9 ธ.ค. 2019 เวลา 12:37 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 12
วันที่ 15 ธันวาคม 2561(ต่อ)
คนเราไม่อาจรู้อนาคต แต่สามารถเรียนรู้จากอดีตได้
แม้นไม่มีแร่ดีบุกสีเงินดึงดูดผู้คนมา
ภูเก็ตก็คงไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้
เรื่องราวของการสร้างบ้านแปลงเมือง
การผสมผสานวัฒนธรรม การมองกาลไกลทำสิ่งที่มีผล
เกินช่วงอายุคนหนึ่งคน คงเหลือไว้เป็นเรื่องราว
ให้ผู้สนใจได้ศึกษา พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว (Phuket Thai Hua Museum)
พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว (Phuket Thai Hua Museum)
ผมเลือกที่จะเดินเข้าชมด้วยความอยากรู้ว่าจะมีเรื่องราวอะไรให้ผมได้ศึกษาบ้าง
โถงต้อนรับ
ด้านในมีการจัดแสดงประวัติการอพยพของชาวจีน ที่ได้มาตั้งถิ่นฐานที่ภูเก็ต และการสร้างรากฐาน สร้างโรงเรียนจากรุ่นสู่รุ่น บงบอกถึงความพยายามและความอดทนของผู้คนที่มาบุกเบิกในสมัยนั้น ดั่งบทกลอนบนฝาผนัง
"แดนใต้เมืองไกลโพ้น มีดินแดนที่สมบูรณ์คือภูเก็ต
ชาวจีนจากบ้านเกิดเมืองนอน ตั้งรกรากยังดินแดนนั้น
ขยันทำงาน ทนทุกข์ยาก ประเพณีดีงาม ความกตัญญู
มารยาทยังคงรักษา เมื่อตั้งตัวได้และร่ำรวย ก็ไม่ลืมที่มา ว่าเป็นใคร
มาจากไหน ช่วยเหลือผู้อื่นและสังคม ชื่อเสียงเลื่องลือชั่วนิรันดร์"
พอผมได้อ่านบทความนี้ผมก็ตระหนักได้ไม่ยากว่า
คนจีนมีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษมากแค่ไหน และนั้นทำให้เค้ามีความแข็งแกร่งในครอบครัววงศ์ตระกูลอยู่มาก พอจะทำอะไรมีความสามัคคี ก็ย่อมสำเร็จได้
บทกลอน
ผมก็เดินอ่านประวัติหลายอย่าง ไล่เรียงช่วงเวลาต่างๆก็เริ่มนึกภาพตามได้ ว่าการมาและการสร้าง ผ่านช่วงเวลาต่างๆปัญหาต่างๆเป็นช่วงเวลานับร้อยปี
เกินช่วงอายุคนหนึ่งคน การฝากฝั่งและปลูกฝั่งอุดมการณ์ หน้าที่ที่ต้องสานต่อให้คนแต่ละรุ่น รับช่วงต่อมา เป็นอะไรที่น่าสนใจ บางสิ่งที่ทำไม่อาจสำเร็จในช่วงอายุเดียว แต่ก็สามารถส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปได้ทำจนสำเร็จได้
เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
ห้องประวัติศาสตร์
จนผมเดินเข้าไปในห้องหนึ่ง และเห็นบทความติดอยู่ที่ผนังเขียนหัวข้อไว้ว่า
" จริยธรรม ปัญญา พละศึกษา หมู่คณะ สุนทรียศาสตร์"
ผมอ่านดูก็พอเข้าใจว่าเค้าส่งต่อสิ่งต่างๆผ่านการศึกษานี่เอง
การปลูกฝั่งสิ่งดีๆให้กับคนแต่ละรุ่น ไม่ใช่แค่ศึกษาเพื่อเอาไปทำงาน ไปทำมาหากิน เพราะการศึกษาที่เน้นให้เอาไปทำมาหากิน จะเป็นแบบแข่งขันกันซะมากกว่าจะสามัคคีกัน
ป้ายคำสอน
ผมเดินดูเงียบๆเพราะไม่ค่อยมีคน แต่ก็ไปเจอกับชาวต่างชาติที่เข้ามาดูเหมือนกัน แต่ก็โชคดีที่แผ่นป้ายต่างๆมีสามภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ
ชาวต่างชาติเดินชม
ผมเดินชมอยู่พักใหญ่ ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ก็เดินออกจากตรงนั้น
แล้วเดินชมเมืองต่อ
เดินชมเมือง
จนมืดค่ำ ผมยังเดินเล่นอยู่ ไม่รู้จะขยันเดินไปไหน และก็ไปเห็นแสงไฟของอาคารแห่งหนึ่งดูสวยดี พอสังเกตก็รู้ว่าเป็นที่ตั้งของธนาคาร ต้องยอมรับว่าเป็นธนาคารที่อาคารสวยงามมาก
ธนาคาร
ย่านเมืองเก่าของภูเก็ตตอนกลางคืนนี้ก็สวยงามไม่น้อย สำหรับคนที่ชอบการถ่ายรูปผมก็แนะนำให้มาเดินเล่นดู ก็น่าจะได้มุมถ่ายรูปเยอะอยู่
ถนนยามค่ำคืน
จนผมเดินผ่านหน้าร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ผมก็แวะเข้าไปดู เพราะผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ร้านแห่งนี้ตกแต่งร้านได้ดีไม่น้อย มีอาหารกาแฟ และหนังสือให้คนอ่านเวลาดื่มกาแฟและถ้าใครถูกใจเล่มไหนก็สามารถเลือกซื้อติดมือกลับได้
ร้านหนังสือ
ผมเดินเข้าไปด้านหลังร้านก็มีมุมให้นั่งอยู่ด้านในด้วย เหมาะสำหรับคนที่อยากอ่านหนังสือเงียบๆสงบๆในมุมแบบนี้
บริเวณด้านหลังร้าน
และผมก็ออกจากร้านพร้อมได้หนังสือติดมือมาหนึ่งเล่ม
เดินกลับ
ผมคิดว่าสมควรแก่เวลา ผมก็เดินกลับห้องพักผ่อน ดูแสงไฟและตึกข้างทางไปเรื่อยๆ ผมก็บอกไม่ถูกกับความรู้สึกการเดินชมเมืองยามค่ำคืนคนเดียว ถ้าใครจะถามผม ผมก็คงบอกว่าไปลองดูเอาเองแล้วกัน และวันนี้ก็จบไปอีกวัน เตรียมตัวต่อกับภาระกิจวันพรุ่งนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา