13 พ.ย. 2019 เวลา 00:19 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
3 เทคนิคใหม่ ที่ทำให้ 5G เปลี่ยนโลก (Disruptive Technology EP4)
3 New Technics for 5G
โทรศัพท์เริ่มจากยุค
1G ที่ยังเป็น Analog ระบบ Cross Bar เป็นแป้นหมุน ที่มี 10 รูรอบแป้นหมุน
2G แปลงสัญญาณเป็น Digital พูดคุยได้ชัดขึ้น และส่งข้อมูลได้ 64 kbps
3G เน้นการส่งข้อมูลให้แรงขึ้น ได้สูงสุดถึง 21 Mbps
4G ยังเน้นการส่งข้อมูลให้แรงขึ้นไปอีก 10 เท่าของ 3G และมีเพิ่ม IoT
แล้ว 5G หล่ะ ยังคงเน้นการข้อมูลให้แรงขึ้นไปอีก ใช่มั้ย? คำตอบคือ
"ใช่ แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นอีก" เพราะ 5G ตั้งใจเพื่อจะมาเปลี่ยนโลก
Enhance Mobile Broadband
เทคนิคใหม่ อย่างแรก คือ *** Enhance Mobile Broadband ***
เป็นการเพิ่มการรับและส่งข้อมูลให้แรงเพิ่มจาก 4G อีก 10 เท่า ถ้าจะเทียบ 5G กับ 3G จะเพิ่มเป็น 10 x 10 = 100 เท่า จะส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 2 Gbps
Note: (Data Speed)
64 kbps = 64 Kilo Bit Per Second = 64,000 Bit Per Second
21 Mbps = 21 Mega Bit Per Second = 21,000,000 Bit Per Second
2 Gbps = 2 Giga Bit Per Second = 2,000,000,000 Bit Per Second
โครงข่าย 5G นี้ จะเชื่อมโยง Mobile Device เช่น มือถือ แท็ปเล็ต ให้เชื่อมโยงกับ Internet, cloud, IoT, Drone, Robot หรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
Use case ที่ผลักดันให้เกิด 5G ให้มีเทคนิคเพิ่ม (Speed x 10 เทียบ 4G) นี้ ก็จะมี 8K Video, 3D Video, Cloud games (ภาพมีความละเอียดสูง), VR: Virtual Reality และ AR: Augmented reality เป็นต้น
Massive Connections
เทคนิคใหม่ อย่างที่ 2 คือ *** Massive Connections ***
ที่ได้เกริ่น 4G ได้เพิ่มเทคโนโลยี IoT แล้ว ส่วนของ 5G จะมีอะไรพิเศษ
ขนาดพื้นที่ 0.38 sq.mile ของ 4G เชื่อมกับอุปกรณ์ได้ 2,000 อุปกรณ์
ขนาดพื้นที่ 0.38 sq.mile ของ 5G เชื่อมกับอุปกรณ์ได้ 1,000,000 อุปกรณ์
(5G เจ๋งกว่า 4G = 500 เท่า)
ปัจจุบัน 1 คน 2 เบอร์(2 SIM) ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ต่อไปยุค IoT หมวก แว่นตา นาฬิกาข้อมือ แหวน หูฟัง เสื้อ การเกง หัวเข็มขัด รองเท้า จะมี eSIM หรือ iSIM เชื่อมโยงอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด
ในโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต จะมีหุ่นยนต์ที่ทำงานในโรงงานในพื้นที่เดียวกัน ได้หลายแสนตัวพร้อมๆ กัน
Use case ที่ผลักดันให้เกิด 5G มีเทคนิคใหม่นี้ จะมี Wearable, Smart Factory, Smart City, Smart Farming, Drone เป็นต้น
Use case ทั้งหมดนี้เป็น IoT 100%
Low Latency
เทคนิคใหม่ อย่างที่ 3 คือ *** Low Latency ***
หน่วงต่ำมาก หรือตอบสนองอย่างทันที (Rapid response) การออกแบบและสร้างโครงข่าย 5G เกือบจะต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด เนื่องจากเทคนิคใหม่ตัวนี้ ก็เพราะอุปกรณ์โครงข่าย 3G & 4G ในปัจจุบัน สร้างความหน่วงสูงเกินกว่ามาตรฐานที่ 5G กำหนด
ผู้ให้บริการโครงข่าย 5G ต้องลงทุนสูงมาก แล้วเทคนิคนี้ จำเป็นแค่ไหน
ในโลกอนาคต จะมีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง Self Driving Car วิ่งบนถนนปะปนไปกับ รถยนต์ที่ขับโดยมนุษย์ มีทั้งมอไซต์ จักรยาน
รวมทั้งคนเดินถนน อยู่สองข้างทางหรือกำลังข้ามทางม้าลาย
ถ้าเกิดรถคันหน้าเบรคกระทันหัน หรือมีอะไรวิ่งตัดหน้ารถยนต์ขับด้วยตัวเอง
AI คิดจะเบรคหรือหักหลบทันมั้ย ถ้าการเชื่อมโยงมีความหน่วงสูง
ปัจจุบันรายการข่าวที่มีการติดต่อแขกรับเชิญทาง Video call ยังขาดอรรถรส เพราะแขกรับเชิญทางไกล พูดโต้ตอบช้ากว่านักข่าวที่ห้องส่ง
หรือการเล่นเกมส์ VR การดูกีฬาถ่ายทอดสด การดูคอนเสิร์ต การประชุม Video Conference การผ่าตัดโดยแพทย์ทางไกล (แก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์เชี่ยวชาญ) ฯลฯ
5G จะทำให้คนที่อยู่ห่างไกลกัน (อยู่คนละสถานที่)
เชื่อมโยงเข้าหากันด้วยการตอบสนอง เหมือนอยู่ด้วยกันจริงๆ
Use case ที่ผลักดันให้เกิด 5G มีเทคนิคใหม่นี้ จะมี VR, AR, Industry Automation, Self Driving Car, e-Healthy, Remote operation
ขอขอบคุณ เจ้าของภาพ ITU: International Telecommunication Union และผู้ผลักดัน 5G
โปรดติดตาม Disruptive Technology ** ทุกวันพุธ **
ได้ที่ Blockdit: www.blockdit.com/worklifewinwin

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา