🕙 วีรกรรมที่ควรค่าแก่การคาราวะของชนชาวสแกนดิเนเวียในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมันได้บีบบังคับประเทศต่างๆในยุโรป ให้ส่งตัวชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้นให้ และเป็นที่รู้กันว่ามีชาวยิวที่ถูกสังหารโดยนาซีในช่วงเวลานั้นเป็นจำนวนนับล้านคน
แต่มีประเทศในยุโรปอยู่กลุ่มหนึ่ง ได้แสดงเมตตาจิตและความกล้าหาญอันน่ายกย่องอย่างสูง ให้ความช่วยเหลือชาวยิวจำนวนมากจนรอดพ้นจากเงื้อมมืออำมหิตของนาซีในเวลานั้น
Lofoten Norway, Photo by Gard Skaar Johansen on Unsplash
นี่คือวีรกรรมของประชาชนในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียอันประกอบไปด้วย สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก ที่ได้กระทำไว้ณ ช่วงเวลานั้น ตามคำบอกเล่าของท่าน ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ในหนังสือชื่อ "ยิว" ที่ผมจะขอนำมาย่อยและเล่าต่อ เพื่อเป็นการสรรเสริญคุณงามความดีของคนเหล่านั้นให้ได้รับรู้สืบต่อไป
สวีเดนประกาศตัวเป็นกลางในสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ได้ให้ความช่วยเหลือ คุ้มครอง ผู้อพยพลี้ภัยชาวยิว ที่หลั่งไหลเข้ามาจากประเทศต่างๆเป็นอย่างดี
ถึงแม้จะถูกเข้ายึดครองโดยเยอรมัน ชาวนอร์เวย์ก็ยังได้ลักลอบช่วยเหลือชาวยิวทั่วประเทศให้หลบหนีเข้าสู่ประเทศสวีเดนอย่างกล้าหาญ
ในเดนมาร์กซึ่งถูกยึดครองโดยเยอรมันเช่นกัน ชาวยิวทุกคนได้ถูกบังคับให้ติดรูป "ดาวแห่งเดวิด" สีเหลืองที่เสื้อ เพื่อเป็นการแยกแยะให้แตกต่างจากคนทั่วไป กษัตริย์แห่งเดกมาร์กในสมัยนั้น ได้ทรงติดรูปสัญลักษณ์นั้นกับฉลองพระองค์ในทุกโอกาส อีกทั้งยังได้วางแผนเพื่อช่วยเหลือลักลอบนำชาวยิวในเดนมาร์กให้เดินทางเข้าสู่สวีเดนอย่างปลอดภัย
ส่วนฟินแลนด์ซึ่งเข้าร่วมกับฝ่าย "อักษะ" ของเยอรมัน เพื่อรบกับรัสเซีย แต่ผู้นำกองทัพของฟินแลนด์ในขณะนั้น ได้ประกาศกร้าวอย่างชัดเจนกับเยอรมันว่า ชาวฟินแลนด์ทุกคน จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายชาวยิวที่เป็นคนชาติเดียวกันกับตนอย่างเด็ดขาด
เมื่อรับรู้เรื่องราวที่แสดงถึง จิตวิญญาณ ความเป็นตัวตน ของผู้คนชนชาติสแกนดิเนเวียเหล่านี้ ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไม การจัดอันดับประเทศในด้านที่ดีๆ ในโอกาสต่างๆ มักจะมีชื่อประเทศในกลุ่มนี้ ติดอยู่ในอันดับต้นๆอยู่เสมอ
เพลงที่เลือกมาให้ฟังตามธรรมเนียมของเพจในครานี้นั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องราวที่เล่าให้ฟัง เป็นเพลงสั้นๆ ยาวประมาณ 1 นาที จากอัลบั้ม "Intuition" ของวงร็อคสัญชาตินอร์เวย์ที่มีชื่อเสียงช่วงสั้นๆในปลายยุค 80s นามว่า TNT เป็นเพลงแรกของอัลบั้มที่ชื่อว่า "A Nation Free"
ฟังเพลงนี้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนกับการได้ฟังเพลงชาติของประเทศใดสักประเทศหนึ่ง เนื้อร้องพูดถึงความปราถนาที่จะให้ผู้คนในโลกเลิกประหัตประหาร แล้วอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวอย่าง "ไร้สัญชาติ"
🎹
คุณอาจจะอยากอ่านเรื่อง { "Don't Stop Believin'" กับชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ Arnel Pinada } นี้ด้วย กรุณาคลิกที่ลิงค์ด้านล่าง
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
