17 พ.ย. 2019 เวลา 15:12 • ธุรกิจ
หุ้น UNICORN
การลงทุนในหุ้น Super Stock สามารถให้ผลตอบแทนได้มากกว่า 10เท่า
เปรียบเสมือนม้า Unicorn เป็นเทพเจ้าในหมู่ม้า มีโอกาสเกิดได้ 1ในหลายล้าน แต่ในเวลาปรกติ มันก็จะเป็นม้าธรรมดา โง่ๆ ทำให้คนดูไม่ออก
แต่หุ้น super stock ไม่ได้มีตัวเดียว และมีโอกาสเกิดขึ้นในหลายกลุ่มธุรกิจ และมักจะมีลักษณะที่เข้าข่ายดังนี้
1.มีความสารถในการแข่งขัน โดยพิจารณาจากหลัก five froce model
-คู่แข่งมีหรือไม่ ถ้ามีคู่แข่งเข้ามา ง่ายหรือยาก
เช่นเราขายหมูปิ้ง ขายดีมาก อยุ่ๆ วันดีคืนดีก็มีคนมาเปิด ข้างๆ อย่างนี้ไม่ดีเพราะ คู่แข่งเข้ามาง่าย
-ลูกค้าต่อรองราคาได้ง่ายหรือยาก ยิ่งลูกค้าต่อรองไม่ได้เลยยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น I phone,ค่ารักษาพยาบาล เอกชน,กระเป๋าแอร์เมส เป็นต้น
-ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้สินค้าอื่นได้ง่ายหรือยาก
-Supplier มีอำนาจเหนือกว่าบริษัทหรือไม่ เช่น นึกอยากจะส่งสินค้าก็ส่ง ไม่อยากส่งก็หยุดส่งเอาดื้อๆ อ้างของขาด ขอขึ้นราคาอยู่เสมอๆ หรือไม่
-มีการแข่งขันดุเดือดแค่ใหนในกลุ่มธุรกิจนั้น อยู่ใน RED OCIAN หรือไม่
2.มี Brand ที่แข็งแกร่ง
ให้ลองหลับตาแล้วคิดถึง บริษัทเหล่านี้ดู
-เมื่อนึกถึงกลุ่มสื่อสาร ใครคือผู้นำ
-เมื่อนึกถึง ห้างสรรพสินค้า นึกถึงใครเป็นคนแรก
-เมื่อนึกถึงบริษัทที่ขายของ เกี่ยวกับบ้าน แว้บแรกคือใคร
-เมื่อเราอยากไปซื้อของกิน ของใช้ประจำเดือน ต้องไปที่ใหน
-เมื่อเราอยากหาน้ำอัดลมกินสักขวด ขนมขบเคี้ยวหรือหาข้าวกล่องกินตอนตี 3 นึกถึงใครคนแรก
-อยากกินสุกี้ ต้องไปที่ใหน
อันนี้ใช้งบการเงินตรวจสอบไม่ได้ ต้องหลับตานึกภาพเอา
3.มีหนี้สินน้อย
หนี้อาจแบ่งเป็นหนี้ที่ดี หรือหนี้มีภาระ
โดยที่งบการเงินหน้าแรกจะไม่แยก จะรวมมา หนี้2อย่างนี้
ต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงเป็นหน้าที่ของนักลงทุนต้องเจาะเข้าไปดู
-หนี้ที่ดี
เช่น เจ้าหนี้การค้า คือ Suppiler ต่างๆ ที่เราเป็นหนี้ ถ้า Brand เราแข็งแกร่ง มีอำนาจต่อรองกับ Supplier ได้ ก็จะเป็นข้อได้เปรียบ เช่น 7-eleven
สามารถ ให้ Supplier เอาของเข้ามาขายในร้านได้ แต่กว่าจะผ่านได้ก็ต้องมีมาตรฐาน นู่น นี่ นั่น พอเอาของมาลง กว่า Supplier จะเก็บตังค์ได้ก็ปาเข้าไป 3เดือน อีกทั้งของถ้าขายไม่หมด เกิดเสีย ก็ต้องรับคืนไป
แต่ถ้าเราเป็นร้านเล็กๆ อาจจะ due ไม่ได้ แบบนั้นอย่างเก่ง ก็ 15-30 วันเป็นต้น หรือต้องจ่ายเงินสด หนี้อย่างนี้ถ้ามีเยอะ ถือว่าดี เพราะเป็นข้อได้เปรียบ
-หนี้ที่มีภาระ
เช่นการกู้เงินต่างๆ ของบริษัท เพื่อนำมาลงทุนขยายงาน การกู้ก็มีหลายแบบเช่น ออกหุ้นกู้ ออกหุ้นเพิ่ม
ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และอาศัยเทคนิคในการตรวจสอบมากเกินไป เอาเป็นว่า บริษัทที่มีหนี้ส่วนนี้มากกว่า ทุนที่ตัวเองมีมากๆ ถือว่าเสี่ยง
4.มีการเติบโตของยอดขาย และกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะอยุ่ในสภาวะเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี
5.มีการเพิ่มทุนน้อยหรือไม่มีเลย
บริษัทที่ดี ควรขยายงานโดยไม่มีการเพิ่มทุน หรือขอเงินเพิ่มจากนักลงทุน
ษริษัทที่แข็งแกร่งจะขยายงานโดยใช้กำไร ในแต่ละปีมาขยายธุรกิจต่อ
และลงทุนน้อย ดังนั้นบริษัทที่มีกำไรดี ไม่มีการเพิ่มทุน หรือกู้เงิน
จึงได้เปรียบคู่แข่ง
เพราะการเพิ่มทุน จะทำให้มีจำนวนหุ้นเยอะขึ้น เมื่อตัวหารเยอะขึ้นแต่กำไรเท่าเดิม ส่วนแบ่งเราจึงน้อยลง
ข้อนี้สมารถตรวจสอบได้ ในงบการเงิน
หัวข้อ “มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว”
ถ้าตัวเลขเพิ่มแสดงว่ามีการเพิ่มทุน
ถ้าไม่เพิ่ม เท่าเดิมทุกปี แสดงว่าบริษัทแข็งแกร่ง สามารถขยายงานโดยไม่มีการเพิ่มทุน
6.ได้ซื้อในราคาที่ถูก
เมื่อพิจารณาความแข็งแกร่งของบริษัท มาทั้งหมดแล้ว
สุดท้ายจึงมาดูราคาหุ้น ว่าสมควรลงทุนหรือไม่
แต่หุ้น Super stock ส่วนใหญ่จะไม่สามารถซื้อในราคาที่ดี ต่ำๆได้บ่อยๆ
จะต้องรอให้เกิดภาวะคน panic หรือเกิดข่าวร้ายๆ หนักๆ
คนที่ถือเพื่อเก็งกำไรจะ แข่งกันเทขาย ทุกราคา เพื่อหนีตาย
นึกถึง ช่วงที่เรา มีกีฬาสี มีการปิดสนามบิน หุ้นตัวนี้ร่วงเหลือ 1.50บาท
เป็นเวลา 6 เดือน. (ข่าวว่า ในตอนนั้น มีพนักงานของ AOT มีซื้อไว้มีแค่ 4 คน 3คน ขายไปตอนราคา 2บาท และ 1 คนที่เหลือ ขายไปในราคา 3บาท) แต่ตอนนี้ ล่อไป 60-70 บาท แล้ว
จึงเป็นหน้าที่ของนักลงทุนว่าจะดูว่า ข่าวร้ายที่ว่ากระทบต่อธุรกิจแบบชั่วคราวหรือถาวร
7.ถ้าท่านต้องซื้อแล้ว มีข้อแม้ว่า ห้ามขายตลอดชีวิต ท่านจะยังคงซื้อ หุ้นตัวนี้หรือไม่ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้น หรือลง
ข้อนี้ยากสุด เพราะมันขัดกับหลักการของ ยีนส์มนุษย์
ที่ต้องเอาตัวรอด เพราะเมื่อมีเหตุการณ์ ไม่ดีอะไรบางอย่าง ที่มากระทบ
มนุษย์จะต้องหาทางออก เพื่อเอาตัวรอด ทางใดทางหนึ่ง เสมอ
เพราะมันเป็นยีนส์ที่ฝังอยู่กับมนุษย์ มาหลายหมื่นปี
และสุดท้ายที่สำคัญที่ สุด คุณได้ซื้อมันในราคา ที่เหมาะสมหรือยัง
ถ้าซื้อมาแพงก็ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ ไม่คุ้มค่าอยู่ดี
มันจึงต้องมีการรอคอย โอกาส ที่เหมาะสม และเมื่อเจอบริษัท แบบนี้แล้ว
ในราคาที่เหมาะสม ก็จงจัดให้เต็มพอร์ต โดยพลัน
โฆษณา