15 พ.ย. 2019 เวลา 11:00 • กีฬา
"ฮีโร่ของไอร์แลนด์เหนือ"
นับตั้งแต่ฟีฟ่า ประกาศให้ ไอร์แลนด์ (Republic of Ireland) และไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) ต้องแยกทีมกันอย่างเด็ดขาดในปี 1953 กินเวลาถึงตอนนี้ 66 ปี
ไอร์แลนด์เหนือ คือดินแดนที่ยังอยู่กับสหราชอาณาจักร ตลอดช่วงเวลานี้ พวกเขาเคยลงสนามเจอกับอังกฤษ ซึ่งถือเป็นพี่ใหญ่ของดินแดน ทั้งสิ้น 27 ครั้งด้วยกัน
สถิติคือ ไอร์แลนด์เหนือชนะได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น เสมอ 7 และแพ้ถึง 27 ครั้งเลยทีเดียว
ไอร์แลนด์เหนือก็เหมือนกับเวลส์ ทีมร่วม UK ที่ว่า พวกเขาจะมีนักเตะเก่งๆ โผล่ขึ้นมาประดับวงการ แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ 11 ตัวจริงแข็งแกร่งได้พร้อมๆ กัน
บางครั้งโกล์เก่ง แต่กองหลังไม่เก่ง บางครั้งแนวรุกดี แต่แนวรับไม่ดี ทำให้เมื่อต้องเจอกับทีมที่แกร่งกว่า ครบเครื่องกว่าโดยเฉพาะอังกฤษจึงมักสู้ไม่ได้
ในอดีตไอร์แลนด์เหนือ มีผลผลิตนักเตะที่เป็นผู้เล่นชั้นยอดออกมาให้โลกลูกหนังได้รับรู้ อย่าง แพ็ท เจนนิ่งส์ , สองพี่น้องแจ็คกี้ และ แดนนี่ แบลนช์ฟลาวเวอร์, มัล โดนากี้, แพ็ท ไรซ์, แซมมี่ แม็คอิลรอย และเหนือใครอื่นเทพบุตร จอร์จ เบสต์
ตำนานด้านบน ค้าแข้งให้ทีมใหญ่ในลีกอังกฤษอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล, ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส และคว้าแชมป์มามากมาย
น่าเสียดายที่พวกเขาเกิดไม่ทันยุคเดียวกัน ได้เล่นทีมชาติร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม สถิติคนทำประตูสูงสุดให้ทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ กลับไม่ใช่ยอดแข้งระดับตำนานด้านบน ไม่ใช่แม้กระทั่งจอร์จ เบสต์
นักเตะคนดังกล่าว เป็นกองหน้าที่ใช้ชีวิตในการค้าแข้งวนเวียนอยู่กับทีมกลางๆ แทบตลอด
เดวิด โจนาธาน ฮีลี่ หรือ เดวิด ฮีลี่ คือเจ้าของสถิติดาวซัลโวตลอดกาลทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ 36 ประตูจาก 95 นัด
เอ่ยชื่อนี้ แฟนผีหลายคนยังน่าจะจำกันได้ ในฐานะที่ เดวิด ฮีลี่ คือเด็กปั้นที่ครั้งหนึ่งเคยขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่สั้นๆ หลังเฟอร์กี้นำทีมคว้า 3 แชมป์หมาดๆ
ฮีลี่ เกิดใน คิลลี่ลีห์ ใน เคาน์ตี้ ดาวน์ ไอร์แลนด์เหนือในปี 1979 เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลจริงจังกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขามายังรังปีศาจแดงตั้งแต่อายุ 16 เข้ามาเป็นเด็กฝึกหัดในอคาเดมี่
1
เขาเซ็นสัญญาอาชีพกับ ยูไนเต็ด ในปี 1999 และได้โอกาสประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ของปีศาจแดง ก่อนวันเกิดครบ 20 ปีของตัวเองแค่ 4 วัน แต่ผลงานไม่ดีนัก นั่นคือทีมออกไปแพ้ต่อ แอสตัน วิลล่า 0-3 ในเกม ลีก คัพ เมื่อ 13 ตุลาคม 1999
เขาโดนส่งให้ พอร์ท เวล และ เปรสตัน ยืมตัว และกลับมามีโอกาสลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก ให้ ยูไนเต็ด แค่เกมเดียวเท่านั้น เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2000 ลงมาเป็นสำรองแทนที่ ไรอัน กิ๊กส์ ในเกมที่ทีมชนะ อิปสวิช 2-0 ก่อนย้ายไปยัง เปรสตัน แบบถาวรด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์
1
ชีวิตหลังจากนั้นของเขา ไปอยู่กับ นอริช, ลีดส์, ฟูแล่ม และล่าสุดในพรีเมียร์ ลีก คือซันเดอร์แลนด์ ในช่วงปี 2008/2011 ก่อนไปเล่นในสก็อตแลนด์กับ เรนเจอร์ส และกลับมาแขวนเกือกในปี 2012/13 กับ บิวรี่
แม้ว่าผลงานในระดับสโมสรของ เดวิด ฮีลี่ จะธรรมดาอย่างมาก แต่กับทีมชาติเขาคือตัวหลักอยู่เสมอ ติดทีมชาติครั้งแรกตั้งแต่ปี 2000 จนเลิกเล่น
นัดแรกที่ลงรับใช้ชาติ เป็นหลังจากที่เขาเล่นนัดแรกให้ปีศาจแดงได้ราว 4 เดือน และทำทันที 2 ประตู ในเกมที่บุกไปอุ่นเครื่องชนะ ลักเซมเบิร์ก 3-1
เกมเอาผลจริงจังนัดแรกที่เขายิงได้คือ เกมเสมอ เดนมาร์ก 1-1 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 เมื่อเดือนตุลาคมปี 2000
ตลอดเวลาที่้เขาตระเวนค้าแข้งไปทั่วกับสโมสรต่างๆ นับ 10 สโมสร ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้าง แต่ในนามทีมชาติ ฮีลี่ คือกองหน้าตัวหลักมาตลอด
เมื่อเทียบขุมกำลังของไอร์แลนด์เหนือยุค 90s จนมาถึง 2010s ต้นๆ ต้องบอกว่าเลิกพูดเรื่องการเข้าร่วมเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ไปได้เลย หมดสิทธิ์
กระนั้น ฮีลี่ ก็ยังพังประตูให้ทีมได้สม่ำเสมอ เขาทำสถิติ 36 ลูกจาก 95 นัด ถือว่าไม่ธรรมดาเลยกับกองหน้าของทีมระดับกลาง ค่อนไปทางเล็กอย่างไอร์แลนด์เหนือ
อย่างไรก็ตาม ประตูที่สุดยอดระดับขึ้นหิ้งบูชาจากปลายเท้าของ ฮีลี่ สำหรับชาวไอร์แลนด์เหนือทั้งประเทศแล้ว เกิดขึ้นเมื่อ 7 กันยายน 2005 ขณะที่เขาเป็นนักเตะของ ลีดส์ ยูไนเต็ด สโมสรที่จะว่าไปแล้วเขาประสบความสำเร็จด้วยมากที่สุดในฐานะนักเตะอาชีพ
เกมที่ วินด์เซอร์ พาร์ค ในเบลฟาสต์ รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 ไอร์แลนด์เหนือที่มีแต่นักเตะโนเนมเล่นในลีกรองเกือบทั้งทีม สามารถเอาชนะ อังกฤษได้ 1-0 เป็นการชนะอังกฤษหนแรกนับแต่ปี 1972 ของไอร์แลนด์เหนือด้วย
นั่นเป็นเพียง 1 ใน 3 เกมที่ไอร์แลนด์เหนือชนะอังกฤษได้ และเป็นเกมสุดท้ายที่ทั้งสองชาติเจอกันจนถึงตอนนี้
สำหรับแฟนบอลไอร์แลนด์เหนือ ไม่มีชัยชนะไหนหอมหวานกว่าการชนะอังกฤษอีกแล้ว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา