11 ธ.ค. 2019 เวลา 02:28
สุญญตา/ความว่างเปล่า แหล่งกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง # 1
• จุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่งคือ”ความว่างเปล่า” หรืออาจจะเรียกวา “สุญญตา” ก็ได้ สุญญตานี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก และเริ่มต้นทีเดียวยังไม่มีสิ่งใดอยู่ในความว่างเปล่านี้ มันคือ ความกว้างใหญ่ไพศาลแห่งความไม่มีอะไรเลย “ไม่มีอะไรเลย” แปลว่าไม่มีสิ่งใดๆอยู่เลย ดังนั้น มันคือความไม่มีสิ่งใดเลย มันคือความกว้างใหญ่ไพศาลแห่งความไม่มีอะไรเลย หรือความกว้างใหญ่ไพศาลแห่งความว่างเปล่า
• มันคงจะยากสำหรับมนุษย์ที่จะนึกภาพความเป็นสุญญตาออก แต่ถ้าเปรียบเทียบว่าคล้ายๆกับในอวกาศที่ปกติจะมีดวงดาว มีดาวเคราะห์ และคุณมองเห็นมันอยู่ไกลๆลิบๆ แต่ในขณะต่อมาลองนึกว่าทุกอย่างหายไปหมด ไร้แสงสว่างใดๆ มันก็จะเหลือเพียงความมืด ความว่างเปล่า ความเงียบสงบและปราศจากการเคลื่อนไหวใดๆ นี่อาจจะพอเทียบเคียงกับสภาพความว่างเปล่าของสุญญตาได้บ้างหรือว่าคุณอาจะปล่อยให้ใจของคุณสงบและหยุดนิ่งแล้วจ้องมองอะไรบางอย่างนิ่งๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องคิดอะไรเลย คุณก็จะว่างจากทุกสิ่ง นั่นแหละ ความว่างเป็นคล้ายๆแบบนั้นแหละ
• ความว่างเปล่ามันดำรงอยู่ด้วยตัวมันเอง มันเป็นนิรันดร์
และปราศจากกาลเวลา มันเป็นอยู่ของมันอย่างนั้นตลอด
ชั่วกาลนาน แต่กระนั้นก็ตาม ในความเป็นความวางเปล่าที่ปราศจากสิ่งใดของมันนั้น ก็ดำรงไว้ซึ่งศักยภาพของทุกสิ่งทุกอย่างด้วย ดังนั้นความเป็นสุญญตานี้ก็คือความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ไพศาล แต่ทรงพลังอำนาจ
แห่งศักยภาพของความเป็นทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ด้วยความเป็นจิตสำนึกอันเป็นอนันต์อันบริสุทธิ์ ของมันเอง
• อยู่มาวันหนึ่งความว่างเปล่านี้ไม่มีอะไรจะทำ มันก็เลยกลับเข้าไปข้างในตัวมันเองแล้วก็พินิจพิเคราะห์ดูตัวมันเอง ความว่างเปล่านี้มันจะพินิจพิเคราะห์อะไรได้ ก็มันไม่มีอะไรอื่นใดให้พินิจพิเคราะห์เลยนอกจากตัวมันเอง ดังนั้นมันจึงได้แต่กลับเข้าไปข้างใน และพินิจพิเคราะห์ตัวมันเองเท่านั้น แล้วจากนั้นมีอะไรเกิดขึ้นรู้ไหม หลังจากที่ความว่างเปล่ามันพินิจพิเคราะห์ตัวมันเองแล้ว มันก็เกิดภาพสะท้อนของตัวมันเอง
ขึ้นมาในบัดดล หรืออาจจะเรียกได้ว่า มันได้สร้างหรือ
ขยายตัวตนของมันขึ้นมาอีกตัวตนหนึ่งแล้ว นี่คือครั้งแรกที่มันประจักษ์ถึงศักยภาพของมัน ที่มันไม่เคยรู้มาก่อน
• คุณยังจำได้อยู่ใช่ไหม ที่ว่าความว่างเปล่าคือความไม่มีอะไรเลย แต่ทรงไว้ซึ่งพลังอำนาจแห่งศักยภาพของ ความเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นหลังจากที่ความว่างเปล่านี้ได้พินิจพิเคราะห์ตัวมันเองแล้ว ศักยภาพที่หลับใหลอยู่ของตัวมันเอง จึงตื่นขึ้นมา และสิ่งที่เกิดขึ้นจากความว่างเปล่านี้ก็คือ ตัวมันเองอีกตัวหนึ่งนั่นเอง เราอาจจะเรียกความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นมาใหม่นี้ว่า “จิตวิญญาณ/จิตสำนึกต้นแบบ” หรือบางทีอาจเรียกว่า “พระผู้สร้าง”
• แล้ววันหนึ่งความว่างเปล่าก็กล่าวกับจิตวิญญาณ/จิตสำนึกต้นแบบ” ว่า “ข้าตื่นเต้นมาก
ที่เจ้าซึ่งเป็นพลังอำนาจแห่งศักยภาพ ที่ครั้งหนึ่งเคยหลับใหลอยู่ภายในตัวข้า ได้กำเนิดขึ้นมา เพราะการกลับเข้าไปพินิจพิเคราะห์ภายในตัวข้าเอง เจ้าคือส่วนหนึ่งหรือส่วนขยายของข้า ข้าปลาบปลื้มมากและข้าก็รักเจ้ามาก ตอนนี้ขอให้เจ้าลองมาเล่นสนุก โดยทำอย่างที่ข้าทำในตอนแรกเถิด”
• หลังจากที่ความว่างเปล่าบอกกับจิตวิญญาณบริสุทธิ์/
จิตสำนึกบริสุทธิ์ต้นแบบ ว่า เจ้าจงมาสนุกกับการกลับเข้าไปวิปัสสนาภายในตัวของเจ้าเองเถิดเพื่อให้มีตัวของข้านี้เพิ่มมากขึ้นอีกเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อความว่างเปล่าบอกให้จิตวิญญาณบริสุทธิ์/
จิตสำนึกบริสุทธิ์ต้นแบบกลับเข้าไปพินิจพิเคราะห์ภายในของตนเองแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น
• สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือบางอย่างที่หลับใหลอยู่ใน รูปแบบของพลังอำนาจแห่งศักยภาพก็บังเกิดขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ “จิตวิญญาณหรือจิตสำนึกรุ่นที่สอง
ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของ ความว่างเปล่าเองเช่นกัน
ดังนั้น ส่วนหนึ่งที่เคยเป็นพลังแห่งศักยภาพที่หลับใหลอยู่ภายใน ของความว่างเปล่า ก็บังเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุนี้เอง
นี่คือวิธีการกำเนิดขึ้นของทุกสิ่งทุกอย่าง จากความไม่มีอะไรเลย
• อาจจะกล่าวได้ว่าจิตวิญญาณหรือจิตสำนึกต้นแบบ
และจิตสำนึกรุ่นที่สองนี้มีคุณดำรงอยู่ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว เพราะดำรงอยู่ภายในความว่างเปล่าอันนั้น ในรูปแบบของพลังอำนาจแห่งศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ แล้วเมื่อความว่างเปล่านั้นได้กลับเข้ามาพินิจพิเคราะห์ภายในขอ
งตัวเองจึงตื่นขึ้นมา ดังนั้นความว่างเปล่านี้จึงเป็นพ่อ/แม่ผู้ให้กำเนิดคุณ และนี่แหละคือต้นกำเนิดของคุณ
ยังมีต่อค่ะ ➡
——————————- 💟💟💟
โฆษณา