8 พ.ย. 2019 เวลา 11:51 • ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่าสามก๊ก EP25 หยุดลงเพียงครึ่งทาง (สามศึกหลังเซ็กเพ็กของโจโฉ)
เนื้อหายาวไป มีคลิปเสียงเล่าให้ฟังครับ
หลังจากจบลงด้วยความพ่ายแพ้ที่เซ็กเพ็ก โจโฉก็ยังมีการเคลื่อนไหว คิดขยายอำนาจอยู่ โดยสิ่งที่โจโฉทำนั้นในเรื่องใหญ่ๆ มีอยู่สามเรื่องด้วยกัน ก็คือ
1. กำจัดม้าเฉียวและหันซุย 2. บุกกังตั๋งรบซุนกวนอีกครั้ง 3. ปราบเตียวฬ่อที่ฮั่นต๋ง แต่ อ.อี้จงเทียนแสดงความคิดเห็นว่าเป็นเพียงการทำศึกเพียงแค่ครึ่งๆ กลางๆ เท่านั้น
ครั้งแรกคือ กำจัดม้าเฉียวและหันซุย
ซึ่งกับกลุ่มที่มีอิทธิพลครอบครองดินแดนแถบ “กวนจง” อยู่ก็คือ “ม้าเฉียว”กับ”หันซุย” โจโฉก็คิดยกทัพเปิดศึกกับม้าเฉียวและหันซุยเพื่อที่จะขยายอำนาจมาในเขต “กวนจง” แต่ก็ไร้ซึ่งเหตุผลข้ออ้างในการทำศึก โดยในขณะนั้นม้าเฉียวและหันซุย ยังคงอยู่ในตำแหน่งข้าราชสำนักฮั่นและก็ไม่มีทางทีจะแสดงตัวเป็นกบฏต่อราชสำนัก แต่กระนั้น ด้วยความเข้มแข็งและอิทธิพลของม้าเฉียวกับหันซุยนั้นมีมากในแถบกวนจง โจโฉก็จำเป็นที่จะต้องกำจัดม้าเฉียวและหันซุยให้ได้ และเพื่อให้มีเหตุข้ออ้างในการทำศึก โจโฉจึงใช้อุบายบีบให้ม้าเฉียวและหันซุยก่อกบฏ
โดยในปีเจี้ยนอันศกปีที่ 16 ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หลังจากศึกเซ็กเพ็ก 2 ปี โจโฉสั่งให้เคลื่อนทัพไปตะวันตกเพื่อไปปราบเตียวฬ่อ ซึ่งดินแดนของเตียวฬ่อนั้นอยู่ที่ฮั่นต๋ง และการที่โจโฉจะไปตี “ฮั่นต๋ง” แต่ให้สั่งเดินทัพผ่าน “กวนจง” ดินแดนของม้าเฉียวและหันซุย
เมื่อทัพของโจโฉมาถึง “กวนจง” ม้าเฉียวกับหันซุย็ไม่ยอมให้ผ่าน ด้วยกลัวว่าจะเป็นอุบายของโจโฉในการยึดดินแดนของตนเอง และเป็นไปตามที่โจโฉคาดการณ์ไว้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุในข้ออ้างทำศึกเพื่อปราบม้าเฉียวและหันซุย ทั้งสองทัพจึงเตรียมพร้อมเปิดศึก เพื่อทำสงครามชี้ขาดกัน
แต่ศึกครั้งนี้กลับไม่ง่ายอย่างที่โจโฉคิดอ่านไว้ ในการปะทะกันครั้งแรก ทัพโจโฉถูกม้าเฉียวตีแตกพ่ายยับเยิน แทบจะเอาชีวิตไม่รอด โจโฉจึงเปลี่ยนยุทธวิธีตรึงกำลังไว้ไม่ยอมออกรบ ฝ่ายม้าเฉียวและหันซุยกลัวศึกครั้งนี้จะยืดเยื้อ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับฝ่ายของตนเอง จึงเสนอเงื่อนไขเพื่อยุติสงคราม โดยการแบ่งดินแดนบางส่วนของตนเองให้กับโจโฉ และยอมให้คนในตระกูลของตัวเองนั้นเป็นตัวประกันอีกด้วย
เมื่อได้รับข้อเสนอเช่นนี้ โจโฉจึงได้ไตร่ถามกาเซี่ยงว่าคิดเห็นเป็นเช่นไร ฝ่ายกาเซี่ยงตอบว่า “แกล้งยอมรับ ยุแยงให้แตกกัน” โจโฉได้ฟังดังนั้นเข้าใจความหมายของกาเซี่ยงในทันที ว่ากลยุทธของกาเซี่ยงในครั้งนี้ คือการยุแยงให้ม้าเฉียวและหันซุยแตกคอกัน
อ.อี้จงเทียน อธิบายเพื่อเติมในตอนนี้ว่า กลยุทธของกาเซี่ยงนั้น เป็นกลยุทธที่ดีและใช้ในเวลาที่เหมาะสมมาก เพราะสิ่งที่น่ากลัวมากที่สุดของทัพพันธมิตรที่ร่วมกันทำศึกนั้น ก็คือ “ผู้นำทัพแตกแยกกัน”
ด้วยแต่เดิมนั้นม้าเท้งพ่อของม้าเฉียว แม้จะเป็นเพื่อนกับหันซุยแต่เก่าก่อน แต่ก็เคยมีความบาดหมางกกันด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนนั้นโจโฉเอง ก็ได้เป็นตัวกลางในการปรับความเข้าใจ จนกลับกลายมาเป็นพันธมิตรกันใหม่อีกครั้ง ดังนั้นความสัมพันธ์ของม้าเฉียวกับหันซุยนั้น ก็ยังมีความเปราะบางหวาดระแวงกันอยู่
และระหว่างที่สองทัพต่างตรึงกำลังกันอยู่ โจโฉได้มีโอกาสพบกับหันซุย โดยทั้งสองต่างก็ขับม้าออกมาหน้าทัพ พบกันตรงกลางระหว่างสองทัพพอดี กับการพูดคุยกันในครั้งนี้ เรียกได้ว่าม้านั้นกระหนาบข้างกันแบบใกล้ชิดมาก และก็คุยกันนานกว่าหนึ่งชั่วยาม(ประมาณ 2 ชั่วโมง) ซึ่งก็ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร โจโฉนั้นชวนหันซุยคุยแต่เพียงเรื่องในอดีตทั่วๆไป คุยไปหัวเราะไป พอคุยเสร็จก็แยกย้าย และเมื่อม้าเฉียวไตร่ถามหันซุยว่า “คุยกับโจโฉเรื่องอะไรบ้าง” หันซุยตอบเพียง “มิได้มีเรื่องอะไร” ซึ่งกับความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ได้มีเรื่องคุยอะไรตามที่หันซุยว่า แต่เรื่องนี้กลับสร้างความหวาดระแวงให้กัยม้าเฉียวเป็นอย่างมาก
หลังจากกนั้นผ่านไปสามวัน หันซุยจึงขอนัดพบกับโจโฉอีก คราวนี้นั้นให้ม้าเฉียวไปพร้อมกันด้วย แต่ฝ่ายของโจโฉนั้น กับแสดงท่าทีไม่เหมือนกับวันวาน โจโฉสั่งตั้งแถวทหารติดอาวุธท่าทางพร้อมออกรบ และขนาบข้างมี “เคาทู” องครักษ์คนสนิท หน้าตาเคร่งขรึมจ้องมองม้าเฉียว บรรยากาศตรึงเครียด แสดงออกอย่างชัดเจนว่าการพูดคุยทั้งสองครั้งนั้นแตกต่างกัน
ต่อมาหลังจากนั้น โจโฉจึงได้เขียนจดหมายให้หันซุยฉบับนึง เนื้อหาในจดหมายเป็นอย่างไรไม่มีบันทึกไว้ มีเพียงแต่บอกว่าโจโฉนั้น ได้เขียนสะเปะสะปะ มีรอยขีดฆ่าเต็มไปหมด เนื้อหากำกวม ไม่ชัดเจน ซึ่งจดหมายฉบับนี้โจโฉคาดการณ์ไว้แล้วว่า ม้าเฉียวต้องได้เห็นแน่นอน จนทำให้ความหวาดระแวงของม้าเฉียวต่อหันซุยมีมากขึ้น จนความเป็นพันธมิตรแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ โจโฉจึงเริ่มโจมตี และเป็นการรบเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำให้กองทัพของม้าเฉียวและหันซุยแตกพ่ายยับเยิน แต่โจโฉกลับตัดสินใจไม่ตามตีม้าเฉียวและหันซุยต่อ ในศึกนี้ จึงหยุดไว้เพียงแค่นี้เท่านั้นเอง
ครั้งที่สอง บุกกังตั๋งรบซุนกวนอีกครั้ง
หลังจากเอาชนะม้าเฉียวและหันซุยได้ โจโฉจึงคิดแก้เค้นซุนกวน โดยก่อนเปิดศึกกับซุนกวนนั้น โจโฉเขียนจดหมายถึงซุนกวนฉบับนึง เนื้อหาเสนอให้ซุนกวนสังหารเล่าปี่ แลกกับการให้ซุนกวนนั้น ได้ครอบครองดินแดนแถบเจียงตงไปตลอด และทางราชสำนักจะให้บรรดาศักดิ์แก่ซุนกวนเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งซุนกวนไม่เห็นด้วย และปฏิเสธข้อเสนอของโจโฉไป ดังนั้นเจี้ยนอันศกปีที่ 17 โจโฉยกทัพสี่แสนด้วยตนเองลงใต้อีกครั้งคิดปราบซุนกวน
อ.อี้จงเทียน อธิบายในตอนนี้ว่า โจโฉในศึกครั้งนี้นั้น เตรียมตัวไม่พร้อมเมื่อเทียบกับซุนกวน ทำให้จึงตกเป็นรองต่อฝ่ายซุนกวน ทำได้เพียงรักษาค่าย ตรึงกำลังไว้ไม่ยอมออกรบ
วันนึงว่ากันว่า ซุนกวนล่องเรือไปลำนึง เข้าไปรอบๆค่ายของโจโฉ ตามบันทึกเชิงอรรถสามก๊กของ “เผยซงจือ” กล่าวว่า เมื่อซุนกวนแล่นเรือเข้าไป โจโฉจึงสั่งให้ยิงเกาทัณฑ์เป็นจำนวนมาก จนเรือของซุนกวนเอียงไปด้านนึง ซุนกวนจึงสั่งให้หันเรือไปอีกข้าง แต่โจโฉก็ยังไม่หยุดยิง จนทำให้เรือซุนกวนกลับมาสมดุลย์ แล้วจึงหันหัวเรือกลับค่ายไป ซึ่งในตอนหลังจึงเป็นต้นกำเนิดของ“กลเรือฟางยืมเกาทัณฑ์”ในศึกเซ็กเพ็กของหลอกว้านจง
กับความกล้าหาญของซุนกวนในครั้งนี้ จนเกิดประโยคอันโด่งดั่งจากโจโฉว่า “หากมีบุตรให้เป็นดั่งซุนจ้งโหมว(ซุนกวน)” และแม้ว่าสถานการณ์ยังคงตรึงกำลังกัน ไม่ได้เห็นถึงการแพ้ชนะ แต่โจโฉจึงสั่งให้ถอยทัพ ในปีเจี้ยนอันศกที่ 19 จึงเรียกได้ว่า เป็นการหยุดทำศึกไว้เพียงแค่ครึ่งทางอีกเป็นครั้งที่สอง
ครั้งที่สาม ปราบเตียวฬ่อที่ฮั่นต๋ง
ซึ่งในตอนนี้ ทางด้านฝ่ายของเล่าปี่นั้น ยึดได้ “เสฉวน” ของเล่าเจียงแล้ว และเพื่อป้องกันการขยายอิทธิพลของเล่าปี่ ดังนั้นเจี้ยนอันศกปีที่ 20 โจโฉจึงยกทัพอีกครั้ง ปราบเตียวฬ่อเพื่อยึด “ฮั่นต๋ง”ไว้ ซึ่งในขณะนั้นโจโฉอายุได้ 61 ปีแล้ว
และก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับโจโฉในศึกครั้งนี้ คือทำศึกเพียงไม่เท่าไรเตียวฬ่อก็ยอมแพ้โจโฉ ทำให้โจโฉสามารถพิชิต“ฮั่นต๋ง”ได้ ด้านนึงทำให้ให้ฝ่ายของเล่าปี่ไม่สามารถขยายอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น อีกด้านนึง “ฮั่นต๋ง” ก็เปรียบเหมือนประตูเปิดไปสู่ดินแดน “จ๊ก” ของเล่าปี่ ที่โจโฉสามารถที่จะเข้าโจมตีกำจัดเล่าปี่ได้
จึงมีคำแนะนำจากที่ปรึกษา 2 คนของโจโฉ เสนอว่า นี่คือโอกาสที่จะยึดดินแดน “จ๊ก” คนนึงก็คือ “เล่าหัว” และอีกคนก็คือ ”สุมาอี้” แต่โจโฉกลับไม่ฟัง ตาม”บันทีกแคว้นจิ้น” ในประวัติเซวียนตี้(สุมาอี้) โจโฉกล่าวว่า “คนเรานี่โลภไม่พอ ได้หล่งจะเอาสู่(จ๊ก)” แล้วโจโฉออกคำสั่งถอยทัพกลับเมืองเย่ ไม่โจมตีเล่าปี่ต่อ
ฝ่ายเล่าปี่เดิมทีอยู่ที่ชายแดนเกงจิ๋ว กำลังรบแย่งชิงดินแดนเกงจิ๋วกันกับซุนกวน แต่เมื่อได้ยินข่าวว่าโจโฉได้ “ฮั่นต๋ง” ซึ่งสำหรับเล่าปี่แล้ว คนที่เล่าปี่กลัวมากที่สุดก็คือ “โจโฉ” เล่าปี่จึงรีบเจรจาขอยุติสงครามแบ่งดินแดนกับซุนกวนทันที เพื่อกลับ “เฉิงตู”เตรียมพร้อมป้องกันโจโฉ
แต่เมื่อมาถึง “เฉิงตู” โจโฉกลับถอยทัพกลับเมืองเย่ไปแล้ว เล่าปี่จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะยึด “ฮั่นต๋ง” มาเป็นของตนเอง โดยที่ปรึกษาคนสำคัญคนนึงของเล่าปี่ ชื่อ “หวดเจ้ง” กล่าวว่า “ครั้งนี้ฟ้าเข้าข้าง โอกาสมาอย่าให้สูญไป” ดังนั้นเล่าปี่ทำตามคำแนะนำหวดเจ้ง ให้จูกัดเหลียงรักษาเฉิงตู และยกทัพด้วยตนเองพร้อมให้หวดเจ้งเป็นที่ปรึกษาหวังยึด “ฮั่นต๋ง”
ซึ่งแม้ตอนหลังโจโฉจะยกทัพมาหนุน แต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว เล่าปี่ยึดฮั่นต๋งได้ และโจโฉก็ถอยทัพไป ซึ่งมีรหัสลับก็คือ “ซี่โครงไก่” นั้นเอง ส่วนเล่าปี่เมื่อได้ “ฮั่นต๋ง” รวมกับดินแดนจ๊กที่อยู่ในมือ เล่าปี่จึงได้รวบรวม
“อี้โจว” ไว้ได้ทั้งหมด สถานการณ์ในตอนนี้เล่าปี่ไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหนอีกต่อไปแล้ว จึงได้ตั้งตัวเองเป็น “ฮั่นจงอ๋อง”
ฝ่ายโจโฉหลังจากเสีย“ฮั่นต๋ง”ไป โจโฉก็ไม่เคยได้ “ฮั่นต๋ง” กลับเข้ามาอยู่ในมืออีกเลย และโจโฉก็หมดโอกาสที่จะรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นหนึ่งได้ไปตลอดกาล
แล้วเหตุใดสามเหตุการณ์นี้ โจโฉจึงได้ทำศึกเพียงครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ ไม่ยอมตัดสินให้เด็ดขาดเหมือนที่เคยผ่านมา พบคำตอบในตอนหน้า กับ EP26 “ได้คืบ เอาศอก”
ขอขอบพระคุณเนื้อหาที่
Cr : อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก ซับไทย Ong China
สามารถติดตามข่องทางอื่นๆได้ที่
อ่านบทความอื่นๆใน Blcokdit
ฟังไปดูไปในยูทูป
นอนหลับตาตะแคงฟัง
โฆษณา