7 พ.ย. 2019 เวลา 06:46 • กีฬา
เพื่อนกันไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง นี่คือเรื่องราวความสัมพันธ์ของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับแม็กซ์เวลล์ ที่คบกันยาวนานเกือบ 20 ปี
ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ย้ายจากสโมสรมัลโม่ ในสวีเดน มาอยู่กับอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในปี 2001 ตอนนั้นเขามีอายุ 19 ย่าง 20 เท่านั้น
ค่าตัวของซลาตัน อิบราฮิโมวิช คือ 8.7 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นสถิติแพงสุดของนักเตะสวีเดน
กรกฎาคม 2001 ซลาตัน บินมาถึงอัมสเตอร์ดัม เพื่อเตรียมตัวเข้าแคมป์กับทีมในช่วงปรีซีซั่น เขาพร้อมมากกับการต่อสู้ไปกับทีมใหม่
เมื่อแลนดิ้งถึงสนามบิน อิบราฮิโมวิชพบเจ้าหน้าที่ของอาแจ๊กซ์มารอต้อนรับอยู่ พร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาเลย และโชคดีมาก ที่ชายคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ทำให้ทั้งคู่สื่อสารกันได้สบาย
1
ชายคนนี้มีชื่อที่ยาวมาก จนอิบราฮิโมวิช จำไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่า เรียกสั้นๆว่า "แม็กซ์เวลล์" ก็ได้ ง่ายดี
"ฉันมาจากบราซิลนะ เพิ่งย้ายมาเหมือนกัน จากสโมสรชื่อครูไซโร่" แม็กซ์เวลล์พูด
"ฉันรู้จักสโมสรนี้" อิบราฮิโมวิชตอบ "โรนัลโด้เคยเล่นที่ครูไซโร่ไง"
เจ้าหน้าที่ของสโมสรขับรถไปส่งที่บ้านพักของนักเตะทั้ง 2 คนที่อยู่คนละย่าน โดยแม็กซ์เวลล์อยู่ในเขตอูร์เดเคิร์ก เป็นย่านชนบท ชานเมืองอัมสเตอร์ดัม ส่วนอิบราฮิโมวิชจะอยู่ที่ย่านดีเมน ซึ่งมีความเป็นเมืองมากกว่า
"ได้มาเล่นที่อาแจ๊กซ์ฉันก็ดีใจมากแล้วนะ" แม็กซ์เวลล์กล่าว ท่าทางเขาเป็นคนไนซ์ ใจดี และไม่ได้มีความทะเยอทะยานรุนแรง เหมือนนักเตะยุโรปที่อิบราฮิโมวิชเจอโดยทั่วไป แม็กซ์เวลล์ดูมีความสบายๆ และไม่มีพิษมีภัย
ทั้งสองคนคุยกันถูกคอ จากนั้นก็แลกเบอร์กันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อกันได้ ก่อนที่ทั้งคู่จะนึกได้ ว่าเออ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เจอกันที่สนามซ้อมแล้วนี่นา
อิบราฮิโมวิช ถึงที่หมาย เขาเดินเข้าไปที่บ้านพักที่สโมสรจัดไว้ให้ เป็นบ้านสไตล์ลอฟท์ หรูหรา มีทีวี 60 นิ้ว มีเตียงนอนอย่างดี
ซลาตัน เอาเครื่องเพลย์สเตชั่นของเขามาต่อกับทีวีแล้วนั่งเล่น นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาจะใช้ชีวิตโดยลำพังด้วยตัวเองคนเดียว
4
ในสมัยที่อยู่มัลโม่ เขามีพ่อแม่เพื่อนฝูง อยู่ในละแวกใกล้เคียง เขาไม่เคยต้องจัดเตรียมอะไรเองเลยสักอย่างเดียว
ตู้เย็นในบ้านไม่เคยว่างเปล่า เพราะจะมีแม่คอยซื้อของกินมาให้ตลอดเวลา
"ผมรู้สึกโดดเดี่ยวมาก ในช่วงแรกๆที่ย้ายไปอาแจ๊กซ์ ในบ้านที่ฮอลแลนด์ไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นหรือสบายใจ" อิบราฮิโมวิชเล่า
ตอนอยู่ที่สวีเดน แน่นอนว่าตู้เย็นเต็มตลอด และถ้าเขาไม่อยากกินอะไรในตู้เย็น ก็สามารถวิ่งไปใกล้ๆที่ร้านคูลาน ซึ่งมีแต่อาหารสวีเดนที่ถูกปากเขาทั้งนั้น แต่ที่นี่ รอบๆละแวกบ้านของเขา ไม่มีร้านอาหารอะไรแบบนั้นเลย
อิบราฮิโมวิชไปซ้อม แล้วก็กลับมาบ้าน นั่งเล่นเพลย์สเตชั่นในห้องที่ว่างเปล่า เขารู้สึกเหงา และไม่มีความสุขเลย
อีกหนึ่งอย่างที่อิบราฮิโมวิชตัดสินใจพลาด คือตอนย้ายทีมเขาได้โบนัสเล็กน้อยจากส่วนแบ่งค่าตัว ปรากฏว่า เจ้าตัวเอาเงินก้อนนั้นไปซื้อรถเมอร์ซีเดส เบนซ์ รุ่น SL55 ซึ่งเป็นรุ่นที่อยากได้มานานแล้ว ซึ่งราคาของเบนซ์ก็ดูดเงินเขาไปหมด จนไม่เหลือเงินในกระเป๋าอีกแล้ว
"พ่อผมด่าว่า ผมเป็นไอ้โง่ มีใครที่ไหนเอาเงินทั้งหมดที่ตัวเองมีไปซื้อรถเบนซ์ 1 คัน มันไร้สาระมาก ซึ่งก็ถูกของเขานะ แต่ตอนนั้นผมหน้ามืด มันอยากได้จริงๆก็ซื้อมาเลย โดยไม่ทันคิดถึงผลที่ตามมา"
ปัญหาคือ ที่อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม จะเริ่มจ่ายเงินเดือน เดือนแรก ในวันสุดท้ายของเดือน แต่สำหรับซลาตันนี่เพิ่งต้นเดือนเท่านั้น เขาแทบไม่เหลือเงินกินข้าวอีกแล้ว
ซลาตันโทรหาเอเยนต์ส่วนตัวที่สวีเดน ชื่อฮัสเซ่ บอร์ก และเอ่ยปากขอเงินมาใช้หน่อย ซึ่งเอเยนต์ตอบว่า นายก็ได้ส่วนแบ่งการซื้อขายแล้วนี่
"ฉันช่วยอะไรนายเรื่องนี้ไม่ได้หรอก นายต้องดูแลตัวเองแล้วนะ อิบรา" ฮัสเซ่ บอร์กกล่าวตรงๆ
ในตอนนั้นคือสถานการณ์ที่คับขัน เงินเขาก็ไม่มี แถมยังรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยวอีกต่างหาก ขอเงินเอเยนต์ก็ไม่ได้ แต่จะไปแบกหน้ายืมเงินพ่อแม่ เขาก็ทำไม่ลงอีกนั่นแหละ หรือจะให้ไปยืมเงินเพื่อนเก่าที่มัลโม่ เขาก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรี ว่าตัวเองย้ายทีมมาอยู่ในทีมใหญ่ขึ้นแท้ๆ แต่ยังต้องมายืมเงินเพื่อนเก่าที่เล่นในทีมเล็กๆอีก
ทันใดนั้นไม่รู้อะไรดลใจ เขาเกิดคิดถึงเรื่องเพื่อนชาวบราซิลที่รู้จักกันที่สนามบินขึ้นมา และใช่ เขามีเบอร์แม็กซ์เวลล์อยู่นี่นา
อิบราฮิโมวิช จึงตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาแม็กซ์เวลล์
