Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
hotelFast
•
ติดตาม
7 พ.ย. 2019 เวลา 05:41 • ธุรกิจ
OTAs ในธุรกิจโรงแรม คืออะไร
เมื่อพูดถึง OTA หลายคนอาจเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง คำนี้เป็นได้ในหลายๆความหมายในหลายธุรกิจที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าพูดถึง OTA ในธุรกิจโรงแรม คำๆนี้จะหมายถึงเอเจนท์ที่เป็นตัวแทนการขายห้องพักโรงแรมในช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งมาจากคำว่า “Online Travel Agent” หากยังงงอยู่ ไม่เป็นไรครับ ผมมั่นใจว่าหลายๆคนเคยผ่านตาจากโฆษณา หรือไม่ก็เคยจองผ่านเอเจนท์พวกนี้มาบ้างแล้วซะด้วย ยกตัวอย่างเช่น Agoda,
Booking.com
, Expedia... เว็ปไซด์เหล่านี้จะถูกเรียกว่า OTA เพราะฉะนั้น อะไรก็ตามที่ห้องพักของโรงแรมถูกวางขายผ่านตัวแทนโดยช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เราจะเรียกเว็ปเหล่านี้ว่า OTA
แต่เดิมคำว่า OTA ยังไม่ถูกเรียกแพร่หลายนั้น เราเรียกพวกเขาเหล่านี้ว่า B2C ย่อมาจาก “Business to Customer” ในธรุกิจเอเจนท์โรงแรมช่วงก่อน จะมีการเรียกแยกประเภทเอเจนท์เป็น B2B กับ B2C และอื่นๆ (จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนเรียกกันอยู่นะครับไม่ได้ผิดอะไร) แต่วันนี้เราจะมาคุยเกี่ยวกับ B2C หรือ OTA กัน 😊
คำว่า B2C นั้น เป็นคำที่เอเจนท์ออนไลน์ใช้เรียกตัวเอง ว่าเป็น “Business to Customer” ซึ่งต่างจากเอเจนท์ B2B ที่เป็นตัวแทนจองห้องพักโรงแรมแบบดั้งเดิม ย่อมาจาก B2B = “Business to Business”
ก่อนอื่นขออธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับ B2B ก่อน B2B มาจากคอนเซ็ป: โรงแรม ==> (ตัวแทน+กำไร) ==> ลูกค้า ซึ่งโมเดลธุรกิจแบบนี้ไม่งง ไม่ซับซ้อน เพราะหลายๆธุรกิจก็ยังดำเนินการแบบนี้อยู่
แต่ทำไมเจ้า B2C ถึงเป็น Business to Customer ได้ ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นเอเจนท์ตัวแทนเหมือนกัน ก็เพราะว่าทาง B2C ตีความคอนเซปธุรกิจแบบนี้ว่า
1
B2C : Business to Customer = (โรงแรม+ตัวแทนออนไลน์) ==> ลูกค้า จากสูตรนี้ก็จะเห็นว่าเป็น Business to Customer ได้เฉยเลยครับ 😊
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าแนวความคิดของเว็ปตัวแทนนั้นเวลาเป็นพาสเนอร์กับโรงแรม จะใช้นโยบายคือทางโรงแรมสามารถลงราคาขายในระบบของเว็ปนั้นๆได้อย่างอิสระ คือลงราคาเท่าไหร่ หรืออยากจะปรับราคาขึ้นลงตอนไหน เว็ปก็จะขายและโชว์ราคานั้นๆแบบเรียลไทม์ให้ลูกค้าได้เลย แล้วทางเว็ปก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นคอมมิชชั่นจากราคาที่โรงแรมวางขาย
เพราะฉะนั้นคอนเซปนี้จะเหมือนกับโรงแรมขายห้องเองโดยตรงให้กับลูกค้า โดยที่มีเว็ปออนไลน์ช่วยทำการตลาดให้ลูกค้าเห็นโรงแรมได้รู้จักโรงแรมได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้นนั่นเอง
แต่พอเวลาผ่านไปช่วงระยะเวลานึงโมเดลธุรกิจนี้ได้เติบโตเร็วแบบเห็นได้ชัด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบ้าง เกิดนโยบายหรือข้อกำหนดใหม่ๆบ้างระหว่างโรงแรมเองกับเว็ปออนไลน์ เลยทำให้เว็ปออนไลน์นั้นเด่นชัดในการเป็นเอเจนท์ตัวแทนทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติ เพราะฉะนั้นคำว่า OTA เลยเริ่มมาแทนที่เรียก B2C เว็ปออนไลน์ทั้งหลาย ส่วนคำจำกัดความของ B2C ในทุกวันนี้นั้นน่าจะหมายถึงเว็ปไซด์ของโรงแรมที่เป็น Official โดยตรงมากกว่า เพราะช่องทางนี้โรงแรมสามารถขายถึงลูกค้าโดยตรงได้โดยไม่มีธุรกิจไหนมากั้นกลาง
คำว่า OTA จึงถูกแทนที่เรียกเว็ปไซค์จองโรงแรมมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ครับ แต่ว่าบางคนก็ยังใช้คำว่า B2C อยู่ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรตามที่ผมบอกไว้ข้างต้น 😊
4 บันทึก
3
8
4
3
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย