4 ธ.ค. 2019 เวลา 03:49 • ประวัติศาสตร์
"อะไรก็แล้วแต่ ที่แก้ไม่ได้ ที่ป้องกันไม่ได้ ไม่ต้องโทษใคร ขอให้โทษกรรม
ทั้งๆที่ได้ยินกับหู ได้เห็นกับตา เจอหรือโดนจังๆกับตัวเราเอง
เราพยายามแล้ว เตือนแล้ว บอกแล้ว แก้ไขแล้ว ป้องกันแล้ว แต่มันก็ยังมีเหตุ มันก็ยังเกิดเรื่อง
ทุกอย่างดูที่เจตนา หากเรามีเจตนาบริสุทธิ์ แต่เรื่องก็เกิด
ถึงจุดสุดท้ายแล้ว ปลายน้ำแล้ว สุดบรรทัดแล้ว จบเรื่องแล้ว หมดปัญญาแล้ว สุดจะคว้า หลังชนฝาแล้ว ลมหายใจสุดท้ายแล้ว หมดพุงแล้ว ฟางเส้นสุดท้ายแล้ว หมาจนตรอกแล้ว พยายามถึงที่สุดท้าย ฯลฯ
จงปลง แล้วทำใจ และปล่อยวาง คิดซะว่า มันเป็นกรรมของเขา ถ้าเราเห็นหรือได้ยินเขาทำหรือเขาเจอ เพื่อจะได้ไม่มีเวรมีกรรมหรือผูกเวรผูกกรรมต่อกันอีก
ถ้ามันเกิดกับเรา ก็คิดซะว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมของเรา เพื่อเราจะได้ไม่ต้องมองหาความผิดของใคร และตัวเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเก็บทุกข์ ไม่ว่าทุกข์นั้นจะเป็นของเราหรือของใคร
คิดซะว่าโลกนี้ทุกคนมีกรรม เขามีกรรม เรามีกรรม กรรมใครกรรมมัน ใครทำใครรับ ใครกินใครอิ่ม
เราไม่โกรธ ไม่บ่น ไม่ดา ไม่นินทา ไม่ว่าใคร ไม่มองใครผิด เพราะกรรมของเขานำพา
คิดและทำได้เช่นนี้ เราจะพ้นทุกข์พ้นบ่วงกรรม หมดเวรหมดกรรมต่อกัน มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยต่อไปได้
คิดเช่นนี้ เป็นการอภัย อโหสิ ยิ่งทำจิตเรายิ่งบริสุทธิ์ สว่างใส สติยิ่งมา ปัญญายิ่งเกิด บารมีเพิ่มพูน
มนุษย์อาจมองว่าเราเพี้ยน แต่จิตวิญญาณเราชอบ เขาสุข เขาเบิกบาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ผีสางเทวดาฟ้าดินท่านชอบ
พิจารณาเลือกเดิน เลือกปฏิบัติ เพื่อตนเองดีที่สุด ไม่มีใครรักเราจริงเท่ากับจิตวิญญาณของเราเอง"
โฆษณา