22 พ.ย. 2019 เวลา 05:57 • ศิลปะ & ออกแบบ
บทเรียนจากการทำหนัง
นี่คืออีกฉากตอนทำงาน ที่เวลาเหลือน้อยมากๆ และฉากก็ซับซ้อนมากๆ
เวลามีปัญหาเรามักใช้วิธีเซ็ตศูนย์
คือเอาจริงๆด้วยอาชีพของเรานั้นต้องผจญภัยกับปัญหาอย่างที่ไม่เคยคาดคิดเสมอๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาออกกอง
ไม่ว่าจะเตรียมงานมาดีแค่ไหนก็มีแนวโน้มที่จะพังได้เสมอ
บางครั้งเตรียมงานมาอย่างดีมากๆ คาดคะเนรูรั่วทุกจุด เตรียมแพลนบีแพลนซีไว้ ดูเหมือนว่าเราจะจัดการทุกอย่างได้ แต่มันก็มักจะมีอะไรนอกสมการเกิดขึ้นเสมอๆ เริ่มต้นจากปัญหาแบบ ฝนตก อุปกรณ์พัง คนของสถานที่ไม่มาเปิดประตู นักแสดงเลท ทีมงานป่วย ไอ้สิ่งเหล่านี้เนี่ยต่อให้เตรียมมาดีแค่ไหน มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้
ยิ่งช่วงเวลา Golden Time นะ คือเวลาที่เราถ่ายหนังได้สวยที่สุด พระอาทิตย์ดวงโตเท่าไข่เป็ด ท้องฟ้าสีส้มระเรื่อสวยงาม ...มันมาพร้อมกับอีกสิบห้านาทีแสงจะหมด ...นั่นคือช่วงเวลาสุดยอดของการถ่ายหนัง เพราะหลายฉากเราต้องเก็บให้หมดพร้อมแสง
แสงสุดท้าย คือโอกาสสุดท้ายของซีนกลางวันในวันนี้...
ถึงตอนนั้นเอง หากงานในตารางยังเหลืออีกเยอะ เซลล์สมองเราจะต้องกระพือ ทำยังไงให้เราเก็บทั้งหมดให้ได้ทันในช่วงเวลาแสงหมด ...แน่นอนว่าการเร่งอย่างเดียวอาจจะไม่เป็นผลดี เราต้องบริหาร จัดการด้วย บางทีก็ไปถึงขั้นต้องแก้บทด้วย
วิธีการแก้ปัญหานี้ของเราในฐานะผู้กำกับ หากมันต้องเสร็จให้ทันจริงๆ เราเลยใช้วิธีเซ็ตศูนย์
หัวใจสำคัญคือ คิดลงไปแค่ศูนย์ อย่าไปคิดติดลบ
...จังหวะนั้นไม่ต้องไปหาสาเหตุของความล่าช้า ไม่ต้องไปหาเรื่องใครถูกใครผิด เดี๋ยวค่อยไปว่ากันตอนประชุมสรุปงาน
...จังหวะนั้นอย่าไปคิดว่าเราขาดอะไร ให้มองดูรอบตัวแล้วตั้งคำถามขึ้นมาสองข้อครับ แล้วตอบให้ได้เน้นๆ คือ
1 เราจะต้องทำอะไร???
ก้มหน้าลงไปดูบท แล้วหาให้เจอว่าบทต้องการอะไร เป้าหมายของฉากนี้มีไว้เพื่อสื่อสารอะไร ..ลงไปที่หัวใจของสิ่งนั้นเลยครับ เราจะใส่ใจอยู่กับสามอย่างเสมอคือ
-ฉากนี้เล่าเรื่องอะไร
-ฉากนี้ต้องการบอกอะไร
-ฉากนี้คนดูต้องรู้สึกอะไร
หัวใจสำคัญที่ทำให้เราไปต่อได้คือ... คือ... คือ.... คิดว่าเป็นอันไหนกันครับ
.
.
เฉลยเลยแล้วกัน ...คือข้อสองครับ
ฉากนี้ต้องการบอกอะไรนี้เปลี่ยนไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้เลย เพราะมันเป็นข้อมูลที่ทำตั้งแต่บท และมันมักจะไปเกี่ยวพัน ระโยงระยางกับฉากอื่นๆ ส่วนนี้จึงเป้นส่วนที่ต้องเก็บไว้จริงๆ ส่วนหนึ่งกับสามนั้นยังพอปรับเปลี่ยนได้ ดังนั้นเราจึงจะต้องปรับที่ส่วนเล่าเรื่องอะไร และคนดูต้องรู้สึกอย่างไร
และอีกข้อที่ต้องตอบให้ได้คือ
2 ตอนนี้ และเดี๋ยวนี้ เรามีอะไรอยู่ในมือบ้าง???
โลเคชั่นเป็นอะไร มีนักแสดงคนไหนอยู่บ้าง มีเวลาเท่าไหร่ อุปกรณ์รอบตัวเป็นอะไร และเราจะใช้สิ่งเหล่านั้นที่เรามีอยู่ในตอนนี้ มาสร้างว่าเราจะเล่าอะไร เพื่อบอกอะไรได้มั้ย ภายในเวลาที่เรามีอยู่ โดยที่เรื่องเล่าที่เปลี่ยนจะยังคงทำให้คนดูรู้สึกใกล้ๆเดิมแบบตอนที่อยู่ในบท
ส่วนใหญ่เราจะเปลี่ยนลีลา
ฉากนี้เล่าเรื่อง Long Take ได้มั้ย
หรือว่าเปลี่ยนจากการแสดงเป็นเสียงได้รึเปล่า
หรือรวบฉากต่างๆมาเป็นฉากเดียวแล้วได้สารเดิมได้มั้น
เราใช้สองคำตอบนี้ครับในการผ่านพ้นวิกฤติแสงหมดมาได้ทุกครั้ง... เราได้เรียนรู้สิ่งสำคัญคือ...
"โฟกัสที่เป้าหมาย โฟกัสในสิ่งที่เรามี ไม่ใช่ไปตั้งจิตอยู่กับสิ่งที่เราขาด"
เซ็ททุกอย่างกลับมาที่ศูนย์ เสมือนเราเพิ่งเริ่มต้นทำ มองของที่มีทั้งหมด แล้วคิดวิธีที่จะเร็วที่สุดที่จะทำมันออกมาให้ทันแสงหมด แล้วลงมือเลยครับ...
หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์บ้างนะครับ
โฆษณา