Cost คือ จำนวนเงินที่จ่ายไป
• Order คือ จำนวนรายการสินค้าที่ขายได้
• Revenue คือ จำนวนเงินที่ขายได้ (จากการโปรโมทเท่านั้น)
ซึ่งส่วนใหญ่จะดูที่ Cost เป็นหลักว่าในรอบ 30 วัน งบประมาณที่ต้องจ่ายไปคุ้มค่ากับยอดขายที่ได้รับหรือไม่
ถ้าคุ้มก็ไปต่อ
ถ้าไม่คุ้ม
เราก็ต้องทดลองปรับเปลี่ยนรายการสินค้าเป็นตัวอื่นบ้าง สลับกันไป หรือเมื่อมีรายการสินค้าลงใหม่ เราก็สามารถเลือกขึ้นมาโปรโมทได้
ทั้งนี้การโปรโมทรายการสินค้าส่วนใหญ่แล้วจะทำให้รายการอื่นขายได้ด้วยเช่นกันนะครับ ไม่จำเป็นต้องโฟกัสที่รายการสินค้าที่เราเลือกโปรโมทเท่านั้น
7. รู้ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง
เราได้ข้อมูลมาแล้ว ก็มาดูว่าลูกค้าของเราเนี่ยเป็นคนที่ไหน ดูช่วงไหน เพื่อมากำหนด keyword ใหม่ ให้ขายง่ายขึ้น
บางที keyword มันกว้าง ทั้งๆ ที่สินค้าเราใช่ แต่ไม่ใช่ เพราะสามารถเจาะจงได้มากกว่าเดิม แล้วจะทำให้ขายได้มากขึ้น
ฉะนั้นต้องคิดถึงหน้าลูกค้าว่าเราจะนำ title ไปเสิร์ฟให้เขาคืออะไร ?
สำหรับคนที่อยากซัพพอร์ทผมสามารถกดิดตามเพจ "มาฟังผมโม้", "Tutarr Foto (facebook)", " Da Tutarr (youtube)" ได้นะคร้าบ จะขอบคุณมากๆ เลยนะครับ อิอิ รักทุกคนเสมอถ้าว่างจะมาเขียนบทความให้อ่านต่อกันนะ
คร้าบ
โฆษณา