13 ธ.ค. 2019 เวลา 04:14 • กีฬา
ความสำเร็จของนักกีฬา อยู่ที่จิตกำหนด
Mindset หมายถึง "จิตกำหนด" หรือหมายถึง ความคิดที่ส่งผลต่อการกำหนดพฤติกรรม ทั้งนี้ Mindset เป็นเรื่องที่ต่างประเทศให้ความสำคัญมากๆ เพราะ Mindset ที่ดี จะเป็นตัวเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จให้กับนักกีฬา...ในทางตรงกันข้าม Mindset ที่ผิด ย่อมเพิ่มโอกาสในความล้มเหลวให้กับนักกีฬา
ยกตัวอย่าง
อดีตนักแบดมินตันหญิงมือหนึ่งของประเทศไทย ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม เวลาเจอนักกีฬาจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น สิ่งที่เธอคิดไว้ในหัวอยู่ตลอดเวลาคือ "เราเป็นรอง" ที่แย่ก็คือ แม้แต่ทีมงาน แท้แต่โค้ชก็พูดแบบนั้น ย้ำอยู่ตลอดว่า เราเป็นรอง ย้ำจนมันฝังลงไปในจิตใต้สำนึก เมื่อนักกีฬาคิดแบบนี้ ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนาม เพราะเมื่อบอกตัวเองทุกวันว่า เป็นรอง แข่งยังไงก็ไม่ชนะ มันก็สะท้อนความคิดออกมาผ่านพฤติกรรม คือซ้อมน้อย ไม่มีสมาธิในการซ้อม เพราะไม่รู้จะซ้อมไปทำไม และพอถึงวันแข่งก็แพ้ ตามระเบียบ
จนกระทั่งนักกีฬาคนดังกล่าว ไปพบผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Mindset ก็ได้รับคำแนะนำว่า ให้เปลี่ยน Mindset เป็น "ฉันชนะใครก็ได้ในโลกนี้" และสั่งให้นักกีฬาคนนี้บอกตัวเองทุกวัน และปรับวิธีการฝึกซ้อมใหม่ วิ่งมากขึ้นในระยะทางที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความอึดสำหรับเกมส์ระยะยาว เข้าฟิตเนสเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ จะไดตีแรงขึ้น ตบแรงขึ้น ฝึกความคล่องตัว ความเร็ว เพื่อเอาชนะ คู่ต่อสู้ตัวใหญ่กว่า เวลาผ่านไป นักแบดหญิงคนนั้นกลายเป็นนักแบดที่ดีที่สุดในประเทศไทยแล้วก้าวสู่ ท็อปเทนของโลก
น่าเสียดายที่หลังจากนั้นผลงานเธอก็ตกลงอีกครั้ง เพราะว่า มี Mindset ที่ไม่ดีแฝงอยู่ นั่นคือ พอทำอันดับถึงท็อปเทน เธอก็สั่งจิตตัวเองว่า "สำเร็จแล้ว" โดยไม่ได้คิดจะก้าวสูงขึ้นไปหรือรักษามาตรฐานไว้
นักกีฬาไทยหลายคนผมสันนิษฐานว่า ลึกๆ คงมี Mindset ลักษณะนี้แฝงอยู่ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว เช่น ภราดร ศรีชาพันธ์ สมรักษ์คำสิงห์ มนัส บุญจำนงค์ รัชนก อินทนนท์ มีบางส่วนที่รู้ตัวชัดเจนก็เลิกไป เช่น วิจารณ์ พลฤทธิ์ เป็นต้น
เปรียบเทียบกับนักกีฬาต่างประเทศ ค่อนข้างชัดเจนว่า คำพูดที่เขาสื่อออกมามันมีพลังมากกว่านักกีฬาไทยอย่างชัดเจนและมีนัยยะ.
ยกตัวอย่างเช่น โรเจอร์ เฟเดอร์เรอร์ อดีตนักเทนนิสเบอร์หนึ่งของโลก และอดีตนักเทนนิสที่ดีที่สุด เท่าที่โลกเคยมีมา ลั่นวาจาออกสู่สาธารณะชนชัดเจนว่า "สำหรับผม ตำแหน่งที่ผมควรอยู่ คือ เบอร์ 1 ของโลกเท่านั้น"
หรือแม้กระทั่ง ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชาวสเปน อดีตมือ 1 ของโลกอีกคนหนึ่ง สมัยเป็นดาวรุ่งเคยแพ้กระทั่ง ภราดรของเรา หนุ่มสเปนคนนี้ เคยซ้อมกับนักเทนนิสเพื่อนร่วมชาติ คือ คาลอส โมย่า ในตอนนั้นโมย่า ยังครองเบอร์หนึ่งของโลกอยู่ และได้กล่าวชมนาดาลระหว่างซ้อม แต่สิ่งที่นาดาลพ่นกลับมาคือ "มันไม่ใช่แค่นี้หรอก ผมจะยิ่งใหญ่กว่าคุณอีก" ไม่กี่ปีต่อมา นาดาลกลายเป็นนักเทนนิสมือหนึ่งของโลก
กลับมาที่วงการกีฬาบ้านเรา โดยเฉพาะวงการมวยสากล เท่าที่ผมเคยสนทนากับนักมวยบางคน บางคนมี Mindset ที่ดีมาก แต่บางคนมี Mindset ที่ไม่เหมาะเท่าไหร่ และคนที่หล่อหลอม Mindset ที่ไม่ดีนั้นขึ้นมาให้ตัวนักกีฬาหลายๆครั้งก็คือตัวผู้ฝึกสอนเอง ตัวผู้จัดมวยเอง เช่น การเอามวยหมูมาเชือด การฝึกซ้อมที่เน้นพละกำลังมากกว่า เทคนิค และแทคติกที่จำเป็น
ลองสังเกต มวยนอกที่เป็นมวยบุกแบบจัดจ้านดู ไมค์ ไทสัน แมนนี่ ปาเกียว หรือกระทั่งโรมัน กอนซาเลซ พวกนี้เป็นมวยบุกธรรมชาติ แต่สิ่งแรกที่เขาถูกฝัง Mindset ไว้ก็คือ "ป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา" หรือ "ต่อยเขาให้ได้มากที่สุด แต่ตัวเองเจ็บตัวน้อยที่สุด" ดังนั้นจะเห็นได้ว่่า พวกนี้ การ์ดแน่น โยกหัวตลอด และเท้าเร็ว
ส่วนนักมวยไทยที่ถูกหล่อหลอมมาให้นิยมพละกำลังพลังหมัด และความอึด ก็จะเดินหน้าต่อยเขาโดยลืมป้องกันตัว ดังนั้นเวลาเจอพวกเบสิคจ๋า จึงเจ็บตัวกันหมด........
สรุปคือ การโค้ชสมัยใหม่ บางครั้งโค้ชภายนอกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโค้ช ต้องสอน ต้องเปลี่ยนนักกีฬาที่ความคิดรวมถึงความเชื่อที่อยู่ในจิตใต้สำนึกด้วย จึงจะทำให้นักกีฬาพัฒนาไปในทางที่ดีและถูกต้อง
โฆษณา