9 พ.ย. 2019 เวลา 14:36 • บันเทิง
MovieTalk หนังชนโรง: 
Midway ‘มิดเวย์’ ยุทธนาวีพลิกโลก
หลังจากปล่อยให้โลกเจอทั้งภัยพิบัติ ทั้งการรุกรานจากเอเลียส์มหึมา และสัตว์ประหลาดยักษ์ ผู้กำกับตัวจริงเรื่องปิ้งโลก โรแลนด์ เอมเมอริช ขอพาคนดูย้อนอดีตไปพบกับความหายนะอีกครั้ง แต่ภัยในครั้งนี้มาจาก “ภัยสงคราม” อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงของยุทธนาวีพลิกโลก “มิดเวย์”
ภายใต้ความคุกรุ่นไฟสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาที่เลือกจะวางตัวนิ่งเฉย ต้องเจอการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแล่บของกองทัพญี่ปุ่น ที่โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์
จนพินาศสิ้น ความเสียหายนั้นมากพอที่จะกระตุ้นให้ยักษ์หลับต้องตื่นขึ้นมา
เข้าร่วมสงครามโลก
พลเรือเอกเชสเตอร์ นิมิตซ์ ได้รับแต่งตั้งให้ผู้บัญชาการกองทัพเรือ เพื่อตอบโต้ นายพลนิมิตซ์เลือกจะเชื่อถือข่าวกรองจาก เอ็ดวิน เลย์ตัน ที่มั่นใจว่าญี่ปุ่นจะนำกำลังตอบโต้อีกระลอกหนึ่ง โดยผ่านทางมิดเวย์ซึ่งเป็นด่านหน้าสำคัญ ด้วยกำลังพล และอาวุธยุธโปกรณ์ที่เป็นรองกับฝ่ายญี่ปุ่น บรรดาเหล่าทหารหาญอเมริกัน ที่นำโดย เสืออากาศคะนองศึก ดิ๊ก เบสท์, เวด แม็คคลาสกี้ พร้อมกับผองเพื่อน มีแค่เพียงหัวใจรักชาติที่พร้อมจะขับเครื่องบินออกไปสู่ยุทธนาวีมิดเวย์ ที่จะพลิกโฉมหน้าของโลกนี้
นับเป็นครั้งที่สอง สำหรับการทำหนังภายใต้บรรยากาศสงครามจากอดีต (ครั้งแรกใน The Patriot) โรแลนด์ เอมเมอริช ที่ตั้งใจจะทำหนังสงครามมิดเวย์ต่อจากหนังกิ้งก่ายักษ์ปลอมเป็น Godzilla (1998) แต่เมื่อเสนอทุนสร้างมากกว่า $100 ล้าน และมีญี่ปุ่นเป็นผู้ร้าย ให้แก่สตูดิโอโซนี่พิคเจอร์ส ที่มีนายทุนสัญชาติญี่ปุ่น มันจึงเป็นโปรเจ็กส์ที่ไม่มีทางได้เกิดอย่างแน่นอน
กระทั่ง 20 กว่าปีผ่านไป เอมเมอริช ปั่นฝุ่นกลับมาทำอีกครั้ง โดยมี เวส ทูก ทำหน้าที่เขียนบทโดยอ้างอิงจากเหตุการณ์จริง บุคคลจริง แล้วใส่ดรามาให้แก่บรรดาตัวละครในหนัง ที่ต่างก็มีบทบาทและช่วงเวลาสำคัญของตนเอง ซึ่งหากจะว่าไป Midway ของ เอมเมอริช ก็เหมือนงานภาคต่อของ Pearl Harbor (2001) ของ ไมเคิล เบย์ นั่นเอง เรียกได้ว่าถ้าเอาหนังสองเรื่องมาเปิดดูก็แทบจะดูต่อเนื่องกันได้เลย
ซึ่งบางทีนั่นคือข้อเสียก็ว่าได้ ฉากสงครามบนน่านฟ้า และยุทธนาวี ขาดความสดใหม่ ตื่นตา ตื่นใจ จนแทบจะไม่ได้มีอะไรต่างกับที่ดูไปแล้วใน Pearl Harbor นอกจากซีจีที่พัฒนามากขึ้น เนียนตามากขึ้น และแอ็คชั่นศึกน่านฟ้าของ ดิ๊ก เบสท์ ที่แสดงโดย เอ๊ด สไคน์ เท่านั้นที่พอจะมีลูกเล่นอะไรให้คนดู ซึ่งไม่แน่ใจว่า ไอ้การบินไต่ระดับแล้วจงใจปิดเครื่องยนต์ให้เครื่องบินตกก่อนกดปุ่มเปิดเครื่องใหม่ มันทำเอาเท่ หรือใช้งานจริงได้ (บางทีอาจต้องวานให้นักบินตีลังกาอย่าง เดี๊ยม มาตอบให้หน่อยนะงับ...งับ) ยังไม่นับพระเอกของเราแขวนพระรอดรึเปล่า ถึงไม่เคยแม้จะโดนยิงถาก ๆ เลย
และก็เป็นธรรมเนียมในหนังของเอมเมอริช ที่จะต้องมีบรรดาตัวละครอันหลากหลาย โดยมีช่วงเวลาเด่น ๆ ของตนเองให้คนดูได้จำ ก่อนจะเล่าคนต่อไป และต่อไป โดยที่บรรดาแคแร็กเตอร์เหล่านั้นทำหน้าที่ขับเคลื่อนไปสู่ฉากหายนะที่ถูกวางไว้
ถือเป็นหนังรวมดาวนักแสดง (เคย) ดัง, (เกือบ) ดัง และล้วนแล้วแต่ฝีไม้ลายมือทางการแสดงไว้ใจได้เสมอ โดยนักแสดงเหล่านั้นภายใต้การเมคอัพและการแสดงให้คล้ายกับบุคคลจริงเข้าไว้ ไล่กันตั้งแต่ วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ที่เคยร่วมงานกับเอมเมอรริชใน 2012 รับบทนายพลเชสเตอร์ นิมิตซ์ , เดนนิส เควด ที่กลับมาร่วมงานกับเอมเมอริชหลังจาก The Day After Tomorrow รับบทเป็นกัปตันคุมเรือ วิลเลี่ยม
ฮาลซีย์, แอรอน เอ็กฮาร์ท ในบท เจมส์ ดูลิตเติ้ล ที่นำหน่วยบินไปถล่มญี่ปุ่นถึงถิ่น
ส่วนนักแสดงนำสำคัญของหนัง ไล่กันตั้งแต่ เอ๊ด สไคลน์ ที่ได้บทดราม่าแอ็คชั่นเป็นชิ้นเป็นอันเสียที กับการสวมบทเป็น ดิ๊ก เบสท์ เสืออากาศจอมแหกกฎ หวังว่านี่จะทำให้สไคน์ได้ไปไกลกว่าเดิมเสียที แต่เท่าที่ดูทรงแล้ว ทำไมเห็นหน้าเจ้าตัวแล้วนึกถึงว่าเป็นตัวร้ายทุกที
อีกคนที่ได้บทเด่นกับเขาเหมือนกันก็คือ แพทริก วิลสัน เป็น เอ็ดวิน เลย์ตัน ทหารประจำฝ่ายข่าวกรอง ที่วิลสันดูดีเกินหน้าเลย์ตันตัวจริง
ลุค อีแวนส์ เป็น เสืออากาศ เวด แม็คคลัสกี ที่บทหนังเหมือนจะให้ปีนเกลียวกับดิ๊ก แต่ก็เหมือนว่าจะลืม ๆ ไประหว่างที่หนังดำเนินเรื่อง
ฝ่ายแม่บ้านทหารเรือ ที่ได้ แมนดี้ มัวร์ มาสวมบทเป็น แอนน์ เบสท์ มีบทตามน้ำในฐานะแนวหลังที่เป็นกำลังใจของพระเอก
นิก โจนาส จาก Jumanji เป็น บรูโน่ กายโด และ คีแอน จอห์นสัน เป็น เจมส์ เมอร์เรย์ นักบินร่วมของดิ๊ก เบสท์
ฝ่ายที่ถูกยัดเยียดให้เป็นผู้ร้าย อิซูชิ โตโยกาวะ เป็น อิโซโรกุ ยามาโมโตะ ผู้ร่างแผนยุทธนาวีถล่มมิดเวย์ ถือเป็นนักแสดงที่ออกมาแต่ละฉาก ก็รู้ว่าเป็นระดับบอส เล่นน้อยแต่ได้มาก และ ทาดาโนบุ อาซาโนะ เป็น ทามอน ยามากุชิ นายทหารคุมกองเรือในแบบพิมพ์นิยมเลือดบูชิโดที่เราเห็นเป็นประจำ
โดยส่วนตัวแล้วไม่แน่ใจว่าต่อมตื่นเต้นมันตายด้านไปแล้ว หรือ หนังมันไปไม่ถึง ขนาดว่าหนังเสิร์ฟฉากแอ็คชั่นเข้ามาตลอดเวลาตั้งแต่ห้านาทีแรกของหนัง แต่ภาพตรงหน้าไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามันตื่นเต้น ต้องลุ้นกันจนหลังไม่ติดเบาะ หรือเข้าใจได้ว่า ถ้าไม่ปิ้งโลก เอมเมอริช อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับงานหนังสงคราม และยิ่งเมื่อคนดูผ่านตาภาพแบบเดียวกันจาก ไมเคิล เบย์ และ หนังสงครามโลกแบบเทพ ๆ Dunkirk ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ถ้าเอมเมอริชทำได้เท่าที่เห็น ผมให้สอบตกครับ!
อย่างเดียวที่พอจะเห็นคือ สงครามเกิดขึ้นจากความคิดของคนไม่กี่คนที่นั่งโต๊ะ แต่มันส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และจำนวนมหาศาลกับชีวิตของคนที่อยู่ในสงครามทั้งแนวหน้าและแนวหลัง
คุณค่าของหนังสงคราม คงไม่ใช่เพื่อความสนุก แต่เพื่อให้คนดูตระหนักถึงพิษภัยจากไฟสงคราม ที่นำมาแต่ความสูญเสียเสมอ
###อ่านเพิ่มเติมจากบันทึกหน้าประวัติศาสตร์โลก:
สู่ยุทธการ “มิดเวย์” สมรภูมิพลิกโลก เค้าลางหายนะของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ที่ เว็ปไซต์ ศิลปวัฒนธรรม
Midway (2019)
Directed: Roland Emmerich/Starring: Ed Skrein, Patrick Wilson, Luke Evans, Aaron Eckhart, Nick Jonas, Mandy Moore, Dennis Quaid, Woody Harrelson/Screenplay: Wes Tooke/Music: Thomas Wander, Harald Kloser/Cinematography: Robby Baumgartner/Edited: Adam Wolfe/Distributed: Lionsgate/Running time: 138 Mins./PG-13
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMDb, Wikipedia, Rotten Tomatoes, Youtube, silpa-mag.com,
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: IMDb, midway.movie, Youtube
โฆษณา