Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กฎหมายย่อยง่าย by Natarat
•
ติดตาม
27 พ.ย. 2019 เวลา 05:56 • ปรัชญา
"แชร์หลักคิดจากประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา”
วันนี้ขอแชร์หลักคิดจากการทำงานที่ผ่านมาเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้แก่น้อง ๆ ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมการทำงาน หรือเพื่อน ๆ ที่กำลังจะเริ่มต้นอะไรใหม่ ๆ ครับ
pixabay
1) ขอให้ดีใจเถอะที่เจอปัญหา!?
ในสังคมการทำงานนั้นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอนก็คือ ปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ หลายคนเมื่อเจอสิ่งเหล่านี้ก็มักจะบ่น หรืออารมณ์เสียไปก่อนแล้วทั้งที่ยังไม่ได้เข้าไปสัมผัสเลยว่าปัญหาเรื่องนั้น ๆ มีสาเหตุเกิดจากอะไร
ผมอยากบอกให้รู้ว่าจงดีใจเถอะครับที่เจอปัญหา เพราะเราถูกจ้างมาเพื่อแก้ปัญหา ไม่ได้ถูกจ้างเพื่อบ่นและหนีปัญหา หรือถ้าคิดในมุมของนายจ้างก็คือ ถ้าไม่มีปัญหาเขาจะจ้างเรามาทำไม
หรือสำหรับคนที่ทำธุรกิจส่วนตัว สังเกตมั้ยครับว่าธุรกิจที่มักจะประสบความสำเร็จในช่วงเวลานั้น ๆ คือธุรกิจที่สามารถแก้ปัญหาของผู้คนในขณะนั้นได้ ถ้าธุรกิจไหนไม่ตอบโจทย์ ธุรกิจนั้นก็จะถูกล้มหายไปตามกาลเวลา
ยกตัวอย่างประมาณ 10 ปีก่อน ใคร ๆ ก็อยากเปิดร้านอินเตอร์เน็ต ยิ่งแถว ๆ มหาวิทยาลัยยิ่งน่าเปิด และบางร้านถึงกับเปิด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว นั่นเพราะธุรกิจนี้สามารถแก้ปัญหาของผู้คนในขณะนั้นได้ (คอมมีราคาแพง อินเตอร์เน็ตที่ร้านเร็วกว่าเน็ตบ้าน ฯลฯ) พอหันกลับมาตอนนี้เป็นอย่างไรทุกคนก็รู้ ๆ กันอยู่
ดังนั้น จึงขอย้ำอีกทีว่าขอให้ดีใจเถอะว่าวันนี้ยังมีปัญหาให้คุณได้แก้ไขอยู่
2) ฝึกคิดแบบให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ หรือคิดแบบวิน ๆ
คงไม่มีใครอยากเป็นคนชอบเอาเปรียบคนอื่น หรือถูกเอาเปรียบไปตลอดใช่มั้ยครับ ลองเอาวิธีคิดนี้ไปใช้ดูอาจทำให้เราและเพื่อน ๆ หรือคู่ค้าของเราสบายใจกันทุกฝ่าย
อย่าเพิ่งคิดว่าการวิธีคิดแบบนี้จำเป็นเฉพาะการทำงานในภาคธุรกิจที่จะต้องมีการเจรจา หรือต่อรองเรื่องผลประโยชน์เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วการคิดแบบวิน ๆ ทุกฝ่ายนั้นสามารถนำมาปรับใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน
แต่การคิดแบบนี้ได้อาจต้องอาศัยเวลาในการปรับทัศนคติพอสมควร เนื่องจากค่อนข้างขัดกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์เรา
มนุษย์เรามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและการเอาชนะมาตั้งแต่บรรพบุรุษ หรือจริง ๆ แล้วเรามีสัญชาตญาณการเอาชนะก่อนที่จะเกิดเป็นมนุษย์ซะอีก (อันนี้คงเข้าใจนะครับว่าหมายถึงอะไร)
การคิดแบบวินวินนั้นจึงต้องลดอีโก้ในตัวลงพอสมควร ต้องเปลี่ยนจากความต้องการเป็นที่หนึ่ง หรือยืนหนึ่งในเรื่องนั้น ๆ ลง เราอาจได้ผลประโยชน์หรือสิ่งที่ต้องการน้อยลงบ้างแต่คนอื่นก็ได้เหมือนกันและทั่วถึง
...อาจไม่ชนะทุกครั้งแต่ก็ไม่มีใครแพ้
ยกตัวอย่างจากเรื่องเล็กน้อย เช่นการเลือกร้านอาหารในตอนพักกลางวัน สมมติว่าเราอยากกินอาหารญี่ปุ่น แต่เพื่อนของเราอยากกินข้าวแกงเพราะอยากประหยัด ถ้าเรายังดึงดันจะกินอาหารญี่ปุ่นต่อไป แรก ๆ เพื่อนของเราอาจยอมไปกินด้วยเพราะเกรงใจ แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานเราต้องได้ไปกินข้าวคนเดียวแน่นอน
ดังนั้น ถ้ายังอยากคบกันไปนาน ๆ การรักษาน้ำใจเป็นเรื่องที่จำเป็น ให้คนอื่น ๆ ได้สิ่งที่เค้าต้องการบ้างโดยเราอาจได้สิ่งที่ต้องการน้อยลงแต่ได้เรื่อย ๆ ผมว่าก็เข้าท่าอยู่นะครับ
3) ถ่อมตัว ถ่อมใจ
เชื่อเถอะครับว่า ยังไงก็มีคนที่เหนือกว่าเราอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานประจำ หรือทำธุรกิจอะไร และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
การที่เรายอมถ่อมตัว ถ่อมใจให้กับคนที่เหนือกว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร บางครั้งเราต้องยอมเพื่อที่จะได้โอกาสเรียนรู้จากคนเหล่านั้น
ดังนั้น เพื่อจะได้โอกาสเหล่านั้น เราอาจต้องยอมลดอีโก้ของเราลงบ้าง คนเราไม่ได้เก่งหรือรู้ไปหมดทุกเรื่อง การเข้าหาคนที่มีประสบการณ์ หรือมีความรู้มากกว่าจึงเป็นสิ่งจำเป็นหากเราต้องการพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง
ทั้ง 3 ข้อนี้ เป็นสิ่งที่ผมอยากฝากไว้ให้เป็นแง่คิด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก หรือเสียโอกาสในการพัฒนาตัวเองครับ
ถ้าได้ประโยชน์จากบทความนี้ ช่วยกด Like, Share ด้วยนะครับ 😻
15 บันทึก
78
39
28
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Phychology
15
78
39
28
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย