Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mr.Mom
•
ติดตาม
1 ธ.ค. 2019 เวลา 03:00 • ครอบครัว & เด็ก
ภาระกิจการหา “บ้าน” ภายใน 5 วัน
เมื่อผม และครอบครัวถึงโรงแรมที่พัก เราก็เริ่มหาข้อมูล “บ้าน” ที่จะเช่า ในบริเวณที่สะดวกสำหรับการเดินทางไปทำงานของภรรยาผม เบื้องต้นเราได้หาข้อมูล “บ้าน” ก่อนเดินทางมาบ้างแล้ว
ซึ่งส่วนใหญ่ที่ประเทศอังกฤษ การเช่าบ้าน หรือคอนโด จะต้องผ่าน “Agent” และต้องติดต่อในช่วงเวลาที่ใกล้จะย้ายเข้า ถ้าติดต่อล่วงหน้ากว่านั้น ส่วนใหญ่ทาง “Agent” หรือ “เจ้าของบ้าน” จะไม่สนใจ เพราะการจองห้องล่วงหน้านานไปทำให้เจ้าของบ้านเสียรายได้
ผมเรียกว่า “บ้าน” แต่จริงๆ ก็คือ “ห้อง” หนึ่งภายในบ้าน ซึ่งถ้าจะเช่า “บ้าน” ทั้งหลังเลยก็มีนะครับ แต่ราคาสูงมากครับ และเกินความจำเป็นของผม และครอบครัวด้วยครับ
ลักษณะบ้านในประเทศอังกฤษ
ผมขอเล่าประสบการณ์การหาข้อมูลในการหา “บ้าน/ห้อง” เช่าที่นี่ให้ทราบนะครับว่า
ที่ประเทศอังกฤษส่วนใหญ่จะนำบ้านมาแบ่งห้องเพื่อปล่อยเช่า ดังนั้นจะพบบ้าน 2 แบบ
1. บ้านที่แบ่งห้องให้เช่า แต่แชร์ ห้องครัว ห้องน้ำ กับคนอื่นๆ (ห้องเช่าอื่น) ในบ้าน เช่น บ้าน 1 หลัง แบ่งห้องได้ 4 ห้อง (มีผู้เช่า 4 ห้อง อาจจะมีทั้งหมด 8 คน) แต่มี 1 ห้องครัว และ 2 ห้องน้ำ ดังนั้นผู้เช่าจะต้องแชร์ ห้องน้ำ และห้องครัวด้วยกันครับ ส่วนใหญบ้านแบบนี้จะเป็นแบบบ้าน (Layout) เดิมๆ ปรับปรุงนิดหน่อย ราคาจะขึ้นอยู่ตามขนาดของห้องที่ไม่เท่ากัน
2. บ้านที่แบ่งห้องให้เช่าใน 1 หลัง แต่ทุกห้องมีห้องน้ำ และห้องครัวเป็นของตัวเอง บ้านแบบนี้คือจะเป็นบ้านที่ดัดแปลงห้องทั้งหมดเลยครับ ส่วนราคาแต่ละห้องจะไม่เท่ากัน ราคาถูก หรือแพงขึ้นอยู่กับขนาดของห้องในบ้านนั้นๆ ครับ เช่น แบ่งได้ 4 ห้อง แต่มี 2 ห้องที่เป็นห้องใหญ่เป็นแบบ 1 ห้องนอน อีก 2 ห้องเป็นแบบ Studio เป็นต้นครับ
ดังนั้นราคาของ “ห้อง” แบบที่ 2 จะราคาสูงกว่าแบบที่ 1 ถ้าอยู่ในทำเลเดียวกันนะครับ เพราะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่ากันเยอะครับ
นอกจากบ้านแล้ว “คอนโด” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเช่าครับ ซึ่งที่นี่เรียกว่า “Flat” ครับ แต่ราคาจะสูงกว่าการเช่า “ห้อง” ในบ้านมากกว่าครับ
เรื่องราคานั้นก็เป็นเรื่องปกติ คล้ายๆกับที่ประเทศไทยครับ ราคาขึ้นอยู่กับ
1. ทำเล ใกล้ ไกล เมือง (ที่ประเทศอังกฤษแบ่งเป็น Zone ครับ Zone 1 คือใจกลางลอนดอนครับ แล้วขยับออกมาเป็นวงกลมเรื้อยๆ ต่อๆไป Zone 2, 3, 4...9)
2. ใกล้- ไกล รถไฟฟ้าใต้ดิน (Underground)
3. ประเภท “บ้าน” หรือ “ห้อง” หรือ “คอนโด”
4. ที่จอดรถ
5. อื่นๆ เช่น มีเฟอร์นิเจอร์
แผนที่รถไฟฟ้าใต้ดิน และการแบ่ง Zone
ส่วนเงื่อนไขในการหา “บ้าน” หรือ “ห้อง” ของครอบครัวผมนั้น คือ ต้องมีห้องน้ำ ห้องครัวส่วนตัวครับ เนื่องจากผมมี “ลูกเล็ก” ความสะอาดจึงสำคัญมาก ไม่ควรจะต้องใช้งานร่วมกับห้องอื่น
App ที่ใช้หา “บ้าน” หรือ “ห้อง” เช่านั้น ผมใช้ Zoopla , Rightmove, Primelocation
เมื่อถึงโรงแรมในช่วงสาย ภรรยาผมนัดกับ Agent ได้ 2 แห่ง (คนละบริษัท) โดย Agent ที่ 1 ที่นัดได้นั้น นัดไปดูห้องช่วงบ่ายของวันนั้นเลย ส่วนอีก Agent ที่ 2 นัดไปดูห้องเป็นวันที่ 2
Agent ที่ 1 พาไปดู ห้องทั้งหมด 2 ห้อง เป็นแบบคอนโด (Flat) 1 bedroom ทั้ง 2 ห้อง
วันที่ 2 Agent ที่ 2 พาไปดู 1 ห้อง เป็นแบบคอนโด (Flat) 1 bedroom เช่นกัน และนัดให้ไปดูห้องเพิ่มในวันที่ 3
วันที่ 3 ช่วงเช้าดูห้องเพิ่มอีก 2 ห้องเป็นแบบคอนโด (Flat) 1 bedroom 1 ห้อง และเป็นห้อง Studio ในบ้านอีก 1 ห้อง
*เนื่องจากประเทศอังกฤษเป็นประเทศเก่าแก่ อาคาร บ้านเรือนจึงมีลักษณะเก่า และอายุมาก*
หลังจากดู “ห้อง” มาผม และภรรยาก็ปรึกษาข้อดี ข้อเสีย ทำเล การเดินทาง ราคา ขนาดห้อง ชั้นที่อยู่ ...แล้วสรุปได้เป็น “ห้อง Studio ในบ้าน” ครับ ซึ่งห้องนี้กว้าง อยู่ชั้น 1 มีห้องน้ำ ห้องครัวส่วนตัว (ห้องอื่นๆ ที่ไปดูมาอยู่ชั้น 3 ขึ้นไป และไม่มีลิฟท์ครับ มีอยู่ 1 ห้องมีลิฟท์ แต่ราคาสูงครับ) ผมคิดว่าการไม่มีลิฟท์นั้น ทำให้การเข้าออกจากบ้านลำบากครับ เพราะผมต้องใช้รถเข็นเด็กเวลาออกไปข้างนอกครับ
ข้อดีของห้องที่ผมเลือกนี้ คือ เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็น พวกเตียงนอน ที่นอน โต๊ะ เก้าอี้, อุปกรณ์ครัว, เครื่องซักผ้า มีให้ครบครับ ประหยัดได้เยอะเลยครับ
หลังจากสรุปได้แล้ว บ่ายวันที่ 3 นัด Agent เข้าทำสัญญาที่ Office ของ Agent ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านที่ผมเช่าครับ โดยมีสิ่งที่ผมแปลกใจมากคือ “เจ้าของบ้าน” ขอพบครอบครัวเราด้วยครับ เจ้าของบ้านเป็นผู้หญิงสูงอายุ คาดว่าน่าจะอายุประมาณ 70-80 ปี เดินช้าๆ เมื่อเช้ามาท่านก็สอบถามว่าผม และครอบครัว มาประเทศอังกฤษทำไม จะอยู่กี่ปี...ซึ่งดูเป็นคนใจดีมากครับ
ตอนแรกผมเป็นกังวลว่าเจ้าของบ้านจะไม่ให้อยู่ เพราะมีเด็กเล็ก (บางแห่งจะแจ้งไว้เลยว่าไม่รับ เด็กเล็ก หรือครอบครัว) แต่เจ้าของบ้านท่านนี้ไม่ว่าอะไรครับ จึงเซ็นสัญญากันเรียบร้อย
วันที่ 4 ผม และภรรยาก็ออกไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็น และขนเข้า “บ้าน” บางส่วนก่อน
วันที่ 5 ช่วงสาย Check out ที่โรงแรม เรียก Uber XL (รถใหญ่) ไป “บ้าน”
เมื่อเข้าไปใน “บ้าน” ผม และภรรยาต้อง “ยิ้ม” เพราะความน่ารักของ เจ้าของบ้านใจดีท่านนั้น ที่เตรียม “ผลไม้” พร้อม “การ์ดต้อนรับ” (คล้ายๆ โรงแรม) ที่น่ารักไปกว่านั่น ท่านได้เตรียม “ของเล่น” และ “โต๊ะ, เก้าอี้สำหรับเด็ก” ไว้ให้ “ลูกสาว” ผมด้วยครับ
เป็นการต้อนรับที่ประทับใจมากครับ
*** ค่าเช่าบ้านของประเทศอังกฤษ จะมี 2 แบบคือ จ่ายแบบรายเดือน เหมือนกับประเทศไทย และแบบจ่ายแบบรายสัปดาห์ (ท่านใดเป็นแฟนฟุตบอล คงเคยได้ยินเรื่องรายได้นักฟุตบอลอังกฤษที่ได้รับเป็นรายสัปดาห์) ***
แต่วิธีคิดค่าเช่าที่เป็นรายสัปดาห์นั้น ถ้าต้องการทราบว่าเป็นเดือนจะตกเดือนละเท่าไร่นั้น จะไม่ได้คิดด้วยการคูณ 4 สัปดาห์นะครับ ระวังให้ดีครับ ที่นี่จะคิดโดยการเอาค่าเช่ารายสัปดาห์ คูณด้วย 52 สัปดาห์ แล้วหารด้วย 12 เดือนครับ จึงจะได้ค่าเช่าว่าเดือนละเท่าไร่ครับ
เช่น ถ้ามีห้องประกาศให้เช่า สัปดาห์ละ 300 ปอนด์ จะเท่ากับ 300 X 52 = 15,600 แล้ว หารด้วย 12 เดือน จะได้เท่ากับเดือนละ 1,300 ปอนด์ครับ ซึ่งถ้าเอา 300 คูณ 4 สัปดาห์เลยจะได้แค่ 1,200 ปอนด์ครับ ซึ่งไม่ถูกต้องนะครับ ระวังกันด้วยนะครับ
บันทึก
9
2
9
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย