2 ม.ค. 2020 เวลา 12:34 • สุขภาพ
🍀"ฆ่าแมงกินฟันด้วยเมล็ดกุยช่าย"🍀
ประสบการ์ณที่ไม่เคยลืม
หมอยาท่าBD
ในหนังสือMedicinal plants in Thailand เขียนสรรพคุณ สมุนไพรไทยเป็นภาษาอังกฤษ
มีอยู่สรรพคุณหนึ่งที่ระบุว่า"ใช้ควันรมฆ่าหนอนกินฟัน" แต่ทำไมในตำราไทยไมระบุไว้เลยเลย
ผมอ่านค้นคว้าตำราสมุนไพรฉบับภาษาอังกฤษ ดูและเปรียบเทียบสรรพคุณ สมุนไพร ซึ่งก็มีความใกล้เคียงกันมาก
ในหนังสือบรรยายสรรพคุณว่า
seed:anthelmintic for threadworm and horse whip worm,....expels clotted menstrual discharge.
stem and leaves grind with alcohol 28-40%(เหล้าขาว เหล้าโรง) and a little alum(สารส้ม)filter: take for dysuria with urinary stone and gonorrhea(โรคหนองใน)
roasted seed grind to powder and mix with tang oil(น้ำมันตังอิ้ว) soak with cotton apply to dental carriers
และข้อนี้เป็นประสบการ์ณที่ ผมเจอกับตัวในสมัยเด็ก
เนื้อหาในตำรา
คำว่า allow smoke of roasted seed to pass into the ear canal to kill small insect lodged there.(เอาควันจากการเผาเมล็ดผ่านทางรูหูเพื่อ ฆ่าแมงกินฟัน)
ผมเจอ การใช้ควันฆ่าแมงกินฟัน เมื่อสมัยเด็กโดยคุณตาแก่ๆคนหนึ่ง แกเป็น"หมอรมแมงกินฟัน"
สมัยตอนเด็ก ผมปวดฟันมาก แทบกินอะไรไม่ได้ ตอนนอนหลับก็ ปวดทรมานมาก คุณตาของผมถึงแม้ท่านจะเป็นหมอแผนโบราณที่เก่ง
ท่านชำนาญเรื่องแก้พิษสุนุขบ้า เรื่องแก้ดีซ่านแต่ท่านไม่ชำนาญในการแก้ปวดฟัน ซึ่งต้องอาศัยหมอโบราณที่เชี่ยวชาญ เฉพาะบางโรค
ซึ่งแน่นอนว่า ตาแก่ๆ คนนั้นแหละครับคือ หมอผู้เชี่ยวชาญโดยตรงด้าน "การฆ่าแมงกินฟัน"
พูดง่ายๆคือ ถ้าใคร ฟันเป็นแมง ก็ต้องมาหาหมอคนนี้เท่านั่น
จำได้เมื่อผมไปถึง แกมีภาชนะ ที่มีฝาครอบปิด ด้านบนมีท่อ ไม่ยาวสักเท่าไหร่สำหรับ สอดเข้าไปในหู
มีเตาถ่านอังโล่ ที่มีไฟลุกแดงร้อนระอุ
หมอถามผมว่า"ปวดข้างไหน" ผมตอบแกว่า "ข้างขวา"
แกพูดว่า" มีแมง" แล้วแกก็เอากระเบื้อง ขนาดเล็กไปเผาไฟจนแดง แล้วยกมาวางบนถาด
หลังจากนั้น แกเท เมล็ดอะไรก็ไม่รู้สีดำๆ ใส่กระเบิ้อง เอาน้ำมันเท และครอบฝา
แกให้ผมเอาหูขวา เอียงลงให้เข้ารูท่อนั้น ที่กำลังมีควันพุ่งออกมา ใส่หูให้เข้ากับท่อ
ความรู้สึกที่ยังจำได้แม่นยำไม่ลืม คือ อุ่นในหู แกให้ผมแนบอยู่ สักพักจนควันหมด
ไม่น่าเชื่อคือ มันหายปวดไปเลย แบบปลิดทิ้ง
หมอแก่ เอากระเบื้องออกมาเขี่ยให้ ผมดู มีตัวขาวๆงอๆปนอยู่ในเมล็ดยานั้น"นี่ไงแมง"
ผมไม่รู้ว่า คุณตาจ่ายค่าหมอไปกี่บาท แต่คาดว่าไม่กีสิบบาท
ภาพเมล็ดสีดำ และความทรงจำนั้นยังอยู่กับผมไม่เคยลืมเลือน จนกระทั้งได้มาเรียนหมอแผนโบราณ ต้องเรียนสรรพคุณยาสมุนไพร
จนได้อ่านตำรา Medicinal Plants in Thailands ถึงได้ตื่นรู้ในทันทีเมื่ออ่านเจอ
และยังได้ทราบอีกว่า เมล็ดกุยช่ายที่ใช้ ต้องเป็น "เมล็ดกุยช่ายจีน" ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีใช้กันอยู่ครับ
นี้คือประสบการ์ณ ที่เกิดขึ้นจริงที่อยากนำมาเล่าแบ่งปัน เพราะเชื่อว่า ภูมิปัญญานี้ คงจะหายสายสูญไปแล้วอย่างแน่นอน
เขียนรับใช้แต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม
อยู่ดีมีสุขทุกท่าน
สวัสดีครับ
โฆษณา