Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mr.Mom
•
ติดตาม
2 ธ.ค. 2019 เวลา 00:20 • ไลฟ์สไตล์
“สิ่งที่ต้องทำ”
หลังจากผม และครอบครัวย้ายเข้า “บ้าน” แล้วมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ และเรียนรู้ เพราะการย้ายมาอยู่ต่างประเทศแตกต่างกับการมา “เที่ยว” อย่างสิ้นเชิง
ผม และครอบครัวโชคดีที่เราได้ “บ้าน” ในราคาค่าเช่าที่รวมค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ทั้งค่าน้ำ, ค่าไฟฟ้า, ค่า Internet, ค่าแก๊สสำหรับ Heater
Internet มีการติดตั้ง Router ไว้กลางบ้าน และปล่อยสัญญาณ Wi-fi ทั้งหลัง ซึ่ง Internet ที่ประเทศอังกฤษเร็วมากๆ ครับ ใช้กันทั้งหลังยังไม่เคยเจอสัญญาณหลุด หรือสะดุดเลยครับ
Heater เป็นแบบรวม และตั้งเวลาเปิดปิด เหมือนกันทั้งหลัง
จะมีค่าใช้จ่ายเดียวที่ทางผม และครอบครัวต้องไปติดต่อ และชำระเองคือ “Council tax” เป็นภาษีที่ต้องชำระให้ทางเขต หรือเทศบาลที่เราอยู่ ผมคิดว่าน่าจะคล้ายๆกับ ภาษีโรงเรือนของประเทศไทยนะครับ แต่ที่นี่เป็นภาษีที่สูงมากครับ เพราะทางเขตหรือเทศบาลจะสอบถามข้อมูลของเราว่าอยู่กี่คน มาทำอะไร แล้วคำนวณภาษีมาให้ ถ้าเป็นนักศึกษาก็จะมีส่วนลด ซึ่งก็แล้วแต่ประเภทวีซ่าที่ได้มาครับ
Council tax ของครอบครัวผมคำนวณออกมาแล้วต้องชำระ ประมาณเดือนละ 150 ปอนด์ครับ (150 x 40 = 6,000 บาท) โดยชำระผ่านทาง Online ครับ
ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่รวมในค่าเช่าบ้านนั้น จากการสอบถามตอนผมไปดูบ้าน หรือห้องเช่าอื่นมานั้น จะตกประมาณเดือนละ 150 - 200 ปอนด์ แล้วแต่การใช้งานครับ
แต่...การที่ค่าใช้จ่ายต่างๆถูกรวมไว้ที่ค่าเช่านั้น ทำให้ผมและครอบครัวจะไม่มี “Billing” (ใบเรียกเก็บเงิน) จากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะมีผลในการขอเปิด “บัญชีธนาคาร” ครับ
“การเปิดบัญชีธนาคาร” ของที่นี่ถือว่ายากมากครับ ต้องมีการนัดวันเข้าไปเปิดบัญชี คือจะเดินเข้าไปในธนาคารแล้วขอเปิดบัญชีเลยไม่ได้ครับ เจ้าหน้าที่ไม่ทำให้ครับ ต้องนัดก่อนเท่านั้น และเอกสารต้องครบ
หนึ่งในเอกสารสำคัญคือ “เอกสารยืนยันที่อยู่อาศัย” ครับ ซึ่งต้องเป็นเอกสารที่ได้รับมากจาก ”หน่วยงานราชการ” เท่านั้น เช่น ใบเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ซึ่งของผม และครอบครัว ต้องรอจาก Council tax เท่านั้น ซึ่งกว่าจะมีเอกสารมาก็เป็นเดือนครับ
ใบเรียกเก็บเงินจากค่ายโทรศัพท์มือถือ หรือ Internet พวกนี้ธนาคารไม่รับนะครับ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ผม และภรรยาต้องไปติดต่อหน่วยงานชื่อ NHS (National Health Service) ที่อยู่ใกล้บ้าน ซึ่งก็จะเป็น “อนามัยชุมชน” ของที่นี่ ผม และครอบครัวต้องไปทำประวัติ และลงทะเบียนสุขภาพไว้ ส่วนนี้สำคัญกับ “ลูกสาว” ตัวน้อยของผมมากๆ เพราะต้องมีการนัดฉีดวัคซีนตามอายุครับ ซึ่งการบริการด้านนี้ของที่นี่ “ฟรี” ทั้งหมดครับ
en.wikipedia.org
NHS London - Wikipedia
หลังจากลงทะเบียนเสร็จ หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ ทาง NHS จะส่งจดหมายมาแจ้งเลขประจำตัวของแต่ละคน เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ
ขอกลับมาเล่าเรื่องการเปิดบัญชีธนาคารที่ยุ่งยาก เนื่องจาก “ความยุ่งยาก” นี้ ทำให้ที่ประเทศอังกฤษมี Fintech เยอะมากครับ และเกิด Online Banking ที่เป็นแบบไม่มีสาขาธนาคารเลยครับ Online ทุกกระบวนการเลยครับ ผมจึงลองโหลด และสมัครมาหนึ่ง App ชื่อ Monzo ครับ
MONZO
วิธีการสมัคร, การยืนยันตัวตน, การส่งเอกสารทุกอย่างผ่าน App ทั้งหมดครับ รวดเร็วมากครับ ผมลองสมัคร และส่ง “เอกสารยืนยันที่อยู่” เป็นจดหมายจาก NHS เพราะผมได้รับก่อน Council tax ครับ ปรากฎว่าผ่านครับ ใช้เวลาในการ Approved เพียงวันเดียวครับ ผมเปิดบัญชีธนาคารได้แล้วครับ และหลังจากนั้น 3 วัน ทาง App ส่งบัตรเดบิตให้ผมทันทีครับ
แก้ปัญหาความยุ่งยากเรื่องธนาคารได้หมดจดเด็ดขาดมากครับ ผมยอมรับว่าผมชอบ App นี้มากครับ และตื่นเต้นมากที่ได้ลองครับ ข้อเสียอย่างเดียวสำหรับ App นี้คือการฝากเงินสดเข้าบัญชีครับ เพราะผมยังไม่มีบัญชีธนาคารในประเทศอังกฤษ การ Link บัญชีจึงทำไม่ได้ ดังนั้นการฝากเงินจึงต้องไปฝากที่จุดฝาก Paypoint ครับ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียม 1 ปอนด์ ในการฝาก 1 ครั้ง
ถ้าถามว่าทำไมไม่เอาจดหมายจาก NHS ไปเปิดบัญชีธนาคารปกติ คำตอบคือ ธนาคารไม่รับครับ ผมทดลองมาหลายธนาคารแล้วครับ
ส่วนภรรยาผมหลังจากได้จดหมายจาก Council tax และนัดวันเวลาธนาคารเพื่อเปิดบัญชี เมื่อถึงวันนัดต้องใช้เวลาในการเปิดบัญชีทั้งหมด 2 ชั่วโมงในธนาคาร นอกจากยากแล้วยังนานอีกด้วยครับ
สำหรับการใช้จ่ายเงินในประเทศอังกฤษนั้น ส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต เดบิต เกือบทั้งหมดครับ แม้กระทั้งขึ้นรถเมล์, รถไฟฟ้า แทบจะ Cashless เกือบ 100% ดังนั้นการถือเงินสดติดตัวในแต่ละวันน้อยมากๆครับ (บางวันผมไม่พกเงินสดเลยครับ)
ผมขอแนะนำให้ทำบัตรประเภท Travel card / SCB Planet / K Journey ที่แลกสกุลเงินต่างประเทศไว้ในบัตรมาใช้ครับ สะดวกมากๆ และใช้ได้เกือบทุกแห่ง ยกเว้นการผูกบัตรเข้ากับ App หรือ Online บางอย่างเท่านั้นครับ แต่การใช้งานทั้วๆไปใช้ได้ดีครับ
“โทรศัพท์มือถือ” ส่วนนี้ไม่ยากมากครับ แค่เลือกค่ายที่จะใช้ กับโปรโมชั่น ซึ่งที่นี่มีตัวเลือกเยอะครับ ทั้ง O2, Vodafone, Three, EE....
ผม และภรรยาลองใช้ Three แบบเติมเงินมา 1 เดือน พบว่าสัญญาณไม่ดีครับ จึงย้ายค่ายเบอร์เดิมไป EE แบบรายเดือน เดือนละ 20 ปอนด์ เหตุผลเพราะ EE มี Free Wi-fi ที่สถานีรถไฟใต้ดินทุกสถานีครับ ปกติเวลาอยู่ใต้ดินจะไม่มีทั้งสัญญาณโทรศัพท์ และ Internet เลยครับ ทำให้ติดต่อ หรือหาเส้นทางการเดินทางไม่ได้เลยครับ ถ้ามี Wi-fi จะช่วยได้เยอะครับ
“สิ่งที่ต้องทำ” ที่ผม และภรรยาได้ทำนี้ ผมว่ามันเป็นประสพการณ์ที่ดีอย่างหนึ่งในชีวิตเรา ทำให้เราได้เรียนรู้หลายๆอย่าง รู้จักการแก้ปัญหา รู้จักการจัดการเวลา และได้เข้าใจวิธีคิด วัมนธรรมของต่างชาติ เพื่อมาปรับใช้กับตัวเรา ประเทศของเรานะครับ
บันทึก
4
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย