28 พ.ย. 2019 เวลา 18:08 • การศึกษา
“Patagonia”
Fossil งูมีขา-vs-แบรนด์ Green Business ความพยายามให้ 'บางอย่าง' คงอยู่
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (21พ.ย.62) สื่ออังกฤษรายงานการค้นพบซากฟอสซิล “งูมีขา” บรรพบุรุษงูยุคใหม่ อายุเกือบ 100 ล้านปี ซึ่งมีความสมบูรณ์กว่าการขุดค้นครั้งไหน ๆ ในพื้นที่ Patagonia (ปาตาโกเนีย) โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Maimónide ใน Buenos Aires
ตั้งชื่อ วิทยาศาสตร์ ว่า Najash rionegrina ซึ่งมาจากรากศัพท์ Nahash ที่หมายถึง งูในตำนานแห่งสวน Eden ซึ่งในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่า
เป็นงูจอมเจ้าเล่ห์ ผู้หลอกล่อให้ Eve (อีฟ) กัดผลแอปเปิ้ลจนต้องคำสาปจากพระเจ้า
เมื่อตรวจอย่างละเอียดด้วยเครื่อง micro-CT สแกนแล้ว คณะวิจัยจึงสรุปได้ว่า ซากงูนี้ มีส่วนกะโหลกขนาดใหญ่และมีส่วนกระดูกแก้ม (ซึ่งหมายถึงความสามารถในการกินเหยื่อที่ตัวใหญ่มาก) ที่งูยุคปัจจุบันไม่ปรากฏ
ด้วยลักษณะของกระดูกส่วนหัว จึงเป็นประโยชน์ในการยืนยันความสัมพันธ์ ที่ใกล้ชิดระหว่างงูยุคใหม่และสัตว์เลื้อยคลานบางชนิด เช่น กิ้งก่า ด้วย
เมื่อสังเกตที่ส่วนท้ายของซากงู พบว่ามีส่วนของกระดูกขาระยางค์คู่หลังชัดเจน เป็นสิ่งที่สนับสนุนแนวคิดว่า ในอดีตงูมีขนาดลำตัวที่ใหญ่และต้องใช้ขาในการเคลื่อนที่
ในระหว่าง 100 ล้านปี จนมาถึงปัจจุบัน งูได้มีกระบวนการปรับเปลี่ยน ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมถึงรุ่นลูกหลาน กลายเป็นงูยุคใหม่ที่ขนาดเล็กลง ปราดเปรียว มีเทคนิคการทรงตัวเฉพาะ และเคลื่อนไหวในรูปแบบที่อิสระกว่าการใช้ขาที่เคยมี
การสูญเสียกระดูกแก้มและขาไปกับวิวัฒนาการ ทำให้งูมีคุณสมบัติแห่งการเป็น “นักล่าไร้มือไร้เท้า” ที่ทรงศักยภาพในการเข้าหา จู่โจม และมีพิษร้าย หรือเทคนิคในการเอาตัวรอดขั้นฉกาจ
“Pagatonia” สถานที่พบซากงูดึกดำบรรพ์ครั้งนี้อยู่ที่ในอาณาเขตของประเทศอาร์เจนติน่าและชิลี ในทวีปอเมริกาใต้
Pagatonia สำหรับชาวตะวันตกและนักท่องเที่ยวที่รักการผจญภัยสุดท้าทาย แนวแอดเวนเจอร์อย่างการปีนเขา เล่นสกี ตกปลา ฯลฯ คือจุดเช็คพอยด์ (checkpoint) ที่หลายคนใฝ่ฝันจะพิชิตความท้าทายสักครั้ง
นอกจากเป็นที่พบซากงูมีขา ที่กล่าวมาแล้ว
“Pagatonia” ยังตรงกับชื่อแบรนด์ และเป็นตำแหน่งทิวเขา Fitz Roy สัญลักษณ์แบรนด์เสื้อผ้าแนว outdoor บนแนวคิดรักษ์โลก Green Business ของ Yvon Chouinard (อีวอง ชูนาร์ด) ที่ก่อตั้งมาเกือบ 50 ปี นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1973
Yvon Chouinard เป็นชาวอเมริกันที่รักการปีนเขามาตั้งแต่เด็ก แรงบันดาลใจที่เขาทำแบรนด์ตัวเอง มาจากการที่เคยปีนเขาด้วยอุปกรณ์ที่มีจำกัดในสมัยนั้น ทำให้สร้างรอยแตกและกระเทาะกร่อนลงทุกครั้งที่มีการปักหมุดในร่องหินภูเขา
นับจากนั้น เขาใช้เวลา 2 ปี ในการคิดค้นอุปกรณ์ปีนเขาที่ไม่ทำลายสภาพพื้นผิวทางภูมิศาสตร์ และต่อยอดมาสู่การผลิตเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่ม ของใช้เพื่อการทำกิจกรรมนอกสถานที่อย่างไร้ขีดจำกัด
Patagonia เน้นให้ซ่อมแซมเมื่อชำรุด และรับบริจาคต่อให้ ตาม concept "worn and wear"
และขยายสู่สายการผลิตสินค้าหมวดอื่น อย่างอาหารและเครื่องดื่มแบบออร์แกนิค
โดยยืนหยัดในความเป็น Green Business คุมการผลิตให้ใช้พลังงานสีเขียว (จากลมและแสงแดด) ใช้วัตถุดิบเป็นฝ้ายที่ปลูกแบบออร์แกนิค ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมี เน้นการรีไซเคิลชิ้นส่วน และควบคุมให้มีขยะที่ทำลายระบบนิเวศให้น้อยที่สุด
เพื่อให้ใคร ๆ ก็ตาม เมื่อนึกถึง Pagatonia ต้องนึกถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กับความทนทานของสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เรียกว่า “ดีต่อคนและดีต่อโลก”
ครั้งหนึ่งที่ Pagatoniaสร้างความฮือฮาและเป็นการท้าทายกฎสากลแห่งการตลาด
นั่นคือ การทำแคมเปญผ่านทางหนังสือพิมพ์ New York Times ในวัน Black Friday ที่เป็น “วันลด-แลก-แจก-แถม” ของชาวอเมริกันว่า “Don't Buy This Jacket” หรือ “คิดให้ดีก่อนซื้อ ว่าจำเป็นไหม” ซึ่งหากเป็นตามหลักการขายทั่วไป จะไม่พลาดใช้โอกาสนี้กระตุ้นความต้องการซื้อ หรือ เพิ่ม demand ผู้บริโภคให้มากที่สุด
เมื่อเทียบ ระยะเวลา 50 ปี ที่แบรนด์ Pagatonia ยืนยันในพันธกิจ “ทำของดีที่ไม่ทำร้ายโลก” เพื่อรักษาระบบนิเวศให้ยั่งยืน ด้วยความตั้งใจ
กับ ระยะเวลา 100 ล้านปี แห่งวิวัฒนาการ ที่ Pagatonia แสดงให้เห็นว่ามีความยาวนานเพียงใดกว่าจะได้งูยุคใหม่ที่ไร้ขา
สิ่งที่ต่างกัน คือ ความยาวของห้วงเวลา
แต่..สิ่งที่เหมือนกัน คือ ความพยายามทำบางอย่าง ให้เกิดการอยู่รอดของ “ชีวิต” ในระบบนิเวศให้ยาวนานที่สุด
ซึ่งหากพลเมืองโลกทุกคนไม่ตั้งใจช่วยกันระดมพลังเพื่อรักษานิเวศ ไม่ว่า “ใคร” หรือสัตว์สายพันธุ์ไหน คงไม่สามารถวิวัฒน์ได้ทันการสูญสลายสมดุลในสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดอย่างรวดเร็ว
“Patagonia”
Fossil งูมีขา-vs-แบรนด์ Green Business ความพยายามให้ 'บางอย่าง' คงอยู่
นกไดโนสคูล🐦
โฆษณา