Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Mr.Mom
•
ติดตาม
2 ธ.ค. 2019 เวลา 15:11 • ไลฟ์สไตล์
“การเดินทางใน London”
เมื่อจัดการเรื่องต่างๆ ที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ผมต้องมาศึกษาเรียนรู้ “การเดินทางใน London” ซึ่งผมเคยอ่านรีวิวใน Pantip มาบ้างแล้ว แต่ในชีวิตจริงมันไม่เหมือนการอ่านขนาดนั้นครับ เลยต้องมีการลองผิดลองถูกกันไปครับ
ในวันแรกๆ ที่ ผม และครอบครัวมาถึง London ผม และภรรยาซื้อบัตร Oyster Card แบบเติมเงินคนละใบครับ เติมไป 10 ปอนด์ (เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เดินทางฟรีครับ) ปรากฎว่าเงินหมดเร็วมากครับ เพราะผม และครอบครัวเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ผมก็ยัง งงๆ กับค่าโดยสาร ที่แปรผันกับ Zone ที่เราจะเดินทางครับ (ตามตาราง)
ผมเชื่อว่าถึงดูตารางแล้วก็คงยัง งง กันครับ ผมขอสรุปตามประสบการณ์ของผมแบบง่ายๆครับ
Oyster Card มีแบบ Pay as you go (แบบเติมเงิน) และแบบ Travelcard (แบบเหมา)
Pay as you go (แบบเติมเงิน) นั้น มีค่ามัดจำบัตร 5 ปอนด์ ตอนซื้อครั้งแรก และจะคืนหลังจากถือบัตรเกิน 30 วันครับ เป็นบัตรที่คนทั่วไปที่อยู่ใน London ใช้ครับ ซึ่งจ่ายตามที่เราจะไป ไม่ต้องคิดมากครับ เพราะที่นี่มี Daily Cap กับ Weekly Cap ครับ หมายความว่ามีการ “จำกัดวงเงิน” การเดินทางให้เราครับ ถ้าเราเดินทางทั้งวัน และค่าเดินทางถึงตามที่ Cap ไว้ ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแล้วครับ การเดินทางหลังจากนั้น “ฟรี” เลยครับ
ยกตัวอย่างเช่น ผมอยู่ Zone 3 เดินทางเข้าเมือง ไป Zone 1-2 (ดูตามตารางบรรทัดที่ขีดเส้นใต้สีแดง จะเขียนว่า Zone 1-3 และช่องแรก Daily anytime £8.20) แสดงว่า Daily Cap อยู่ที่ 8.20 ปอนด์ ครับ ถ้าผมเดินทางเกินกว่า 8.20 ปอนด์ บัตรจะคิดเงินแค่ 8.20 ปอนด์เท่านั้นครับ
รูปจาก App ที่ผมเดินทางครับ
ผมมีรูปการเดินทางของผมให้ดูครับ จากรูปข้างบนที่เห็นตัวเลขเป็นสีเขียว หมายความว่าถึง วงเงินที่กำหนดแล้ว (£8.20)
Weekly Cap ก็เหมือนกันครับ แต่จะเป็นวงเงินของสัปดาห์ ตามที่ผมยกตัวอย่าง ถ้าผมเดินทาง Zone 1-3 มากทั้งสัปดาห์ (นับจากวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์) จะ Cap ที่ £41.20 ครับ
จะเห็นได้ว่าค่าเดินทางใน London สูงมากครับ
ส่วน Trevelcards จะเป็นบัตรเหมาค่าเดินทาง (ตัวบัตรจะเป็นกระดาษแข็ง ไม่ใช่พลาสติกนะครับ) ซึ่งจะเดินทางกี่ครั้งก็ได้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมากกว่าครับ ผมกับ ภรรยาเคยลองซื้อบัตร Travelcards มาใช้ในวันที่เราคิดว่าจะเดินทางเยอะครับ ซึ่งซื้อไปคนละ 13.10 ปอนด์ รวม 26.20 ปอนด์ แต่พอใช้ไปไม่คุ้มครับ
รถเมล์ เป็นอีกตัวเลือกที่ดีครับ เพราะราคาถูกเพียง 1.5 ปอนด์ และถ้าต่อรถเมล์ หรือใช้รถเมล์คันต่อไปภายใน 1 ชั่วโมงนับจากขึ้นคันแรก จะไม่ต้องเสียเงินครับ ซึ่งสะดวกครับเพราะที่ London รถไม่ได้ติดนานเท่ากับกรุงเทพครับ
การเดินทางทั้งรถไฟใต้ดิน รถเมล์ นั้นไม่รับ “เงินสด” ครับ ไม่มีเครื่องใส่เงิน หรือเครื่องทอนเงินทั้งสิ้นครับ ต้องใช้ Oyster card หรือ บัตรเครดิต เดบิตที่เป็น Contactless (แบบแตะบัตรที่เครื่องแล้วคิดเงินได้เลย และมีรูปคล้ายสัญญาณ Wi-fi บนบัตรครับ)
การจะใช้บัตร Contactless นั้น ต้องนำบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ไปลงทะเบียนใน App ของ Tfl (Transpot for London) จึงจะใช้ Rate และการ Cap เหมือน Oyster card ครับ
หน้าตาบัตร และการใช้
และการได้มาใช้ชีวิตที่ London ทำให้ผมได้ใช้งาน Apple pay ใน iphone สักที โดยการ Add บัตรเดบิต เข้าไป และเดินทาง หรือใช้จ่ายด้วยการเอามือถือแตะที่เครื่องรับ ผ่านการ Approved ด้วย Touch ID ดูเท่ห์ และสะดวกมาก ...แต่ในความเป็นจริงไม่ค่อยสะดวกครับ เพราะกว่าจะอ่าน Touch ID ผ่าน ใช้เวลานานไปนิดครับ ทำให้เกรงใจคนที่ต่อแถวด้านหลังครับ…
…คงมีคนแจ้งทาง Apple ว่าพบปัญหาเดียวกับผม ผมจึงได้ e-mail นี้มาเมื่อวาน
แตะแล้วผ่านเลย ไม่ต้อง Approve จะดีเหรอ?
ผมยังไม่ได้ไปทดลองนะครับ ไว้ลองแล้วจะมาบอกครับว่าดีร้ายยังไง
**อัพเดต** ไปลองใช้มาแล้ว เร็วขึ้นมากเลยครับ สะดวกดีครับ
เมื่อเรียนรู้ และเข้าใจ “การเดินทางใน London” แล้ว ผมก็ได้เวลาพา “ลูกสาว” ตัวน้อยผมไปดูโลกกว้างสักที…
1
บันทึก
11
2
2
11
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย