9 พ.ย. 2019 เวลา 14:23 • การศึกษา
10 อันดับสัตว์หายากที่สุดในโลก
10.Red Wolf (หมาป่าแดง)
หมาป่าชนิดนี้มีขนาดเล็ก และ ผอมกว่าหมาป่าสีเทา พื้นที่ที่มันอาศัยอยู่มีขนาดถึง 1.7 ล้านเอเคอร์นับจาก ฟอลริด้า และเท็กซัส ถึง Calorina(ใหญ่กว่าป่าร้อยเอเคอร์ในหมีพูห์เป็นไหนๆ)ตอนเหนือในปี 1980 มีเพียง 20 ตัวเท่านั้นที่ไม่ใช่พันธุ์ทางปัจจุบันมีจำนวนมากถึง 207 ตัว และ 100 กว่าตัวอยู่ในพื้นที่ป่า
9.Iberian Lynx (ลิงซ์สเปน)
เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ถึงขั้นวิกฤต มีถิ่นกำเนิดในคาบสมุทรไอบีเรียในยุโรปใต้ เป็นหนึ่งในสัตว์จำพวกแมวที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากที่สุดในโลก เดิมจัดเป็นชนิดย่อยของลิงซ์ยุโรป (Lynx lynx) แต่ปัจจุบันถูกแยกออกมาเป็นชนิดต่างหาก เชื่อว่าวิวัฒนาการมาจาก Lynx issiodorensis ลิงซ์สเปนมีน้ำหนัก 15-25 กิโลกรัม ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 12.8 กิโลกรัม ตัวเมีย 9.3 กิโลกรัม ซึ่งหนักใกล้เคียงกับลิงซ์แคนาดาและบอบแคตในทวีปอเมริกา
8.Tamaraw (ควายป่าทางมารอว์)
ควายป่าทามารอว์ถูกคุกคามจากการล่าของมนุษย์และการทำลายถิ่นที่อยู่ เนื่องจากประชากรมนุษย์บนเกาะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และทำลายผืนป่าเพื่อใช้เป็นที่อาศัยและแหล่งเพาะปลูก ทำให้ควายทามารอว์ลดจำนวนลง จนปัจจุบันเหลือควายทามารอว์ไม่ถึงห้าร้อยตัวในป่าธรรมชาติ
7.Northern Hairy-nosed Wombat (วอมแบท)
สาเหตุที่ทำให้มันใกล้สูญพันธุ์ผู้เชี่ยวชาญได้คาดว่าน่าจะเป็นเพราะ การเข้ามาของมนุษย์สร้างถนนหนทาง จนทำให้การออกล่ายามค่ำคืนของมันยากเย็นมากยิ่งขึ้น จากการตรวจสอบจำนวนประชากรในปี 2003 ก็พบว่าเหล่าวอมแบทจมูกขนเหนือเหลืออยู่เพียง 113 ตัวเท่านั้น ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 196 ตัวในปี 201 เพิ่มมาอีกเป็น 230 ตัวในปี 2015 และปัจุบันก็เหลือเพียง 251 ตัวเท่านั้น!!
6. Hispid hare
หรืออีกชื่อหนึ่ง bristly rabbit พบบริเวณภูเขาหิมาลัย หูสั้น ขาหน้าและขาหลังมีขนาดไม่ต่างกันมาก เหลือเพียงประมาณ 100 กว่าตัวเท่าที่พบ
5. Javan Rhino (แรดชวา หรือ ระมาด หรือ แรดซุนดา)
แรดชนิดหนึ่งเหลือเพียงไม่ถึง 60 ตัวพบได้ในอินโดนิเซียและเวียดนาม มันถูกผู้คนในท้องถิ่นล่าเพื่อนำเขาของมันไปขาย หรือทำยา มันเสี่ยงต่อโรคระบาดมาก จึงเป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง
4. Seychelles Sheath-tailed Bat
ค้างคาวชนิดนี้เหลือเพียงไม่ถึง 100 ตัวในโลก พบในเกาะ Seychelles ในหมู่เกาะมาดากัสการ์ ปัจจุบันต้องการการสำรวจวิจัยว่าพวกมันมีการกินอยู่อย่างไร เราต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อที่จะเพิ่มจำนวนของมัน ด้วยการมุ่งจะเพิ่มจำนวนของมันอย่างหนัก ในระยะยาวอาจเพิ่มได้ถึง 500 ตัว
3. The Vancouver Island Marmot
1
กระรอกมาร์มอทชนิด นี้พบในภูเขาสูงของเกาะแวนคูเวอร์ เคยมีจำนวนต่ำกว่า 75 ตัว ในปี 2005 ได้รับการเพาะพันธุ์จนมีจำนวน 150 ตัว(รวมตัวอ่อน) เป้าหมายที่คาดสูงสุดคือการจะทำให้มันมีจำนวนถึง 400 ตัว
1
2. Baiji (โลมาแม่น้ำจีน)
มีผู้เห็นโลมาแม่น้ำจีนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 2004 ก่อนหน้านั้นโลมาแม่น้ำจีนตัวผู้ชื่อ "ชีชี" (淇淇) ที่สถาบันไฮโดรไบโอโลยีแห่งอู่ฮั่น เลี้ยงไว้ตายลงเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2002 ซึ่งชีชีเป็นโลมาแม่น้ำจีนที่ชาวประมงจับได้โดยบังเอิญในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 1980 มีความพยายามของนักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันแห่งนี้ที่จะผสมพันธุ์กับโลมาแม่น้ำจีนตัวเมียหลายต่อหลายครั้ง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งได้มีการเก็บรักษาเซลล์ของชีชีไว้เพื่อที่ทำการโคลนนิ่ง
และเมื่อปี ค.ศ. 2007 มีนักสำรวจกลุ่มหนึ่งได้ล่องเรือสำรวจโลมาแม่น้ำจีน ไม่ปรากฏพบเจอหรือร่องรอยเลย จึงเชื่อว่าได้สูญพันธุ์เป็นที่เรียบร้อยจากโลกนี้แล้ว
1.The Pinta Island tortoise (จอร์จผู้เดียวดาย)
จอร์จถูกพบในปี 1972 ที่เกาะพินต้าในหมู่เกาะกาลาปากอส และถูกย้ายไปอยู่ที่สถาบันการค้นคว้า ชาร์ลส ดาร์วิน ซึ่งจากการคาดการณ์ มันน่าจะมีอายุราว 90 ปี และมีน้ำหนัก 90 กิโลกรัม โดยเป็นเต่ากาลาปากอสกินพืช ที่มีลักษณะคอยาว และกระดองหนาคล้านอานม้า
นักอนุรักษ์กล่าวว่า ในบรรดาเต่ากาลาปากอสที่เคยมีบนโลก 14 ชนิด จอร์จเป็นหนึ่งใน 3 สายพันธุ์ที่ยังเหลือรอด และมันก็เป็นตัวสุดท้าย ซึ่งก็หมายความว่า หากจอร์จลาโลกนี้ไปแบบไร้ทายาท ก็เป็นอันว่ามนุษย์จะไม่มีโอกาสได้เห็นเต่าชนิดนี้ แบบตัวเป็น ๆ
ดีเอโก้ ชิเนอรอส นักสัตววิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กล่าวว่า เต่าเพศเมียทั้งสองตัว ที่ได้รับการคัดเลือกให้จอร์จ เป็นสายพันธุ์ที่ใกล้เคียงที่สุดที่เหลืออยู่ โดยนักวิจัย ใช้วิธีตรวจสอบโครงสร้างทางพันธุ์กรรม หรือ ดีเอ็นเอ เพื่อเพิ่มความเป็นไปได้ในการสืบพันธุ์
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่นักวิจัยใช้วิธีการจับคู่ให้จอร์จผู้เดียวดาย พวกเขาพยายามกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง เพราะจอร์จไม่เคย เฉียดเข้าใกล้แม่เต่าเหล่านั้นเลย ดังนั้น หากการจับคู่ในครั้งนี้ ไม่เป็นผล นักวิจัยต้องเตรียมหาวิธีพิทักษ์เผ่าพันธุ์เต่ากาลาปากอส วิธีอื่นมารองรับ ซึ่งหนึ่งในวิธีต่างๆ คือ การโคลนนิ่ง
ปัจจัยที่รุกรานและเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เต่ากาลาปากอสสูญพันธุ์ ก็คือมนุษย์ โดยในอดีต ชาวประมงที่เดินเรือหาปลาในแถบหมู่เกาะกาลาปากอส นิยมจับเต่าเพศเมียเพื่อนำไปเป็นอาหาร โดยพวกมันจะออกไข่จำนวนมาก ต่อมาเมื่อเต่าเพศเมียเหลือน้อยลง ก็เริ่มนำเต่าเพศผู้ไปเป็นอาหาร จนเต่ายักษ์เริ่มสูญพันธุ์
ขณะที่ในปัจจุบัน สื่อต่างประเทศรายงานว่า เหลือเต่ากาลาปากอสอยู่บนโลกราว 20,000 ตัว โดยตัวเลขอาจจะดูเหมือนมาก แต่ข้อมูลที่น่าใจหายก็คือ ในจำนวนดังกล่าว ไม่มีเลยสักตัว ที่มีพันธุ์เดียวกับ 'จอร์จ ผู้เดียวดาย' เพราะมันเป็นตัวสุดท้าย และอาจจะเป็น The end of the line ปลายทางของสปีชีส หรือ การสิ้นสุดสายพันธุ์
หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
โฆษณา