1 ธ.ค. 2019 เวลา 06:24
เป็นจิตอาสาต้องอดทน
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้ จะมาเล่าตอนต่อจากวันที่เกิดสงครามโลกในวันนั้นให้อ่านต่อเลยนะคะ
ความเหนื่อย ความหิว ความน้อยใจ ความผิดหวังมันประเดประดังเข้ามาจนแทบจะรับไม่ไหว😭จำได้ว่าตอนนั้นเดินร้องไห้จากบ้านหลังนั้นมาจนถึงบ้านตัวเอง😔😥😢😭😭😭สามีก็เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น😫
เพื่อนอ.ส.ม.ที่ไปด้วยกันแล้วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สามีฟัง เขาโกรธมาก บอกเลยไปลาออกเลยทำงานก็ไม่ได้เงินสักบาท😡 จะไปง้อมันทำไม 😠พวกคนรวยก็แค่นี้😡เอาเงินเป็นใหญ่😤คิดแต่ว่าเราจะไปขอมัน😡 มันจะเป็นจะตายก็ช่างหัวมัน
พวกพี่ๆอ.ส.ม.เขาก็ไม่ว่าอะไรแค่หันมาบอกเราว่าวันที่ 20 จะมีประชุมอ.ส.ม.นะ ต้องสรุปผลงานทุกวันที่ 20 สามีก็บอกไม่ต้องไป...ไปทำไมไม่มีประโยชน์อะไรอยู่บ้านเลี้ยงลูกก็พอแล้ว
เราเองก็กำลังเครียด เลยไม่พูดอะไร ตอนนั้นลูกก็ยังไม่หย่านม เพิ่งได้ขวบกว่าๆกำลังอ้อนงอแงเลยพาลูกเข้านอน...คืนนั้นทั้งคืนเรานอนไม่หลับได้แต่ถามตัวเองว่า จะไปต่อหรือพอแค่นี้🌫️⛈️🌧️
เมื่อวันนัดประชุมมาถึง อ.ส.ม.ทั้งเก่าและใหม่ไปรวมตัวกันที่รพ. สตประจำตำบล คุณหมอก็ให้อ ส.ม.แต่ละชุมชนออกมาสรุปผลงาน เล่าถึงงานที่ทำ รวมถึงปัญหาที่พบ และเราก็คือปัญหาหนึ่งในนั้นด้วย
พี่เขาให้เราออกมาพูดถึงเรื่องที่เราพบมา ทั้งด้านดีและไม่ดี กลุ่มคุณหมอก็นั่งฟังนิ่งๆ...มีซักถามบ้างและมีเสริมจากอ.ส.ม.หน้าใหม่ที่ประสบกับปัญหาคล้ายๆเราคุณหมอให้เราพูด ให้ระบายออกมาจนพอใจ แล้วจึงถามว่า.....เรามาเป็นอ.ส.ม.เพราะอะไรคิดยังไงถึงมาทำงานนี้
เราตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า.. เราอยากได้บุญและได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยคิดว่าทำดีน่าจะได้ดี....ไม่คิดว่าจะได้เจอกับผลตอบแทนแบบนี้
คุณหมอยิ้ม แล้วบอกว่าโครงการอ.ส.ม.นี้เกิดขึ้นเพราะพระราชดำริของสมเด็จย่า ท่านอยากให้ประชาชนมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและให้รู้วิธีป้องกันโรคติดต่อ สมเด็จย่าและเจ้าฟ้าหญิงสิรินธรในสมัยนั้น ท่านก็ทรงงานหนักยิ่งกว่าเราทต้องทรงเสด็จพระราชดำเนิน เดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือใครก็ไม่รู้ทั้งๆที่พระองค์ท่านเองก็ไม่ทรงได้อะไรเลย
คุณหมอเล่าให้ฟังว่า...เคยตามเสด็จพระองค์ท่านไปทำงานที่ภาคใต้ ในสมัยนั้นมีผ.ก.ค.มากมายเรียกว่า...เป็นพื้นที่สีแดงเลยก็ได้ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากที่ออกหน่วยตามเสด็จพระองค์ท่านไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ตรงนั้นเป็นทางลูกรัง ถนนหนทางก็ไม่สะดวกเอาซะเลย ฝนก็ตกหนักคนป่วยก็มากกว่าจะตรวจเสร็จก็ดึกมากแล้ว
พวกคุณหมอรีบเดินทางกลับที่พัก เพราะความเหน็ดเหนื่อยและหิวโหย หวังว่าเมื่อกลับไปถึงที่พักจะได้มีอะไรรองท้อง และพักผ่อนบ้าง แต่ระหว่างทางก็เกิดเหตุร้ายขึ้น
มีพวกผู้ก่อการร้ายมาดักปล้นรถ พวกนั้นยิงกราดจนรถยางแบนขับหนีออกไปไม่ได้ แล้วมีชายฉกรรจ์ราวๆ20 คนตรงเข้ามาที่รถที่คุณหมอและพระองค์ท่านประทับอยู่
คุณหมอเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นคิดว่าตายแน่แล้ว ได้แต่แอบมองพระพักตร์ของสมเด็จย่า ในใจก็นึกถ้าจะตายก็ขอให้พวกเราตายเถอะ อย่าให้สมเด็จย่าท่านทรงเป็นอะไรเลย ท่านทรงมีคุณต่อแผ่นดินนัก ขออำนาจเทวาอารักษ์ได้โปรดปกปักรักษาพระองค์ท่านด้วยเถิดอย่าให้พระองค์ท่านเป็นอะไรเลย
กลุ่มชายฉกรรจ์พวกนั้นถือปืนตรงมาที่รถ แล้วเลื่อนประตูรถออก ถือปืนจ้องเข้ามาข้างในมันมองกราดเข้ามาจนทั่วรถ มีคนหนึ่งท่าทางเป็นหัวหน้าพอมันมองเห็นสมเด็จย่าและธงหน่วยงาน พ.อ.ส.ว.มันก็ชะงัก
หันไปพูดกับลูกน้องด้วยภาษายาวี พวกนั้นก็ส่งภาษาต่อๆกันไป พวกเราอยู่ในรถใจก็เต้นตุ้มๆต่อมๆตายแน่ตายแน่ คุณหมอใหญ่ท่านก็บอกว่าพวกเราต้องเอาชีวิตปกป้องสมเด็จย่าท่านนะ อย่าให้ท่านต้องเป็นอะไร ถ้าจะเกิดเหตุร้ายอะไรกับพระองค์ท่าน ขอยอมตายก่อนละ
พวกนางพยาบาลสาวๆ ต่างก็ร้องห่มร้องไห้กระซิกกระซิก พวกชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้างนอกลดปืนลงแล้ว แต่ก็ยืนขวางรถอยู่ยังงั้น........เวลาผ่านไปเนิ่นนาน......เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ทันใดนั้น
ก็มีเสียงรถจี๊ปวิ่งเข้ามาหลายคัน พวกมันมาเพิ่มอีกหลายคน มันยึดปืนของทหารคุ้มกันรถพวกเราไปหมด...ตอนนั้นคุณหมอคิดว่าไม่รอดแน่แล้ว
พวกมันแบ่งกันขึ้นรถไปคันละ 2 คน คนหนึ่งขึ้นไปนั่งแทนที่คนขับ อีกคนนึงถือปืนหันมาจ้องผู้โดยสาร สมเด็จย่าท่านทรงรับสั่งว่า เขาจะเอาอะไรก็ให้เขาไป มีใครพูดภาษายาวีได้บ้าง บอกเขาถ้าอยากได้อะไรก็เอาไป ขอแค่อย่าทำร้ายคนก็พอ
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง หันไปพูดกับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นเป็นภาษายาวี เขาส่งเสียงล้งเล้งกันอยู่พักหนึ่ง เด็กหนุ่มคนนั้นก็ยิ้มดีใจ รีบวิ่งมาเคาะประตูรถตู้แล้วกราบทูลสมเด็จย่าด้วยน้ำตา
เขาบอกว่าพวกนี้จะไม่ฆ่าใคร เพราะเขารู้ว่าสมเด็จย่าเสด็จมาช่วยพวกเขา แต่เขากลับเข้าไปในเมืองไม่ได้เพราะเขาถูกคนชั่วรังแก เขาจะขอแค่อาวุธไว้ป้องกันตัว แล้วจะพาทุกคนไปส่งที่ถนนใหญ่อย่างปลอดภัย ขอให้สบายใจได้
คุณหมอบอกว่า..พวกนั้นทำตามที่พูด เอารถมาลากรถพวกเขาออกไปส่งที่ถนนใหญ่ แล้วยืนรอจนมีเสียงขบวนรถของทหารเข้ามา พวกนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วเหมือนนินจาเลย
จากเหตุการณ์ที่น่าประทับใจ ในวันนั้น คุณหมอบอกว่า...ตั้งแต่วันนั้นมาคุณหมอไม่เคยเหนื่อย ไม่เคยท้อ เพราะว่าขนาดสมเด็จย่าท่านเป็นพระราชชนนีของพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ยังต้องทรงผจญกับอะไรหลายๆอย่าง แต่พระองค์ท่านคงยังคงไม่ละทิ้งพระประสงค์ที่จะช่วยเหลือประชาชนของพระองค์เลย
คุณหมอจบเรื่องเล่าที่น่าประทับใจด้วยรอยยิ้มแล้วก็ถามว่ายังมีใครที่อยากจะเลิกเป็นอ.ส.ม.อีกไหมถ้าไม่มีเรามาหาวิธีแก้ปัญหานี้ด้วยกันดีไหม
หลังจากวันนั้น เราได้คิดอะไรหลายๆอย่าง แต่ที่สำคัญก็คือเรามีพลังใจอย่างล้นเหลือที่จะทำงานฟรี😊😊สู้ๆเว้ยอ.ส.ม.☺️☺️
โฆษณา