15 พ.ย. 2019 เวลา 10:51 • กีฬา
" แมนฯยูในอีก 3ปีข้างหน้า"
ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงที่แสนน่าเบื่อที่สุดของแฟนบอลอย่างพวกเรา " FIFA DAY" หรือช่วงพักเบรคทีมชาตินั่นเอง ในช่วงนี้ก็จะไม่ค่อยมีข่าวอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับแมนฯยูเท่าไหร่ เพราะนักเตะต้องไปเข้าแคมป์ทีมชาติ
แต่ล่าสุดมีข่าวหนึ่งที่ผมรู้สึกสนใจและตื่นเต้นพอสมควรก็คือการที่สโมสรประกาศแต่งตั้ง "นีล แม็คอิลาร์กี้" ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์การเสริมทัพของสโมสร.
ตำแหน่งนี้มีไว้ทำอะไรผมเองก็ยังไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้ แต่เบื้องต้นก็จะทำหน้าที่เป็นฟิลเตอร์ในการกรองนักเตะให้เหมาะสมกับทีม และระบบของโค้ชเพื่อลดความผิดพลาดในการซื้อนักเตะใหม่เข้ามา โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์นั่นแล่ะครับ
ตำแหน่งนี้สำคัญแค่ไหน?
ถ้าพูดถึงฟุตบอลสมัยนี้ก็คงต้องบอกว่าสำคัญประมาณนึงเลยครับ. เพราะการแข่งขันฟุตบอลสูงขึ้นทุกปี ทุกทีมจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของทีมตัวเองให้ได้มากที่สุดเพราะไม่เช่นนั้น อาจจะโดนคู่แข่งทิ้งห่างไปไกลได้. อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้เรามีเลสเตอร์ซิตี้เข้ามาเบียดแย่งพื้นที่ในการไปเล่นยุโรปเพิ่มขึ้นอีก1ทีมถ้าเรายังชักช้าอาจจะไม่ใช่แค่เลสเตอร์ทีมเดียวที่แซงเราขึ้นไป !!! ง
เพราะฉะนั้นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ "การซื้อตัวนักเตะ". การซื้อตัวนักเตะไม่ผิดพลาดคืออีกจุดหนึ่งที่ทำให้ทีมพัฒนาแบบก้าวกระโดด ขออนุญาตยกตัวศัตรูที่รักของเราอย่าง "ลิเวอร์พูล" แล้วกันนะครับ.
ลิเวอร์พูลคือทีมที่ซื้อตัวนักเตะได้ดีที่สุด และมีเอฟเฟคมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก ผมขออนุญาตไม่เจาะลึกลงไปในรายละเอียดแต่จะสรุปคร่าวๆให้ฟังว่า ตลอดการคุมทีมของ เจอร์เก้น คล้อปป เขาซื้อนักเตะมาทั้งหมด 13คน โดยใช้เงินอยู่ที่ 442 ล้านยูโร.
อาจจะดูว่ามันเป็นจำนวนเงินที่เยอะแต่ถ้าเทียบกับทีม big 6 ด้วยกัน ลิเวอร์คือทีมที่ซื้อนักเตะแล้วใช้งานได้จริงเยอะที่สุดใน 6 ทีม เพราะมีนักเตะที่ใช้งานได้ถึง 10คน และใช้งานไม่ได้แค่ 3 คน.
กลับมาดูแมนฯยูในยุคของ หลุยส์ ฟานกัล และ โจเซ่ มูรินโย่.
หลุยส์ ฟานกัล ใช้เงินไปทั้งหมด 352ล้านยูโร ซื้อผู้เล่น12 คน. แต่ใช้งานจริงได้แค่3คน.
โจเซ่ มูรินโย่ ใช้เงินไปทั้งหมด 446ล้านยูโร ซื้อผู้เล่น 10 คน. ใช้งานจริงได้7คน แต่7คนนี้ไม่ได้ยังคงมีเครื่องหมายคำถามเกี่ยวกับความสามารถอยู่เช่นกัน อย่างเช่น ป็อกบา ไบยี่. ที่ฟอร์มยังกระท่อนกระแท่นแถมมีอาการบาดเจ็บบ่อยอีกต่างหาก.
เราจะเห็นได้ชัดว่าประสิทธิภาพการซื้อตัวนักเตะของลิเวอร์พูลทำได้ดีมาก แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ราคาก็ไม่ได้แพงนัก. และโชว์ฟอร์มดีจนถึงปัจจุบัน อาจจะมีการทุ่มเงินซื้อ ฟานไดจ์ และ อลิซอน แต่เขาก็ขายคูตินโย่ออกไปในราคาที่สูงมากเช่นกัน.
เบื้องหลังของความสำเร็จในการเสริมทัพของลิเวอร์พูล ก็คือชายที่ชื่อว่า "เอียน เกรแฮม" ซึ่งรายละเอียดมันจะเยอะมากถ้าใครอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับเขา ผมจะแปะลิงค์ไว้ด้านล่างนะครับ แต่สรุปโดยรวมแล้ว เอียน เกรแฮม ใช้โปรแกรมในการเลือกนักเตะที่เหมาะสมนั่นแล่ะครับ.
ตอนนี้ผมยังคงตอบไม่ได้ว่า นีล แม็คอิลาร์กี้ กับ เอียน เกรแฮม เหมือนกันหรือเปล่าเพราะเขายังไม่ได้เริ่มงาน ตลาดหน้าหนาวเราจะได้ทราบกัน แต่บทความนี้ขอตีความว่าทั้ง 2คนนี้ใช้วิธีการที่คล้ายๆกันแล้วกันนะครับ
ก่อนหน้านี้แมนยูก็ได้แต่งตั้งแอนดรูว์ เมเรดิธ ให้ดำรงตำแหน่งใน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการการวิเคราะห์ข้อมูลของสโมสร (ใครอยากอ่านเรื่องแอนดรูว์ เมเรดิธ เดี๋ยวทิ้งลิงค์ไว้ให้ครับ)
จะเห็นได้ว่าโครงสร้างภายในของสโมสรเริ่มถูกปรับเปลี่ยนไปทีละนิด และนี่คือสิ่งที่โซลชาเคยพูดเอาไว้ ว่าเราต้องวางรากฐานสโมสรให้เข็งแรงเพื่อกลับไปแข่งขันกับ แมนฯซิตี้ และ ลิเวอร์พูล
แต่สิ่งหนึ่งที่เราอาจจะยังไม่ได้เห็นและอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นคือการแต่งตั้ง Director of Football หรือ DOF ซึ่งจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่า "เอ๊ด วูดเวิร์ด" ยังคงต้องการกุมอำนาจในการตัดสินใจไว้ที่ตัวเขาเช่นเดิม การแต่งตั้ง DOF มันคือการกระจายอำนาจให้คนอื่นมาคานอำนาจกับตัวของเขาเอง
คำถามก็คือแมนฯยูในอีก 3 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไรถ้าเราไม่แต่งตั้ง DOF เราจะกลับมายิ่งใหญ่ได้หรือไม่ ?
ในมุมของผมเองเชื่อว่าการแต่งตั้งบุคลากรทั้ง 2 คนนี้คือการแบ่งเบาภาระของตัวโค้ช ทำให้โซลชามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบน้อยลง และถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่อย่างน้อยเราก็เลือกที่จะจ้างบุคลากรที่มีความรู้ทางด้านฟุตบอลจริงๆสักที
แมนฯยูในอีก 3 ปีจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่าถ้าเอ๊ด วูดเวิร์ด เข้าใจบทบาทของตัวเองว่าเขาไม่ได้มีความรู้ทางด้านฟุตบอลเลย และทำตามคำขอของผู้ที่เขามีความรู้ได้ตามที่เขาขอทุกอย่าง แม้เราจะไม่มี DOF ก็ตามที แต่ผมมั่นใจว่าแมนฯยูจะกลับไปยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ถ้ามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านฟุตบอลจริงๆ
แต่ถ้าเอ๊ด วูดเวิร์ด ยังบริหารจัดการแบบเดิมๆอีก ไม่ทำตามคำแนะนำของใคร ยังคงบ้าอำนาจเหมือนที่ผ่านมา ต่อให้แต่งตั้ง DOF ไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ
ตอนนี้พวกเรา "คงทำได้เพียงแค่ภาวนา ภาวนาไปก่อน" ภาวนาให้ นีล แม็คอิลาร์กี้ทำงานของเขาได้ดี ภาวนาให้นักเตะที่ซื้อมานั้นใช้งานได้จริง และโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และที่สำคัญที่สุดคือภาวนาให้เอ๊ด วูดเวิร์ด ตาสว่างได้สักทีว่าที่แมนฯยูมาอยู่จุดนี้มันเป็นเพราะการตัดสินใจและบริหารแปลกๆของตัวเอ๊ด วูดเวิร์ดเองนั่นแล่ะ
ผมเข้าใจว่าทุกคนคงไม่เหลือความเชื่อใจในตัว เอ๊ด วูดเวิร์ด อีกแล้ว แต่ในความเป็นจริงนี่คือสิ่งเดียวที่แฟนบอลอย่างพวกเราทำได้
"แค่รอ เท่านั้นจริงๆ"
ถ้าสิ่งที่เราภาวนาเป็นจริงทุกอย่าง ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเราจะกลับมาทวงบัลลังก์ที่เคยเป็นของเราได้ในระยะเวลาไม่นาน แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
"แมนฯยูในอีก 3 ปีข้างหน้าจะเป็นยังไงน้าาา"
ปล. สำหรับใครที่อยากรู้เรื่อง เอียน เกรแฮม กดลิงค์เลยครับ ข้อมูลจากเพจ "ฟุตบอลจีเนียส" ครับ https://youtu.be/LDbGoObnXL4
ปล2. ส่วนนี้คือเรื่องของ แอนดรูว์ เมเรดิธ และ นีล แม็คอิลาร์กี้ครับ ข้อมูลจากเพจ "ดูบอลกับแนท"ครับ
นีล แม็คอิลาร์กี้ : https://www.facebook.com/1642712996030734/posts/2198567497111945?d=n&sfns=mo
โฆษณา