16 พ.ย. 2019 เวลา 16:53
ว่าต่อด้วยเรื่องการฟัง
เมื่อก่อน (น่าจะ15ปีที่แล้ว) ไม่เคยเห็นความสำคัญของการฟังเลยแม้แต่น้อย เพราะอยากพูดทุกเรื่องที่อยู่ในหัว จนมาวันหนึ่ง ต้องมาทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าขาย ต้องคุยกับลูกค้าเพื่อขายสินค้าที่มีมูลค่าหลักแสน จนถึงหลักล้าน ผลปรากฏว่า ลูกค้าท่านนั้นฟังอย่างเดียว จนเราเข้าใจว่า ลูกค้าคงตั้งใจฟัง แต่เมื่อเราพูดจบ เขากลับขอตัวไปที่อื่น ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ไม่มีการตกลงซื้อขายอะไรเลย
ตอนนั้น เราเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคุณพ่อทราบข่าว ท่านรีบกลับไปคุยกับลูกค้าคนดังกล่าวทันที และที่สำคัญลูกค้าท่านนั้นตอบตกลงทำสัญญาซื้อขายทันที ซึ่งเรางงมาก เลยถามคุณพ่อไปว่า ท่านทำยังไง ลูกค้าท่านนั้นถึงตอบตกลงทันทีที่คุณพ่อเข้าไปคุย
คุณพ่อบอกว่า... ท่านก็สอบถามว่าลูกค้าท่านนี้ มีงบประมาณในการซื้อเท่าไหร่ (ที่บ้านเราขายเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ ) นั่นก็คือ กำลังซื้อของลูกค้า นั่นเอง ตอนเราพูด เราก็ประเมินเอาเอง แล้วก็เสนอเขามากมาย เรียกว่ามีกี่รุ่นยกมาหมด บางทีพูดเยอะเกินไปหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เหมือนเราพยายามขายของมากเลย
ต่อมาคุณพ่อก็สอบถามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ส่วนใหญ่เป็นคำถามปลายเปิดซะมากกว่า บางทีก็ไม่ได้พูดเรื่องสินค้ามากมายหนัก อาจเป็นเรื่องทั่วๆไป แต่การพูดคุยของคุณพ่อกับลูกค้า จะไม่มีการบังคับซื้อหรือ ต้องบอกว่าต้องซื้อรุ่นนั้น รุ่นนี้ แต่อย่างใด ส่วนใหญ่ท่านจะฟังปัญหาของลูกค้า และคิดหาวิธีจัดการปัญหาของลูกค้า ซะมากกว่า เพื่อที่ลูกค้าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นถ้าหากเจอปัญหาที่แก้ไขได้ยาก
นี่เป็นประสบการณ์เพียงเล็กน้อย ที่อยากเล่าให้ฟังค่ะ ยังมีเรื่องราวมากมายที่เกี่ยวกับการฟังอีกมาก มาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่าน โดยส่วนตัวสนใจเรื่อง จิตวิทยา และธรรมะ มากๆค่ะ ยังไงก็จะพยายามฝึกเขียนบทความไปเรื่อยๆ นะคะ หากท่านใดติชม หรือให้คำแนะนำ เชิญคอมเมนต์ มาได้เลยค่ะ
โฆษณา