20 พ.ย. 2019 เวลา 04:59
ผมชื่อเมษครับ อาชีพคือผู้กำกับหนัง หรืออะไรก็ตามที่เขาจ้างไปกำกับ แล้วก็ยังเปิดเพจสอนทำหนัง และทำนี่นั่นโน่นก๊อกๆแก๊กๆไปครับ
อาชีพแรกของผมในวงการคือเสิร์ฟน้ำกองถ่าย ...อาชีพทุกวันนี้ คือเป็น ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์...และวิทยากรสอนหนัง...
เดี๋ยวนี้มีคนเสิร์ฟให้ล่ะ
วันนี้เลยนึกถึงเมื่อตอนเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์ครั้งแรกครับ...
ผมเข้าวงการหนังได้ด้วยความเฮงนิดหน่อย ตอนนั้นกำลังจะเอ็นทรานส์ จริงๆคือเอ็นท์แล้วไม่ติดเลยรออีกปี ระหว่างรอไม่มีอะไรทำ พอดีรู้จักพี่คนหนึ่งที่อยู่ในกองถ่าย ถนนนี้หัวใจข้าจอง ของอาจารย์คิด สุวรรณศร (ปัจจุบันท่านเสียชีวิตไปแล้วครับ) ตอนนั้นเราก็แสดงความมุ่งมั่นมากว่าเราอยากจะทำหนัง เราก็เลยไปที่กองๆนี้ พี่ผู้ช่วยหนึ่งชื่อ พี่ธรรมรักษ์ (ชื่อภาษาอังกฤษว่า Make love เขาว่าอย่างนั้นนะ ) ก็บอกให้เราคอยอยู่ใกล้ๆเขาเพื่อที่เขาจะสอนงาน
...แต่เชื่อมั๊ยครับว่าเวลาอยู่ที่กองถ่ายแล้วไม่ได้ทำอะไรนั้นมันโคตรจะน่าเบื่อเลย ไปไปมามาเห็นว่าที่กองไม่มีสวัสดิการ ก็เลยมาจับงานสวัสดิการ ว่าง่ายๆคือเสิร์ฟน้ำแหละครับ จากเสิร์ฟฟรี ก็ได้เสิร์ฟแบบมีค่าตัวคิวละ 200 บาทไทยครับ (พ.ศ. 2539)
เชื่อมั๊ยครับว่าการเสิร์ฟน้ำในกองถ่ายต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์และต้องอาศัยความรับผิดชอบมากมาย
ก่อนที่ทีมงานจะมากันเราก็ต้องหาที่ซื้อน้ำถังๆ และน้ำแข็งมาเตรียมไว้ก่อนครับ ...ต้องรีบทำก่อนคนอื่นมาเพราะถ้าคนอื่นมาแล้วจะไม่มีเวลา
ในกองถ่ายหนังใหญ่ๆนั้น เช้ามาเมื่อทีมงานมาถึงกองถ่ายแล้วสิ่งที่ทีมงานต้องการกันก่อนทุกสิ่งก็คือกาแฟครับ เมื่อคาเฟอีนเข้าร่างกายแล้วกองถ่ายจึงจะพร้อมทำงาน ...และนั่นก็คืองานแรกของผมในทุกๆเช้าแบกกาต้มน้ำ หาที่เสียบน้ำร้อน และชงกาแฟให้ทุกๆคน การชงกาแฟในกองถ่ายนี่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะครับเพราะว่าทีมงานแต่ละคนจะมีสูตรกาแฟประจำตัว ซึ่งเขามักจะบอกเราในครั้งแรกเท่านั้น เช่น...ตากล้อง 212 แกฟเฟอร์ 222 ดาราคนนี้ 121 ดาราอีกคน200 อย่างนี้เป็นต้น... (ตัวเลขตัวแรกคือกาแฟ ตัวที่สองคือน้ำตาล และตัวที่3คือครีม ทั้งหมดมีหน่วยเป็นช้อนครับ)
ช่วงเสิร์ฟกาแฟนี่ต้องทำงานอย่างรวดเร็วครับ หลังจากเสิร์ฟกาแฟเสร็จก็ต้องรีบเก็บแก้วกาแฟมาล้าง เพราะถ้าปล่อยให้ทีมงานถือแก้วกาแฟไปไหนต่อไหนนี่เขาจะวางแก้วทิ้งไปทั่ว แล้วถ้าแก้วหายมาขอเบิกเงินซื้อแก้วใหม่นี่ โดนด่าแน่ๆครับ
หลังจากเก็บแก้วเรียบร้อยก็จะเข้าสู่การกินข้าวเช้า เราก็จะต้องเอาน้ำใส่กระบอกไปเสิร์ฟทีละคน โดยที่แต่ละกระบอกก็จะมีชื่อของเจ้าของอยู่ ช่วงนี้อาจจะมีบางคนอยากกินน้ำแดง แป๊บซี่ หรืออื่นๆ ก็ต้องหามาให้ครับ พอเขากินข้าวกันเสร็จก็จะแยกย้ายไปทำงาน เราก็ต้องเอากระบอกมาล้างแล้วเตรียมน้ำกับน้ำแข็งเย็นๆใส่ตะกร้าเพื่อเอาไปเดินแจกในกองถ่าย ถ้าวันไหนอากาศร้อนก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะทีมงานจะหิวน้ำตลอดเวลา แต่ถ้าอากาศหนาวก็สบายๆ
3
พอบ่ายๆก็ต้องเตรียมกาแฟอีกระลอกครับกันง่วง
ถ้ามีถ่ายถึงดึกก็ต้องเตรียม กระทิงแดง ลิโพ เครื่องดื่มเสริมกำลังงาน และแต่สปอนต์เซอร์หรือโปรดิวซ์เซอร์จะจัดอะไรมาให้
ชีวิตก็จะเป็นแบบนี้ทุกวันครับ แก้วต้องล้างให้สะอาด เพราะถ้าทีมงานป่วยขึ้นมานี่เรื่องใหญ่ ทีมงานป่วยไม่เท่าไหร่ ผู้กำกับป่วยนี่เรื่องใหญ่มาก ถึงมากที่สุด
แล้วที่สำคัญในกองนั้นผมทำให้ทุกคนป่วยครับ อาจจะเป็นเพราะเรามักง่าย เผลอเรอ หรืออะไรก็ตาม ที่สำคัญผู้กำกับก็ป่วยด้วยครับ พอท่านหายเราโดนเรียกไปด่าซะกระบุงโกย ...จำเลยครับ
แล้วทุกวันนี้ผมก็ได้กำกับหนังครับ จากการที่ผมโตมาแบบนั้น มันทำให้เราใส่ใจทุกๆคนในกองถ่ายของเรา แล้วส่วนมากทุกคนที่มาทำงานกับผมก็อยากจะทำด้วยกันอีก บางที มันก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องความใส่ใจเล็กๆน้อยๆก็เป็นได้ครับ...
ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพราะอยากจะให้รู้ว่า เฟืองทุกตัวในกองถ่ายนี่จริงๆแล้วสำคัญหมดนะครับ ไม่มีใครสำคัญน้อยกว่าใคร ถ้ามีโอกาสได้เข้าไปฝึกงาน ไม่ว่าอะไรก็ทำไปเถอะครับ มันก็เป็นประสบการณ์ดีๆในชีวิตได้ทั้งหมด
อ้อ....ถ้าได้เสิร์ฟน้ำนี่จะดีที่สุดครับ เพราะเราจะได้คุยกับทุกคนตั้งแต่โปรดิวซ์เซอร์ ยันแม่ครัวเลย เห็นมั๊ยครับ คุ้มแสนจะคุ้ม...
ผมไม่รู้ว่าใครจะคิดยังไงครับ แต่สำหรับผม ทุกกองถ่ายเปรียบเสมือนครอบครัว ทุกวันนี้ก็ยังไปเป็นผู้ช่วยให้เพื่อนๆ ไปตีสเลทให้ ไปเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟข้าวก็ยังมี เรานึกถึงวันที่เราเริ่มต้นกับค่าตัวคิวละ 200 เสมอ
น้องๆรุ่นใหม่ๆที่อยากทำหนังเราบอกได้เลยครับ อยากทำหนัง ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ทำหนัง
...แล้วเดี๋ยวน้องๆจะค่อยๆเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวงการนี้เองครับผม
โฆษณา