Reframing การวางกรอบความคิดใหม่
ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ในคราวก่อน ว่าจะมาเล่าให้ฟังเรื่อง เทคนิคการ วางกรอบความคิดใหม่ ให้กับคู่เจรจา ลูกค้า คู่ค้า เจ้านาย ลูกน้อง ก็แล้วแต่ เพื่อให้มันง่ายผมจะยกตัวอย่างพร้อมคำอธิบายเลยดีกว่า แต่ต้องลองไปปรับใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ หลายครั้งการสนทนาหรือการเจรา เราถูกคนในที่ประชุมให้ความเห็นที่ทำให้เรา ดูด้อยค่าลงทั้งในเชิงปริมาณ และคุณภาพ ยกตัวอย่าง
เช่นคุณถูกผู้บริหารต่อว่า เรื่องกำลังการผลิตลดลง จะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมประชุมก็คล้อยตามและเริ่มถล่มคุณ โดยปรกติเราคงจะต้องหาเหตุผลต่างๆนาๆ มาชี้แจง แต่เชื่อเถอะ โดยส่วนมากเราได้ถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ทันแก้ตัว จากผู้เข้าร่วมประชุม ดังนั้น ทางออกที่ดีกว่า คือ การตีกรอบความคิดใหม่ ให้กับทุกคน คือ “ใช่ครับ กำลังการผลิตลดลง แต่กำไรต่อหน่วยเรากลับเพิ่มขึ้น” อันนี้เรียกว่าแก้ตัวจะฟังขึ้นหรือไม่นั้น อาจไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่ถ้าเลือกใช้เทคนิคการวางกรอบความคิดใหม่คุณควรจะตอบว่า “ใช่ครับ กำลังการผลิตลดลง โดยลดลงน้อยที่สุด ถ้าเทียบกับโรงงานอื่นในอุตสหกรรมเดียวกัน ยังถือว่าเราทำได้ดีกว่าที่อื่นมาก” เทียบตัวเลขปีที่แล้วกับเทียบอุตสาหกรรมทั้งหมด การลดลงของโรงงานคุณดูเล็กไปเลย แต่ต้องระวังหน่อย มันมีเส้นบางๆอยู่ระหว่างการวางกรอบความคิดใหม่กับการแถหรือแก้ตัว ต้องใช้ให้เหมาะสม แต่สำหรับการเจราธุรกิจ นับเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่จะมีการพูดหรือตอบคำถามในลักษณะนี้
อีกตัวอย่าง เช่นเรื่องการขายสินค้า ลูกค้าติง ว่าราคาบ้านพร้อมที่ดินต่อตารางเมตรที่คุณขาย สูงกว่าโครงการในละแวกเดียวกัน แทนที่จะหาข้อแก้ตัว คุณก็สามารถบอกไปได้ว่า “แต่ถ้าเป็นโครงการในระดับพรีเมื่ยมเหมือนกันเราถูกที่สุดในจังหวัดแล้วนะครับ” ลูกค้าเทียบราคาว่าสูงในย่านนั้น เราตีกรอบความคิดใหม่ว่ามันถูกสุดในจังหวัด
ไปลองปรับใช้ดูให้เหมาะกับกาลเทศะ รับรองว่า หากเจอคนที่มองออกว่าคุณกำลังใช้เทคนิคการตอบคำถามระดับสูง เค้าจะประทับใจคุณแน่ๆ และในระดับผู้ฟังทั่วไป คุณก็จะสามารถจูงใจให้ทุกคนเชื่อในสิ่งที่คุณต้องการ จนได้ในที่สุด จนกว่าจะพบกันใหม่ครับ
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
