20 พ.ย. 2019 เวลา 03:58 • ไลฟ์สไตล์
ที่หนึ่ง = ที่สุด = ความสุข ??
คนเราส่วนใหญ่มักจะไขว่คว้าหาความเป็นที่หนึ่งและความเป็นที่สุด เหตุผลอาจจะมีหลากหลาย แต่เหตุผลหนึ่งที่เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้เพราะมีชุดความเชื่อชุดนึงที่บอกว่า เมื่อได้เป็นที่หนึ่ง เป็นที่สุดนั่นคือความสำเร็จที่จะนำพามาซึ่งทรัพย์สินเงินทองและความสุข
แล้วที่หนึ่งมันมีจริงหรือ? ที่สุดมันมีจริงหรือ ?
ในคำสอนหนึ่งของพระพุทธเจ้าท่านสอนว่า โลกอยู่ภายใต้กฏของความเป็นของคู่ ตอนที่ยังโง่อยู่ก็เถียงไปแบบห่ามๆข้างๆคูๆ คนไม่มีคู่ก็ไม่อยู่ภายใต้กฏของคู่สิ ( 5555 แลดูเหมือนจะขำนะในตอนนั้น แต่มันไม่ขำเลยในตอนนี้)
...ดูพระอาทิตย์สิพระอาทิตย์ก็มีดวงเดียวนะ พระจันทร์ก็มีดวงเดียว มีสองดวงซะที่ไหน เห็นไหมเวลาคนมันโง่นี่มันตะแบงไปได้สารพัดจริงๆ
...แต่พอเราโตขึ้นมองอะไรได้รอบคอบขึ้นจึงเริ่มจะเข้าใจคำนี้ คำว่า 'ของคู่ ' ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่แบบที่เราคิด โดยเฉพาะคน ยิ่งกว่าต้องเป็นของคู่อีก เพราะคนต้องอยู่ด้วยกันเป็นสัตว์สังคม ต้องพึ่งพากัน ไม่เห็นจะมีใครที่อยู่โดยไม่มีใครได้เลยตลอดชีวิต อย่างน้อยตอนเกิดมาเราก็ต้องอาศัยความเป็นของคู่มาเกิด และการที่เราเกิดออกมารอดเป็นมนุษย์ได้ คู่คนแรกของเราก็คือแม่ หรือคนที่่เลี้ยงดูเรา
โอ้ววว...การจะเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าได้นี่ต้องอาศัยการขยายใจสินะ
พระอาทิตย์ถึงแม้จะมีดวงเดียว แต่ความเป็นหนึ่งก็ต้องตกอยู่ภายใต้กฏของคู่ คือมีขึ้นก็ต้องมีตก และยิ่งมีดวงเดียวก็ยิ่งต้องทำหน้าที่หนักมาก เพราะต้องให้แสงสว่างและพลังงานแก่คนทั้งโลก ไม่มีได้หยุด ไม่มีได้พัก ตกจากที่หนึ่งไปขึ้นอีกที่นึง วน...วน ไป ไม่มีจบสิ้น นับร้อยนับพัน นับแสนล้านล้านปี
มองภาพนี้แล้วคุณเห็นอะไร?
ลองหยุดคิดสักนิด อย่างเพิ่งรีบตอบ ลองใคร่ครวญช้าๆแล้วค่อยๆมองลงไปที่ภาพข้างล่าง คุณเห็นอะไร
..สำหรับเราเวลามองภาพนี้ทีไรก็จะรู้สึกว่าดอกหญ้าเวลาที่ต้องแสงกระทบจากดวงอาทิตย์มันช่างสวยงามเหลือเกินจนทำให้คิดได้ว่า ถ้าจะเป็นหนึ่งมันต้องเป็นแบบนี้สิ มันต้องเปล่งแสงให้กับคนอื่น ไม่ใช่ส่องแสงให้กับตัวเอง
...เราสามารถเงยหน้ามองแสงของดวงอาทิตย์ตรงๆได้ไหม(ถ้ามีใครกล้าทำคงต้องตาบอดเพราะความเจิดจ้าของแสงอาทิตย์ ) ความเจิดจ้าจากความเป็นที่หนึ่งก็เช่นกันหากมัวแต่เปล่งแสงให้กับตัวเองก็คงไม่มีใครสามารถเห็นความงามนั้นได้เพราะมันเจิดจ้าเกินกว่าที่คนจะทนทานกับความริษยาภายในใจจนอาจจะทำให้ใจมืดบอดได้
...แต่ถ้าความเป็นที่หนึ่งส่องแสง เป็นลมใต้ปีกให้กับคนอื่น ความงดงามนั้นจะฉายแสงส่องไปได้มากมายนับอนันต์ เฉกเช่นเดียวกันกับดอกหญ้าที่ดูไร้ค่าและไม่มีราคา แต่กลับเปล่งประกายได้อย่างงดงามเหลือเกินเมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์
...ถ้าจะว่าไปแล้วความเป็นที่หนึ่ง...ความเป็นที่สุด ไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะสองสิ่งนี้ก็ตกอยู่ภายใต้กฏของความเป็นของคู่
...เป็นที่หนึ่งได้ก็แค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วความเป็นที่หนึ่งก็จะจากเราไป
...เป็นที่สุดก็เป็นได้แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก็จะมีคนอื่นมาเป็นที่สุดแทนที่เรา
...ความสุขที่เราคาดหวังว่าจะมีไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงความเป็นที่หนึ่งหรือเป็นที่สุดหรอกเพราะถ้ามัวแต่ไต่ไปหาความเป็นที่สุดโดยไม่ได้เก็บเกี่ยวความสุขระหว่างทาง เมื่อถึงจุดที่เราคิดว่ามันจะเป็นความสุขเราอาจจะเหงาอยู่ท่ามกลางความสุขที่เราคิดว่าจะเป็นก็ได้ และถ้าเราไม่ระวังมัวแต่ใช้ช่วงเวลาของความสุขฉายแสงให้กับตัวเอง ไม่ได้เป็นแสง เป็นลมใต้ปีกให้กับคนอื่น เวลาที่เราต้องลงจากความเป็นที่สุด...ความสุขที่หายไป...จะทำให้เรา...ทุกข์ที่สุด...เช่นกัน
...มนุษย์เรามีความสุขได้ตลอดการเดินทาง นะ เพียงแค่เรามองโลก...มองชีวิต... 'ให้เป็น' เห็นทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นเช่นบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ล้วนเป็นครูที่ทำให้เราเติบโตทางจิตวิญญาณ ...อย่าลืม...สิว่ามนุษย์เองก็ตกอยู่ภายใต้กฏของความเป็นของคู่ มีเกิดก็มีดับ สิ่งที่เป็นความจริงอีกเรื่องที่เราต้องรู้ก็คือ การเดินทางของชีวิตตั้งแต่เกิดเป็นไปเพื่อการเรียนรู้และเตรียมตัวที่จะดับ
...ถ้าเรามัวแต่เพลินอยู่บนทางเดินพอถึงเวลาที่เราจะต้องดับเราจะเตรียมตัวไม่ทันนะ...
...ใครที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้เราก็ขอบคุณและอยากจะชวนทุกคนให้ลองมาทำความเข้าใจกับความเป็นของคู่ เพื่อเป็นเครื่องมือให้เราเห็นความจริงของ ที่หนึ่ง กับ ที่สุด ในมุมมองใหม่ที่ทำให้ใจเรางอกงามขึ้นดีไหม ?
ขอบคุณทุกคนจากหัวใจที่ให้โอกาสได้แบ่งปันความคิดนะคะ
โฆษณา