"แม็กซ์เวลล์ ฉันมีปัญหาอยู่ตอนนี้ กำลังวิกฤติเลย" อิบราพูด "ตอนนี้ที่บ้านไม่มีเหลือแม้กระทั่งคอนเฟล็กสักกล่อง ขอฉันไปหาอะไรกินที่บ้านนายได้ไหม"
"ได้สิ แน่นอน" แม็กซ์เวลล์ตอบ "พุ่งตรงมาที่บ้านฉันได้เลย"
ในขณะที่บ้านของอิบราฮิโมวิช เป็นสไตล์ลอฟต์หรูหรา แต่บ้านของแม็กซ์เวลล์ที่อยู่ที่ย่านอูร์เดเคิร์ก จะมีความเป็นชนบทมากกว่า มีความร่มรื่น มีสวนสีเขียวสดใส
แม็กซ์เวลล์ทำอาหารให้อิบราฮิโมวิชกิน และบอกว่า นายจะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้นะ
อิบราฮิโมวิชรู้สึกดีๆกับแม็กซ์เวลล์ คือชายคนนี้ไม่เหมือนคนบราซิลโดยทั่วไป ที่จะชอบเฮฮาสนุกสนาน "เขาไม่ใช่ปาร์ตี้แอนิม่อล พวกที่ต้องท่องราตรีทุกคืน แต่เขาเป็นคนอ่อนไหวมาก และเป็นคนรักครอบครัว คือถ้ามีเวลา แม็กซ์เวลล์จะโทรกลับไปที่บราซิลตลอด"
"เขาเป็นคนดีแบบที่คุณไม่ได้เจอกันง่ายๆ คือถ้าจะบอกว่าข้อเสียของเขาคืออะไร ผมคิดว่าคงมีอย่างเดียว นั่นคือ เขาใจดีเกินไป"
แม็กซ์เวลล์อายุมากกว่าอิบราฮิโมวิชแค่ 2 เดือนเท่านั้น แต่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มาก และอิบราเองก็สบายใจที่ได้อยู่่ด้วย
จากที่ตั้งใจจะมากินข้าวแค่มื้อเดียว อิบราฮิโมวิชหอบข้าวของ มาอยู่ที่บ้านของแม็กซ์เวลล์ไปเลย
แม็กซ์เวลล์เองก็ยินดีที่จะให้อิบรามาอยู่ เพราะมันก็ดีเหมือนกันสำหรับเขา ที่จะมีเพื่อนคอยปรึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเป็นครั้งแรก
อิบรา ปูเสื่อนอนที่ห้องรับแขก ส่วนแม็กซ์เวลล์ก็นอนในห้องนอนของตัวเอง กิจวัตรของทั้งสองคน คือตื่นมาทำอาหารกินกัน จากนั้นก็ขับรถออกไปสนามซ้อมของอาแจ๊กซ์ ก่อนที่จะกลับมาบ้าน นั่งเล่นเกมเพลย์สเตชั่น และทำกับข้าวกินกันตอนเย็น
แม็กซ์เวลล์เป็นคนจ่ายเงินเองทั้งหมด เพราะตอนนั้นอิบราฮิโมวิชไม่เหลือเงินแล้ว
"มันเป็นช่วงเวลาที่ดีนะ" อิบราฮิโมวิชเล่า "เวลาเราทำอาหารด้วยกัน ก็คุยกันเรื่องเซสชั่นการซ้อมที่เกิดขึ้น และแลกเปลี่ยนเทคนิคต่างๆที่เรารู้"
"เราแชร์กัน ถึงชีวิตตอนค้าแข้งในสวีเดน กับบราซิล ชีวิตที่ผ่านมาของเราสองคนเป็นอย่างไร ผมเล่าความฝันที่จะไปให้ได้ไกลที่สุด ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพให้เขาได้ฟัง"
"ส่วนแม็กซ์เวลล์ เขาเล่าเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเรื่องครอบครัวของเขาให้ผมรู้ เขาบอกว่ามีน้องชาย 2 คน แต่คนหนึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน ก่อนที่เขาจะย้ายมาอาแจ๊กซ์ได้ไม่นาน มันเป็นปมในใจของเขาจริงๆในช่วงเวลานั้น"
ทั้งคู่เพิ่มความสนิทสนมกันมากขึ้น และจากที่อิบรา ตอนแรกจะอยู่กับแม็กซ์เวลล์แค่ 1 วัน ก็เพิ่มเป็น 1 สัปดาห์ และสุดท้ายก็อยู่ด้วยกันสองคน นานถึง 3 สัปดาห์เต็มๆ ที่บ้านแม็กซ์เวลล์
จนในที่สุดเมื่อเงินเดือนจากอาแจ๊กซ์ออก อิบราจึงค่อยกลับไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองอีกครั้ง แต่แม็กซ์เวลล์ก็ยืนยันว่า อยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เสมอ
"แม็กซ์เวลล์เป็นคนดีมากๆโดยเนื้อแท้เลย" อิบราฮิโมวิชกล่าว
"ผมชอบเขาจริงๆ"
แม็กซ์เวลล์ กับอิบราฮิโมวิช นอกจากจะสนิทกันนอกสนามแล้ว ในสนามพวกเขาก็เป็นพาร์ทเนอร์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ และประสบความสำเร็จด้วยกันมากมาย
ไม่รู้เป็นเพราะเหตุบังเอิญหรือเปล่า ทั้งคู่ย้ายทีมบ่อยๆ แต่ก็สุดท้ายมักจะเล่นด้วยกันตลอด
ที่่อาแจ๊กซ์ อิบราอยู่ระหว่างปี 2001-2004 ส่วน แม็กซ์เวลล์อยู่ระหว่างปี 2001-2006
อิบราย้ายไปยูเว่ ก่อนกระโดดไปอยู่อินเตอร์ มิลาน ระหว่างปี 2006-2009 ซึ่งแม็กซ์เวลล์ก็ย้ายจากอาแจ๊กซ์มาอยู่อินเตอร์ในปี 2006-2009 พอดี
จบปี 2009 ทั้ง 2 คนย้ายไปบาร์เซโลน่าพร้อมกัน อิบราอยู่กับบาร์ซ่า 1 ปี แต่แม็กซ์เวลล์อยู่ 3 ปี
ก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายไปปารีส แซงต์ แชร์กแมง พร้อมกันอีกในปี 2012 โดยอิบราอยู่ 4 ปีก่อนย้ายไปแมนฯยูไนเต็ด ส่วนแม็กซ์เวลล์อยู่ปารีส 5 ปี แล้วตัดสินใจแขวนสตั๊ด
แปลได้ว่าตลอดช่วงเวลาที่ค้าแข้งมา อิบรา กับ แม็กซ์เวลล์ เล่นด้วยกันรวม ถึง 11 ฤดูกาล
แชมป์ที่ทั้งคู่ได้ร่วมกันประกอบไปด้วย
- แชมป์พรีเมียร์ดัตช์ 2 สมัย
- แชมป์ดัตช์คัพ 1 สมัย
- กัลโช่ เซเรียอา 4 สมัย
- อิตาเลียน ซูเปอร์คัพ 2 สมัย
- ลาลีกา 1 สมัย
- สแปนิช ซูเปอร์คัพ 2 สมัย
- ยูฟา ซูเปอร์คัพ 1 สมัย
- ฟีฟ่า คลับเวิลด์ 1 สมัย
- ลีกเอิง 4 สมัย
- เฟรนช์คัพ 1 สมัย
- เฟรนช์ลีกคัพ 2 สมัย
- เฟรนช์ แชมเปี้ยนส์ โทรฟี่ 3 สมัย
รวมทั้งสิ้น 24 รายการ ที่ทั้งสองคนคว้าแชมป์ร่วมกัน ตลอดการเล่นฟุตบอลอาชีพ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มหาศาลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันไม่ได้เกิดกับสโมสรเดียว แต่เป็นแชมป์ที่ได้มาจากการเล่นถึง 4 สโมสร
สำหรับอิบราฮิโมวิช ยอมรับว่า คาดไม่ถึงเหมือนกันที่แม็กซ์เวลล์จะประสบความสำเร็จมากมายขนาดนี้
ถ้านับแค่โทรฟี่อย่างเดียว แม็กซ์เวลล์ได้เยอะกว่าอิบราฮิโมวิชด้วยซ้ำ
"บางครั้งผมก็เซอร์ไพรส์นะที่เขาเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม และได้แชมป์มากมายขนาดนี้ นั่นเพราะคนดีๆอย่างเขา ตามปกติแล้วไม่ค่อยไปไกลได้ในโลกของฟุตบอลที่โหดร้าย แต่แม็กซ์เวลล์ทำได้"
ตลอดการค้าแข้ง อิบราฮิโมวิช จะเป็นพวกเลือดร้อน ส่วนแม็กซ์เวลล์จะใจเย็นกว่า
หลายๆครั้งที่อิบราน็อตหลุด แต่แม็กซ์เวลล์ก็จะมาให้สัมภาษณ์ในเชิงปกป้อง เพื่อไม่ให้อิบราโดนถล่มแรงจนเกินไปนัก
ในความรู้สึกของ แม็กซ์เวลล์ ที่มีกับอิบราฮิโมวิช เขาไม่ได้มองอิบราเป็นสตาร์ระดับโลกจอมอหังการ เพราะสำหรับเขา อิบรา ไม่ได้เปลี่ยนไป จากเด็กหนุ่มที่เจอกันที่สนามบินในปี 2001
ในวันนั้นเคยช่วยเหลือดูแลอย่างไร พอโตขึ้นมาก็อยากช่วยเหลือเหมือนเดิม
"ภาพลักษณ์ของอิบราฮิโมวิชที่ทุกคนรับรู้ มันไม่ได้สะท้อนความจริงเท่าไหร่ เขาเป็นคนเรียบง่ายกว่าที่คิดนะ และเป็นคนรักครอบครัวมากๆด้วย" แม็กซ์เวลล์กล่าว
ทั้งคู่มีความเชื่อใจกันมากในสนามฟุตบอล และในชีวิตส่วนตัว จนในเวลาต่อมา ตอนที่อิบราฮิโมวิชเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง Cirooo SLR ก็ได้เชิญแม็กซ์เวลล์มาเป็นหุ้นส่วนด้วย
ปัจจุบัน อิบราฮิโมวิชยังคงค้าแข้งอยู่ที่เมเจอร์ลีก สหรัฐฯ กับแอลเอ กาแล็กซี่ ขณะที่แม็กซ์เวลล์ ทำงานเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการกีฬาอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรสุดท้ายที่เขาค้าแข้งด้วย ในอนาคตทั้ง 2 คน อาจได้โอกาสร่วมกันอีกในทางใดทางหนึ่ง
แม็กซ์เวลล์ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของเขาสองคนว่า
"เราทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่ยังเป็นเด็กมากๆ แต่ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 20 ปี เราทั้งสองคนต่างมีครอบครัว และเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม"
"ครอบครัวของเรา ภรรยา และลูกๆ ต่างเป็นเพื่อนกันทั้งหมด ความผูกพันระหว่างผมกับเขา จะคงอยู่ไปตลอด แม้เราจะเลิกเล่นฟุตบอลไปแล้วทั้งคู่ ผมมั่นใจเลย"
และนี่คือเรื่องราวของซลาตัน กับ แม็กซ์เวลล์ สองคนสองขั้ว ที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย คนนึงเป็นยุโรป คนนึงเป็นอเมริกาใต้ คนนึงเป็นกองหน้า คนนึงเล่นแบ็กซ้าย คนนึงเลือดร้อน คนนึงใจเย็น แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้
คนจะเป็นเพื่อนกัน ไม่จำเป็นต้องมีความเหมือนกันไปเสียทุกอย่าง
ขอให้มีความจริงใจ ห่วงใยและ ปรารถนาดีต่ออีกคนโดยไม่มีอะไรแอบแฝง แค่นี้ มิตรภาพก็เกิดขึ้นได้แล้ว
#IBRAHIMOVIC #MAXWELL
โฆษณา